กรุงเทพฯ : ตึกสำนักงาน คาร์โก จำกัด (มหาชน)
“คุณธันมาโน่นแล้ว”
เหล่าพนักงานสาวออฟฟิศต่างพากันซุบซิบเรื่องประธานบริษัทคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทวันแรก พวกเธอเคยแค่เห็นหน้าเขาผ่านรูปของบอร์ดบริหารเท่านั้น ตั้งแต่ที่ท่านประธานคนก่อนเกษียณตนเอง ผู้ที่จะรับตำแหน่งนี้ก็มีเพียงลูกชายคนเดียวของท่านซึ่งเรียนอยู่ที่อเมริกา เป็นเวลาเกือบสองปีที่พนักงานไม่เคยเห็นหน้าประธานบริษัทของพวกเขาเลย จะมีก็แต่เพียงเหล่าบอร์ดบริหารเท่านั้นที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มผ่านการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และวันนี้ถือเป็นวันเปิดตัวท่านประธานสุดฮ็อตที่ลือกันว่าหล่องานดีชนิดเดินผ่านสาวๆ ต้องเหลียวหลัง
‘ธัน’ ธีทัศ ปัทมรุ่งโรจน์ อายุสามสิบปี หนุ่มหล่อไฟแรงเพิ่งกลับมาจากอเมริกาและมารับตำแหน่งประธานบริษัทคาร์โก จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ซูเปอร์คาร์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เดินเข้ามาในออฟฟิศด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตรกับพนักงาน
วันนี้ธีทัศมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยสูทสีดำ แม้จะดูทางการ แต่เขาเลือกที่จะไม่ผูกเน็กไทเพื่อให้ลุคดูสบายๆ ไม่ให้พนักงานรู้สึกเกร็ง แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ผิวสีแทน รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคายตามแบบฉบับชายไทย เรียกเสียงฮือฮาจากสาวๆ ในออฟฟิศเป็นอย่างมาก
“สวัสดีครับทุกคน เรียกผมว่าคุณธันก็ได้นะ ขอบคุณและก็ขอโทษทุกคนด้วยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสได้แนะนำตัวจริงจัง ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่ไทยถาวร และจะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างเต็มตัว ขอฝากตัวกับทุกคนด้วยนะครับ”
ธีทัศพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมและเป็นกันเองกับพนักงานบริษัท แต่ขณะเดียวกัน ความจริงจังของเขาก็ยังทำให้ดูน่าเคารพยำเกรง เหล่าพนักงานต่างพากันแนะนำตัวพร้อมทั้งให้การต้อนรับท่านประธานอย่างเต็มที่
“เอ้อ คุณปกรณ์ วันนี้ผมอาจจะขอตัวไปทำธุระช่วงกลางวันสักครู่ ยังไงฝากคุณช่วยดูความเรียบร้อยที่บริษัทที แล้วช่วงเย็นๆ ผมจะเข้ามาใหม่” ธีทัศหันไปบอกกับปกรณ์ คนสนิทที่ทำหน้าที่เลขาฯ ของเขา
ปกรณ์จะคอยเช็กตารางงานในแต่ละวัน รวมถึงทำหน้าที่ขับรถให้กับเขาด้วย แต่วันนี้ธุระที่ประธานหนุ่มจะไปทำ เขาต้องการไปเพียงคนเดียวเท่านั้น จึงสั่งให้ปกรณ์อยู่ดูแลความเรียบร้อยที่ออฟฟิศแทน
“ได้ครับคุณธัน” ปกรณ์ตอบรับอย่างว่าง่าย
เมื่อได้ยินดังนั้น ธีทัศจึงรีบออกจากบริษัทด้วยรถยุโรปคันหรูคู่ใจตรงไปยังจุดหมายทันที แค่คิดว่าจะได้เจอ ‘เธอ’ ในรอบเจ็ดปี เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ดวงหน้าหล่อจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ
……………………………………………….
แสงแดดเจิดจ้าในฤดูร้อน ผู้คนต่างวิ่งวุ่นพาตัวเองเข้ามาหลบอากาศที่ร้อนระอุภายในคาเฟ่ใจกลางเมือง ซึ่งมีหญิงสาวกำลังทำหน้าที่บาริสต้าอย่างแข็งขัน
แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ต้องบอกร่างกายให้สู้ เพราะช่วงเวลาพักเที่ยงแบบนี้นี่แหละคือช่วงเวลาหอมหวานในการกอบโกยรายได้ให้กับคาเฟ่ของเธอ หนุ่มสาวออฟฟิศแทบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทุกพักเที่ยงจะต้องแวะซื้อเครื่องดื่มเพื่อบรรเทาอาการง่วงก่อนกลับเข้าไปทำงาน
และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่ ‘วุ้นแก้ว’ วรินทร์รัมภา อรุณฉาย เลือกเช่าคาเฟ่ในพื้นที่ใจกลางเมืองอย่างทองหล่อแห่งนี้ แม้ค่าเช่าจะสุดแสนแพง แต่ถ้าเทียบกับรายได้ที่เข้ามาแล้วก็ถือว่าคุ้มพอสมควร พาให้หญิงสาวมีรอยยิ้มประดับใบหน้าเสมอเมื่อมีลูกค้าเดินเข้าร้านมาไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงโมบายล์แขวนกระทบกันดังกรุ๋งกริ๋งเป็นระยะ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายดูดี โดดเด่น ตามแบบฉบับของพนักงานออฟฟิศที่ก้าวเข้ามาพร้อมเสียงใสๆ ของโมบายล์โลหะก็เรียกความสนใจจากสายตาผู้คนที่นั่งอยู่ก่อนภายในร้านให้หันมาจับจ้อง แต่สิ่งที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไปคงจะเป็นข้าวของและยี่ห้อเสื้อผ้าที่ชายคนนี้ใช้ ซึ่งดูก็รู้ว่าราคาคงไม่ธรรมดาแน่ๆ
วุ้นแก้วมองเจ้าของร่างสูงโปร่งสมาร์ตก่อนจะส่งยิ้มให้กับลูกค้าหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันนาน ดวงหน้าสวยหวานส่งยิ้มให้ ระคนด้วยความแปลกใจที่เห็นเขาก้าวเข้ามาในร้าน
“นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยววุ้นแก้วเอากาแฟมาให้นะคะ”
หญิงสาวเข้าไปทักทายพลางมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเขินอาย แม้จะไม่ได้พบกันมาหลายปี แต่ธีทัศก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลย เขายังคงดูดีเสมอสำหรับเธอ
“ได้ครับ งั้นพี่เอา…” ธีทัศทำท่าจะสั่งเครื่องดื่ม แต่โดนเบรกไว้เสียก่อน
“กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล วุ้นแก้วจำได้ค่ะ”
ความน่ารักและเอาใจใส่นั้นทำให้ธีทัศยิ้มออกมา วุ้นแก้วยังคงเป็นเด็กสาวที่น่ารักเหมือนเดิม เธอยังจำได้ว่าเขาชอบดื่มอะไร
“กาแฟมาแล้วค่ะ” วุ้นแก้วนั่งลงที่โต๊ะเพื่อพูดคุยกับธีทัศ ขณะที่ให้พนักงานคนอื่นๆ ช่วยดูแลลูกค้าแทน “พี่ธันกลับมาไทยนานแล้วเหรอคะ”
“ก็กลับมาได้เดือนหนึ่งแล้วละครับ แต่พี่เพิ่งเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศวันนี้วันแรก วุ้นแก้วเป็นไงบ้าง ตอนที่รู้ว่าวุ้นแก้วมาเปิดร้านกาแฟ พี่งงมากเลย ไหนบอกว่าจะกลับไปช่วยงานอู่พ่อที่เชียงใหม่ไง แล้วทำไมถึง...”
ธีทัศถามด้วยความสงสัย เขากับวุ้นแก้วเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลมาด้วยกัน ยังจำได้แม่นว่าที่สาวน้อยคนนี้เลือกเรียนสาขาเครื่องกลด้วยเหตุผลว่าต้องการกลับไปช่วยงานพ่อที่อู่ซ่อมรถ ต่อไปกิจการต้องเป็นของเธอ ส่วนเขาที่เลือกเรียนสาขานี้ก็เพราะว่าต้องการนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้กับงานที่บริษัทของบิดา
แต่หลังจากที่ไปเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจที่อเมริกา ธีทัศกับเธอก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย อาจเพราะเวลาของที่อเมริกากับไทยค่อนข้างต่างกัน และวุ้นแก้วเองก็ไม่ใช่หญิงสาวที่เสพติดโซเชียลมีเดีย เลยทำให้เขาไม่ได้อัปเดตชีวิตเธอมากนัก แต่เมื่อกลับมาไทย เขาก็รีบหาทางติดต่อเธอทันที แม้การติดต่อในครั้งนี้จะมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ก็ตาม...
“พี่ธันจำได้ไหมคะว่าวุ้นแก้วมีความฝันอยากเปิดร้านกาแฟด้วย พ่อวุ้นแก้วเสียไปเมื่อสองปีที่แล้วน่ะค่ะ วุ้นแก้วก็เลยคิดว่าอยากลองทำตามฝันตัวเองดูบ้าง แล้วถ้าไม่เวิร์ก วุ้นแก้วค่อยกลับไปช่วยแม่ทำสวนที่เชียงใหม่ ตลกดีเหมือนกันนะคะ สุดท้าย ความรู้ที่เรียนมาก็ไม่ได้ใช้สักนิด” วุ้นแก้วพูดยิ้มๆ แต่แววตาแฝงไปด้วยความเศร้า