ตอนที่5 มีงานรออยู่
การแข่งขันยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ บรรดาพริตตี้เริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มรอถึงเวลางานจบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถมองเห็นพรลภัสได้อย่างชัดเจนเพราะเธอเด่นตากว่าเพื่อนที่ยืนจับกลุ่มกันมาก
“จองโรงแรมหรือจะกลับกรุงเทพฯ”
“ยุ่งอะไรกับกู” พิธานยักคิ้วแสยะยิ้มใส่เขาที่ยืนมองคน ๆ หนึ่งอย่างตั้งใจมาสักพัก
“หิ้วกลับไปด้วยสิวะ”
“มึงไม่ต้องไปยุ่งกับมันหรอก ไปที่เดิมกับกูนี่” ชนะวินทร์รู้ดีว่าที่เดิมคือที่ไหน เพราะพวกเขาจะมาที่นี่ทุกครั้งที่มีแข่ง และมีเด็กประจำอยู่จังหวัดนี้ด้วย
“เออ เปิดห้องนอนที่โรงแรมกันดีกว่า ไม่กลับแม่งละเดี๋ยวโทรให้เด็กมานอนด้วย” หมอนพดลไม่ขัดขืนกับสิ่งที่อีกคนวางแผนให้เพราะไหน ๆ ก็หยุดตั้งสองวัน
“ไอ้วินทร์มึงจะไปไหน”
“มึงสองคนไปด้วยกัน” เขาทิ้งเพื่อนทั้งสองก่อนจะแยกตัวออกมาเมื่อเห็นว่ากลุ่มพริตตี้ในสนามกำลังสลายตัวเพราะการแข่งขันรายการสุดท้ายได้สิ้นสุดแล้ว
“เป็นอะไรเห็นทำตัวล็อกแล็กตั้งแต่กลางวันละ” นาราทนท่าทางหวาดระแวงของเพื่อนไม่ได้จึงถามขึ้นขณะที่เดินกลับไปห้องแต่งตัว
“ก็ที่เล่าให้ฟังเรื่องค่ารักษาของณัฐไง วันนี้เราเจอเขาที่นี่”
“ห๊ะ! ไหนอะอยากเห็น”
“จะอยากเห็นเขาทำไมเรายิ่งไม่อยากเจออยู่” พรลภัสกระซิบว่า ก่อนจะเดินเร็ว ๆ เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ตกลงกันไว้ว่าจะหาห้องพักเล็ก ๆ นอนด้วยกันค่อยนั่งแท็กซี่กลับตอนเช้ามืด
“พี่เก้าบอกว่านั่งแท็กซี่ไปอีกสองโลจะมีห้องพักคืนละห้าร้อย”
“โอเค” นาราเป็นคนเปิดประตูออกไปก่อน และเธอก็เดินตามติด ๆ แต่ก็ต้องดึงเพื่อนให้หยุดฝีเท้าอยู่ด้วยกันเมื่อเห็นแผ่นหลังของคนที่เจอตอนกลางวัน และเขาก็หันกลับมาเมื่อรู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านหลัง
“ฉันมีธุระกับพรลภัส” เจ้าของชื่อรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ท่าทางเขาไม่ได้ดูคุกคาม นาราตัวแข็งทื่อเมื่อได้เห็นหน้าคนที่เพื่อนพูดถึงครั้งแรก ‘หล่อขนาดนี้ยังต้องซื้อผู้หญิงอีกเหรอ’
“เอ่อ...”
“กลับยังไง”
“คะ?”
“กลับกันยังไง”
“เราจะไปนอนที่ห้องพักรายวันค่ะ เช้าถึงนั่งแท็กซี่กลับ” เป็นพรลภัสที่ควานหาเสียงจนเจอ ส่วนนาราเอาแต่จะมองตาเขาผ่านแว่นจนดูคุกคาม ชนะวินทร์จึงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบเงินให้เพื่อนของเธอสี่พันบาท
“ให้นาราทำไมคะ”
“คืนนี้นอนคนเดียวได้ใช่มั้ย” นารารับเงินเขามาอย่างงง ๆ ก่อนจะประมวนผลเอาทีหลังว่าเธอควรไปหาที่นอนตัวคนเดียวเพราะเขาจะเอาเพื่อนเธอไป
“ดะ..ได้ค่ะ ไว้เจอกันนะ” พรลภัสเม้มปากแน่นดวงตากลมโตหลุกหลิกไปมาเมื่อเหลือตัวคนเดียวที่มีเขายืนอยู่เบื้องหน้า
“ตามมา”
หญิงสาวตามเขามาจนถึงรถหรูคันหนึ่ง ชนะวินทร์เข้าไปประจำตำแหน่งคนขับแต่พรลภัสยังยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าแตะต้องรถของเขา
“ยืนรออะไร”
“คือ...ให้น้องภัสนั่งตรงไหนคะ” หญิงสาวก้มหน้าลงถามเมื่อเขาลดกระจกลง
“นั่งหน้า”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มขับรถออกจากสนามก็เลี้ยวเข้าโรงแรมหรูราวกับรู้แผนที่แถวนี้ดี เธอเดินตามเขาเงียบ ๆ จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ
“เชิญทางนี้ค่ะคุณผู้ชาย” พนักงานสาวทำหน้าที่นำทางพาขึ้นมาอยู่ที่ชั้นเจ็ด และนำมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งพร้อมบริการเปิดประตูให้เสร็จสรรพ หัวใจของพรลภัสเหมือนลูกโป่งที่เต็มไปด้วยก๊าซ มันจะแตกหรือหลุดลอยก็ยังไม่รู้
เมื่อในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาความเงียบก็เข้าครอบคลุม ชายหนุ่มนั่งลงที่โต๊ะทานอาหารเล็ก ๆ ก่อนจะวางกระเป๋าสตางค์ และถอดนาฬิกาข้อมือออกไว้คู่กัน
“กินอะไรก่อนมั้ย”
“น้องภัสไม่หิวค่ะ”
ชนะวินทร์เหลือบสายตามองหญิงสาวร่างเพรียวบางแต่ไม่ได้ดูผอมที่สั่นเกร็งเกินเหตุ
“เดี๋ยวมาไวน์มาส่ง เธอเปิดชิมก่อนได้เลย” ชายหนุ่มเดินผ่านเธอที่ยืนใจสั่นไปยังห้องน้ำ ร่างบางหันตามมองเขาอย่างเผลอไผล แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกสายตาคมหันกลับมามอง
“หรือจะอาบด้วย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ซ่า...
เสียงน้ำดังขึ้นไม่นานหญิงสาวก็ต้องเปิดประตูมารับเครื่องดื่มที่หน้าห้อง เธอวางมันโต๊ะที่มีของ ๆ เขาวางอยู่ไม่ได้สนใจนาฬิกาที่ไม่รู้มูลค่านั่นเลย
“จะอาบน้ำก่อนมั้ย”
“อุ้ย!” พรลภัสสะดุ้งหันฉับจนเส้นผมปลิวสยายตาม เขามายืนซ้อนหลังในสภาพที่สวมชุดคลุมเตรียมพร้อม และทำให้เธอกลายเป็นคนตัวเล็กขึ้นมาเพราะศีรษะอยู่แค่ระดับคางของเขา
“น้องภัสขออาบน้ำค่ะ”
“ให้ช่วยมั้ย”
ตึก ๆ ตึก ๆ
หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวยิ่งกว่าอะไรเมื่อเขาเริ่มจู่โจมเธอด้วยคำพูด ชนะวินทร์หันไปนั่งรินไวน์ดื่มเธอจึงสวนเข้าไปอาบน้ำ และใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงกว่าจะออกมาในชุดคลุมสีขาวเหมือนกันกับเขา…ไวน์ก็พร่องไปเกินครึ่งแล้ว
“มานั่งนี่” ชายหนุ่มตบมือบนหน้าตักบอกที่ ๆ เธอควรใช้มันแทนเก้าอี้ พรลภัสก็ทำตามอย่างว่าง่าย และตัวสั่นสะท้านหนักจนอีกคนรู้สึก
“กลัวฉันเหรอ” ชนะวินทร์กระซิบถามข้างแก้มเนียน และมันทำให้หญิงสาวลอบกลั้นหายใจ
“ทำตัวตามสบายสิ ฉันไม่ชอบขืนใจใครนะ”
“น้องภัส…ตื่นเต้นค่ะ”
“ทำเหมือนตัวเองเพิ่งอายุสิบห้าไปได้”
“คุณวินทร์อายุเท่าไหร่เหรอคะ” พรลภัสรวบรวมความกล้าถาม นอกจากชื่อก็ไม่รู้อะไรในตัวเขาเลย
“สามสิบเอ็ด”
“…” ร่างบางบนตักนิ่งกริบเพราะกำลังคำนวณระยะห่าง 'แก่กว่าเธอตั้งสิบปีแหนะ'
“คิดว่าฉันแก่หรือไง ฉันแค่แก่กว่าเธอเท่านั้น” พูดจบก็จรดแก้วไวน์ของตัวเองบนกลีบปากของหญิงสาว เธอดูลังเลแต่ก็ยอมกลืนน้ำรสชาติละมุนที่สุดตั้งแต่เคยดื่มไวน์มา
“อย่าเมา มีงานรอเธออยู่”