3
‘ใช่! เธอคิดคนเดียวย่อมไม่ออกแน่ อย่างนี้มันต้องหาตัวช่วย และจะเป็นใครไปไม่ได้นอนจาก...ตฤณ!’
เมื่อคิดได้ พรรณธรก็พุ่งตรงไปที่โต๊ะโทรศัพท์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโซฟาที่นั่งอยู่ หญิงสาวหันรีหันขวางมองไปทั่วๆ บริเวณที่ยืนอยู่ ก่อนยกหูโทรศัพท์ขึ้นและกดหมายเลขของแฟนหนุ่มอย่างรีบเร่ง เพราะกลัวว่าถ้าชักช้าไป คุณย่าหรือคนอื่นๆ ในบ้านอาจจะมาเห็นหรือได้ยินเข้า จะทำให้หนทางหลีกเลี่ยงการแต่งงานในครั้งนี้ถูกขัดขวางได้
พรรณธรเริ่มหงุดหงิดใจ เมื่อปรายสายที่เธอกดลงไปไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตอบกลับมาด้วยประโยคเดิมๆ นั่นคือ...
“ขออภัย ไม่สามารถติดต่อหมายเลขปลายทางได้ในขณะนี้”
ใบหน้านวลบึ้งตึง ‘มัวทำอะไรอยู่นะตฤณ ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ต้นหลิว ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ต้นหลิวกำลังร้อนใจ’
พรรณธรบ่นพึมพำ ขบกัดฟันบนปลายเล็บ พลางมองไปทั่วห้องโถงใหญ่ เมื่อรู้สึกเหมือนกับถูกจับตามอง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใคร
‘หรือว่าเราจะคิดมากไปเอง’
แต่ถึงจะคิดแบบนั้น มันก็ยังเหมือนกับมีอะไรมาสะกิดใจให้สงสัย จึงเหลียวมองไปรอบๆ อย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องส่วนตัวเพื่อโทรหาตฤณใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอไม่โทรหาชายหนุ่มตรงๆ .ใช้วิธีโทรไปฝากข้องความไว้ที่บ้านแทน
พรรณธรเอนตัวลงนอนบนเตียงด้วยรอยยิ้ม เชื่อว่าอีกไม่นานตฤณจะต้องโทรกลับมา แล้วเมื่อนั้นแผนการที่ผุดขึ้นมาในสมองก็จะได้ดำเนินการเสียที เชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้น ต่อให้คุณย่าเอาช้างมาฉุด ก็รั้งเธอเอาไว้ไม่ได้
ชายหนุ่มร่างใหญ่เอนตัวอิงเก้าอี้ทำงาน สองมือสอดประสานซ้อนกันวางอยู่หลังศีรษะทุย ดวงตาคมกริบเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไรจุดหมาย แม้ไม่อยากจะคิดหรือนึกถึงการมาของหญิงชราที่เคยให้การช่วยเหลือครอบครัวจนพ้นวิกฤตและเติบโตจนมีวันนี้ได้ หากคำพูดที่ดังก้องเต็มสองหูกลับตอกย้ำว่า...จริง!
“ย่าถามอะไรคมน์ก่อนที่เราจะคุยธุระสำคัญกันได้ไหม” เข้ามาถึง ยังไม่ทันจะได้นั่งเลย กลมพรรณก็ถาม ทำเอาคนที่แปลกใจกับการมาเยือนโดยไม่บอกกล่าวอยู่แล้ว เริ่มสงสัยแกมกังวล
“คุณย่าจะถามอะไรครับ”
“คมน์มีแฟนหรือยังลูก” กมลพรรณถามและรอฟังคำตอบด้วยใจเต้นระทึก ถ้าชายหนุ่มมีแฟนแล้ว แผนการที่วางไว้คงจะต้องมีการปรับเปลี่ยน แต่ถ้าไม่นั่นก็ถือว่าเป็นการดี
“ยังครับ”
สิ้นคำตอบ รอยยิ้มนุ่มๆ เย็นๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่น พร้อมกับดวงตาเป็นประกายอย่างคนกำลังดีใจ
“ถ้าย่าจะให้คมน์ช่วยอะไรสักหน่อย เราจะช่วยย่าไหม” กลมพรรณถามอย่างคาดหวัง ความต้องการที่บอกไปจะได้รับการตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม
“ถ้าผมทำได้ ผมก็จะทำครับคุณย่า” คมน์ตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ นักธุรกิจหนุ่มผู้กุมบังเ**ยนใหญ่ในเครื่องบริษัทธรรมภณยิ้มให้กับหญิงตรงหน้าที่แม้จะเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่รัศมีแห่งอำนาจที่เคยมีไม่เคยจางหายไปเลย แต่ยิ่งจะมีพลังมากขึ้น จนหลายคนที่คิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้ายังต้องหลบให้
“ย่ารู้ว่าคมน์ช่วยได้ ช่วยหน่อยนะลูก ย่าจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใครแล้ว ก็คงจะมีแต่คมน์เท่านั้นที่ช่วยได้” กมลพรรณพูดรัวเร็ว
“คุณย่าจะให้ผมช่วยเรื่องอะไรละครับ” คมน์ถามด้วยความสงสัย ร้อยวันพันปีกมลพรรณไม่เคยจะเดินทางมาหาเขาด้วยตัวเองเช่นนี้ คงจะมีแต่เขาและครอบครัวเท่านั้นที่แวะเวียนไปเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว ยามที่ว่างจากงาน แสดงว่าท่านคงจะต้องมีเรื่องทุกข์หนักและร้อนใจเป็นอย่างมากจริงๆ
วันนี้หน้าตาที่เคยสดชื่นแจ่มใส อิ่มเอิบก็ซีดเซียวและเศร้าหมอง นัยน์ตาที่เคยมีแต่ความอบอุ่นและมีความสุขก็ดูเหมือนจะซ่อนแววโศกและหนักอกหนักใจเอาไว้ไม่มิด ถ้าให้เขาเดา เรื่องที่ทำให้กมลพรรณเป็นทุกข์คงจะไม่พ้นเรื่องหลานสาวซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจคนทั้งบ้านนั่นเอง
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน่ารักๆ นิสัยดีอย่างพรรณธรจะสร้างความทุกข์ให้กับกมลพรรณได้ถึงเพียงนี้ แต่ก็นั่นแหละหญิงสาวถือตัวว่าเป็นหลานสาวคนเดียว เลยเอาแต่ใจ ช่างเจรจาและออดอ้อน ยามที่ปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อขยับ ก็จะมีเสียงหวานๆ ใสตามมา มีคนรีบกระวีกระวาดทำให้อยู่เสมอๆ แม้กระทั่งเขาเองที่เคยคิดว่าใจแข็งแล้วนะ แต่พอได้ยินคำพูด...
‘พี่คมน์จ๊ะ พี่คมน์จ๋า ต้นหลิวอย่างได้นั่น อยากเล่นนี่ อยากทำอย่างนั้น อยากทำอย่างนี้’
เขาก็จะรีบพาเธอไปทำอย่างต้องการทันที แต่บางครั้งความต้องการของเด็กหญิงร่างเล็ก แก้มยุ้ยเป็นพวง บวกกับผิวขาวผ่องเรียกว่าสะดุดตาสะดุดใจทุกคนที่ได้เห็นให้หันมามองกลับเป็นการทำร้ายตัวเองและเขาเสมอ เรียกได้ว่าเกือบทุกครั้งที่ทำตามความต้องการของพรรณธร จะต้องมีการเจ็บตัวตามติดมา จนบ้างครั้งเธอถึงกับยกมือเท้าสะเอวและต่อว่าเขาฉอดๆ
“พี่คมน์แกล้งต้นหลิวทำไม ไม่รักกันแล้วใช่ไหม...คุณย่าขา ลุงสิทธิ์ขา ป้านุชขา พี่คมน์แกล้งต้นหลิวอีกแล้ว”แล้วเด็กหญิงก็จะร้องไห้ วิ่งไปหาทุกคนพร้อมกับฟ้องเสียงสั่น มือเล็กชี้มายังเขาที่ยืนอึ้ง เพราะไม่คิดว่าแม่ตัวดีจะดัดหลังเสียจนเจ็บ
นอกจากจะถูกพ่อกับแม่ดุด่าว่าพาน้องไปเล่นซนแล้วและยังจะถูกลงโทษด้วยการห้ามเล่นของเล่น หรือไม่ ถ้าหนักมาก ก็จะมีการลงไม้ลงมือกัน ส่วนแม่ตัวดีก็จะยืนทำหน้าเศร้า ดวงตาอมโศก แต่ถ้ามองให้ดี พรรณธรยิ้มเยาะเย้ยเขาต่างหาก
“คมน์ทำแบบนั้นทำไมลูก ไม่รู้หรือว่ามันเป็นอันตราย ถ้าน้องบาดเจ็บขึ้นมา คมน์จะรับผิดชอบได้หรือ”
นั่นคือคำถามที่พ่อกับแม่ถามยามที่แม่ตัวดีฟ้องว่าเขาพาไปเล่นอะไรมา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายยุแท้ๆ แต่พอไม่ได้ดังใจก็เล่นงานเขากลับหน้าตาเฉยเลย คมน์แอบยิ้มตาเป็นประกาย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในวันวาน โดยไม่ทันเห็นสายตาหญิงชราที่จับจ้องมองมาอย่างเอ็นดูระคนสมหวังในใจ
“ได้ครับแม่ คมน์จะดูแลน้อง ไม่ยอมให้ใครหรือว่าอะไรมาทำอันตรายน้องได้ครับ” นั่นคือคำสัญญาของเด็กชายที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ใบหน้าคมเปื้อนยิ้ม เมื่อนึกถึงภาพวันเวลาแห่งความสุขที่ติดตรึงตราใจอยู่เสมอ แล้วคำพูดและคำสัญญาแบบเด็กๆ ก็ผุดขึ้นในสมอง
‘พี่คมสัญญานะจ๊ะ จะไม่มีผู้หญิงคนอื่น จะกลับมาเล่นกับต้นหลิวแบบนี้ตลอดไป และจะยอมให้ต้นหลิวขึ้นขี่หลังพี่แบบนี้คนเดียวด้วย...’
ร้อยคำพูดที่เด็กหญิงขอให้เขาสัญญาด้วย ที่เขาก็ทำตามเสมอ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน...เป็นปี สุดท้ายความใกล้ชิดที่มีก็เริ่มห่างหาย ไม่มีจดหมายที่เคยเขียนส่งถึงกัน ไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์ที่เคยโทรหาและคุยกันเป็นชั่วโมง ก็ขาดหายไปจนแทบจะเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน
“ย่าต้องการให้คมน์แต่งงานกับต้นหลิว...”
“ครับ! คุณย่าว่าอะไรนะครับ” คมน์ถามซ้ำด้วยคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“ย่าต้องการให้คมน์แต่งงานกับต้นหลิว” กมลพรรณย้ำอีกครั้งอย่างหนักแน่น เพื่อยืนยันคำพูดให้คมน์มั่นใจว่าหูไม่ได้ฝาดหรือเพี้ยนไป
“ทำไมครับคุณย่า มันเกิดอะไรขึ้น น้องเป็นอะไรหรือเปล่า” เมื่อเห็นใบหน้าหญิงชราซีดเผือดลงอย่างกะทันหันก็ให้คิดว่าตัวเองได้พูดอะไรเสียดแทงใจกลมพรรณไป
“คุณย่าอย่าเข้าใจผิดนะครับ ที่ถามไปไม่ใช่ว่าจะ...” ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก เขายื่นมือไปคว้าแก้วน้ำซึ่งตอนนี้มีไอเย็นลอยแตะข้างแก้วมาดื่มอย่างกระอึกกระอักเหมือนกับคนที่กำลังหิวกระหาย