2
หาคนที่เหมาะสมและคู่ควรมาดูแลปกป้องคุ้มครองหลานสุดที่รักของนาง และชายหนุ่มที่นางหมายตาไว้นั่นก็คือ...คมน์ ธรรมภณ
“ย่าถามจริงๆ นะต้นหลิว หนูคิดว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายอย่างตฤณได้แน่หรือ งานการก็ไม่ยอมทำ ดีแต่คอยเกาะหนูและพ่อแม่ นี่ย่าก็ได้ข่าวมาว่าธุรกิจกำลังประสบปัญหาอยู่ไม่ใช่หรือไง” กมลพรรณถามอย่างรู้การเคลื่อนไหวของครอบครัวตฤณทุกอย่าง
นางเคยบอกพรรณธรหลายครั้งแล้วว่าตฤณไม่จริงใจ หวังเพียงปอกลอก เพราะตอนนี้ครอบครัวอีกฝ่ายเข้าขั้นวิกฤต การวางแผนและทำงานที่ผิดพลาด ทำให้ขาดทุนอย่างหนักติดต่อกันมาหลายปี แต่นอกจากหลานสาวจะไม่เชื่อ ยังหาว่านางใส่ความตฤณ เพราะไม่ชอบในตัวอีกฝ่าย
“คุณย่าไปเอาข่าวนี้มาจากไหนกันคะ ธุรกิจของครอบครัวตฤณเป็นไปได้ด้วยดี นี่พ่อของตฤณก็ยังได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เปิดตลาดการค้าที่ตะวันออกกลางด้วยนะคะ”
พรรณธรบอกผู้เป็นย่าใบหน้าเปื้อนยิ้ม ครอบครัวคนรักเก่งขนาดนี้ ทำไมคุณย่ายังไม่ชอบ เพราะงานนี้ทำให้ตฤณต้องห่างหายหน้าไปจากเธอเกือบจะครึ่งเดือนแล้ว ชายหนุ่มถูกบิดาบังคับให้เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นและอาจต้องเดินทางไปยังประเทศคู่ค้าอีกสองสามประเทศด้วย
กมลพรรณส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายใจ พรรณธรไม่ใช่ว่าจะโง่เสียหน่อย แต่ทำไมถึงได้หลงในคำพูดหวานหูและการโกหกคำโตที่ตฤณพูดขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ย่ารู้เรื่องนี้มาจากไหน หลานไม่ต้องรู้หรอกนะต้นหลิว รู้เพียงแค่ว่าเดือนหน้าหนูจะต้องแต่งงานกับตาคมน์ก็พอ”
“ไม่ค่ะ! ต้นหลิวไม่แต่งงานกับนายคมน์นั่นเด็ดขาด เป็นตายยังไงก็จะไม่ยอม” พรรณธรปฏิเสธเสียงแข็ง ถึงแม้การพูดจาแข็งขืนแบบนี้จะทำให้ผู้เป็นย่ายิ่งเร่งวันเร่งคืนให้มีพิธีแต่งงานเร็วขึ้นแต่เธอก็ยอม
หญิงสาวเดินไปนั่งตรงหน้าผู้เป็นย่า ยื่นมือไปจับแขนเล็กและบีบเบาๆ น้ำเอ่อล้นคลอเบ้าและพยายามขับให้มันไหลออกมาอาบแก้ม
“คุณย่าขา...” พรรณธรยกมือขึ้นซับน้ำตาบนใบหน้า พร้อมเอานิ้วป้ายไปที่ลูกตานิดหน่อย เพื่อให้มันระคายเคือง จะได้ขับน้ำตาออกมาเยอะๆ และจะได้ดูแดงๆ เหมือนเธอกำลังน้อยใจขนาดหนัก
“คุณย่าจะให้ต้นหลิวแต่งงานกับใครก็ไม่รู้จริงๆ หรือคะ คุณย่าไม่รักต้นหลิวแล้วใช่ไหม ถึงได้ผลักไสไล่ให้ไปอยู่ไกลๆ แบบนี้”
กมลพรรณลูบศีรษะหลานสาว “เพราะรัก ย่าถึงต้องทำแบบนี้ หาคนดีๆ สามารถดูแลและเลี้ยงดูต้นหลิวให้สุขสบายทั้งกายและใจ ถ้าไม่รัก ย่าไม่บังคับให้หลานแต่งงานกับคมน์หรอกลูก” รู้ว่าการตัดสินใจของตัวเองคือการบังคับทั้งหลานรักและบังคับคมน์ด้วย แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
ถ้าปล่อยให้นานวันไปกว่านี้ เรื่องราวก็จะยิ่งเลวร้ายยิ่ง เพียงแค่นี้พรรณธรก็หายใจเข้าและออกเป็นตฤณไม่ขาด ถ้ายังปล่อยให้คบกันต่อไป ชายหนุ่มขอสิ่งใดพรรณธรจะต้องให้ เงินทองเสียไปยังหาใหม่ได้ แต่ถ้าขอให้แต่งงานด้วย แอบไปทำอะไรหลับหลังกันสองต่อสอง...เพียงแค่คิด ความเป็นห่วงก็จุกอกขึ้นมาในทันที
“ไม่จริง คุณย่าไม่รักต้นหลิวแล้ว ถ้ารักก็ต้องยอมให้ต้นหลิวแต่งงานกับตฤณ แทนที่จะบังคับให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้สิคะ” พรรณธรพูดอย่างงอนๆ ด้วยน้อยใจ ใบหน้านวลบูดบึ้งหงิกงอ ดวงตากลมโตแดงช้ำและมีน้ำตาคลอเบ้า ยกแขนขึ้นสอดไขว้ระหว่างช่วงอก
“หนูจำพี่คมน์ไม่ได้จริงๆ หรือต้นหลิว จำไม่ได้หรือว่าตอนเด็กๆ หนูวิ่งตามพี่เขาทุกวัน ร้องไห้ตามทุกครั้งที่พี่เขาจะกลับบ้าน” กมลพรรณทบทวนความทรงจำให้หลานรัก
ภาพเด็กหญิงร่างเล็กวิ่งตามเด็กหนุ่มร่างสูงเก้งก้างไปไหนต่อไหนพร้อมกับพูดจ๋อยๆ อ้อนขอโน่นขอนี่ บ้างก็สั่ง เมื่อไม่ได้ดังใจก็จะงอนให้ต้องตามง้อกันยกใหญ่ ทำให้ยิ้มเมื่อนึกถึงความน่ารักและสดใสของคนทั้งคู่
พรรณธรยกไหล่ขึ้นพร้อมกับความทรงจำที่แวบเข้ามาในสมอง ภาพเด็กผู้ชายตัวสูงใหญ่ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มระรื่นคอยกลั่นแกล้งทำให้เธอร้องให้อยู่บ่อยครั้งออก ยิ่งทำให้เธอเกลียดคมน์มากขึ้น
“ฮึ! ทำไมต้นหลิวจะจำคนที่ทำให้ตัวเองร้องไห้อยู่บ่อยๆ ไม่ได้ละคะ”
พรรณธรพูดอย่างไม่สนใจ ด้วยพยายามคิดว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้ย่าเลิกคิดบังคับให้เธอแต่งงานกับคมน์และได้แต่งงานกับคนรัก
ใบหน้านวลบูดบึ้งขึงเครียด พลางมองไปรอบๆ ห้องที่นั่งอยู่ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเป็นระยะ
“คุณย่าก็รู้ว่านายพี่คมน์ก็ไม่ได้รักไม่ได้ชอบต้นหลิว อาจถึงขั้นเกลียดก็ได้ แล้วทำไมคุณย่าถึงยังต้องการให้เราทั้งสองคนแต่งงานกันนักคะ ความจริงต้นหลิวก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะคะ แต่หน้าตาอย่างนายพี่คมน์คงจะมีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็ม ถ้าเกิดเขามีแฟนแล้ว เท่ากับว่าต้นหลิวไปแย่งแฟนคนอื่นนะสิคะ” พรรณธรยกเหตุผลให้เพื่อให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มเลิก
กมลพรรณยิ้มเย็นๆ ถ้าไม่ได้คุยกับคมน์มาก่อนหน้านี้ละ ก็คงจะคล้อยตามคำพูดหลานสาวได้ไม่ยากเลย “ไม่หรอกต้นหลิว พี่คมน์มัวทำแต่งานจนไม่มีเวลามองผู้หญิงคนไหนเลย จนคุณลุงสิทธิ์กับคุณป้านุชของหนูถึงกับบ่นอุบ เพราะกลัวจะไม่มีหลานให้อุ้ม”
“งั้นอีตานายพี่คมน์ก็คงจะเป็นเกย์แล้วละคะ คุณย่าไม่กลัวว่าจะได้หลานเขยที่ซ่อนคราบหลานสาวไว้เหรอคะ” แวบหนึ่งที่พรรณธรเกิดความเสียดาย ถ้าคมน์จะเป็นอย่างที่เอ่ยถึง เธอสงสารบิดาและมารดาของชายหนุ่มที่มีลูกชายเพียงคนเดียวก็ดันกลายเป็นชายไม่จริงหญิงไม่แท้ไปเสีย แต่ก็มีอะไรบางอย่างมาสะกิดใจอยู่ดีนั่นแหละ...คมน์เป็นหนุ่มทั้งแท่ง
กลมพรรณถึงกับส่ายศีรษะด้วยอิดหนาระอาใจ พรรณธรสรรหาทุกเหตุผลเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องแต่งงาน
“หนูจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ เพราะหนูเป็นคนรู้แก่ใจดีว่าพี่เขาเป็นยังไง เอาเป็นว่าหนูเตรียมตัวไว้แล้วกัน เดือนหน้าพี่คมน์จะมาที่นี่ แล้วเราก็จะได้จดทะเบียนสมรสกันเสียให้เรียบร้อย” กมลพรรณพูดเสียงนุ่มนวลแต่กลับแฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับห้องพักไป เพราะไม่อยากถกเถียงเรื่องนี้กับพรรณธรอีกแล้ว นางปวดหัว
“คุณย่า!” พรรณธรร้องเรียกอย่างขัดอกขัดใจ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงแหบพร่าและสั่นเครือ น้ำตาเอ่อล้นคล้อเบ้าด้วยความน้อยใจที่ย่าผลักไสไล่ส่งให้ไปแต่งงานกับคนที่รังแกเธอมาตั้งแต่เด็กเสียได้ ขืนให้แต่งงานไปจริงๆ อีกตานั่นจะต้องหาทางทำร้ายเธอเช้าเที่ยงเย็น ตลอดสามเวลาหลังอาหารแน่นอน แล้วที่สำคัญ...
เธอไม่ใช่สาวน้อยที่จะไม่ประสาเรื่องบนเตียง หุ่นล่ำบึกอย่างกับยักษ์วัดแจ้งแบบนั้น แตะแต่ละครั้ง เธอจะไม่ช้ำตายเสียก่อนหรือไง เพียงแค่คิด กายบอบบางก็สั่นเทาด้วยความกลัว น้ำตาจึงไหลอาบแก้มอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างคนที่ตัดสินใจแน่วแน่ ในเมื่อคุยกันดีๆ แล้วคุณย่าไม่ยอม ถ้าเธอเลือกที่จะทำอะไรไม่ดีลงไป คุณย่าก็จะมาต่อว่าหรือโกรธเคืองในภายหลังไม่ได้
‘เธอจะไม่ยอมแพ้คุณย่ากับอีกตาคมน์มีดนั่นแน่ เดี๋ยวจะต้องคิดหาทางยกเลิกงานแต่งงานบ้าๆ นี่ได้แน่นอน’
พรรณธรเดินวนไปเวียนมาอยู่หลายรอบ แต่สมองของเธอก็ยังไม่ทำงาน คิดจนเริ่มจะมึนศีรษะแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีแผนการเด็ดๆ มาล้มเลิกความคิดของคุณย่าเลย
หญิงสาวยกมือขึ้นนวดบริเวณสันจมูก ก่อนรอยยิ้มจะผุดขึ้นตรงมุมปากอิ่ม ดวงตากลมโตเจิดจ้าเป็นประกาย