วันนี้ไม่ว่ากีรดาจะเดินไปทางไหนก็เป็นจุดสนใจ แถมมีแต่คนพูดถึงไม่หยุดปาก
"กลับด้วยกันมั้ยคะ" กีรดาส่งเสียงทักชมธีราที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ที่โต๊ะ
เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เวลานี้เลิกงานแล้ว เพื่อนร่วมงานก็ต่างกลับกันหมด เหลือเธอนั่งอยู่คนเดียวในห้อง
"ยังทำงานไม่เสร็จ กลับก่อนได้เลย" เธอบอกออกมาตามตรง
"เปิดเทอมวันแรกมีการบ้านด้วยเหรอคะ" เอ่ยแซวออกมาเสียงสดใส
เรียกรอยยิ้มน้อยๆ ให้ชมธีรา
"เตรียมจะสั่งการบ้านนักเรียนต่างหากล่ะ"
"งั้น... กี้ขอนั่งรอได้มั้ยคะ ขอติดรถกลับบ้านด้วย" พูดจบก็เดินถอยหลังให้ เพื่อหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ ชมธีรา แถมยังกอดกระเป๋าแน่น ราวกับเด็ก
"ไหนว่าชวนกลับบ้าน"
"กี้ไม่มีรถหรอกค่ะ ที่มาชวนกลับบ้านเพราะคิดว่าทางเดียวกันก็จะขอติดรถไปด้วย"
คนฟังเพียงพยักหน้าให้พร้อมส่งยิ้มออกมา
"งั้นนั่งรอไปก่อนนะ" บอกแค่นั้นก็ก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อโดยไม่ได้สนใจคนที่มานั่งเฝ้า
"ให้กี้ช่วยมั้ยคะ" เพราะนั่งรอนานเกินไปเกือบชั่วโมง
"อุ้ย!" เสียงทักของกีรดาทำให้เธอตกใจ ก็ปกติเวลานี้เธอจะอยู่ลำพัง แถมยังทำงานเพลินจนลืมว่ามีคนอยู่ด้วย
"กี้พิมพ์ไวนะ" กีรดายังช่วยย้ำบอก
"ไม่เป็นไร เตรียมสอนของตัวเองเถอะ"
"ทำเสร็จแล้วล่ะค่ะ"
"ผิดคาดนะ"
"ผิดคาดอะไรเหรอคะ"
"ก็ฉันไม่คิดว่ากี้จะตั้งใจขนาดนี้" เพราะจากที่รับรู้เรื่องอาชีพการงานที่กำลังรุ่งของกีรดา เธอจึงคิดไปแบบนั้น
เมื่อได้ยินคำถามนั้น กีรดาก็ขยับเก้าอี้ล้อเลื่อนที่ตัวเองนั่งมาใกล้ชมธีรา ก่อนจะบอกออกมาอย่างจริงจัง
"กี้เตรียมตัวจะมาที่นี่มาหลายปีแล้วค่ะ ส่วนเรื่องแผนการสอนกี้ก็พัฒนามาตลอด แบบนี้เรียกว่าตั้งใจได้ใช่มั้ยคะ"
"ดีแล้วล่ะ"
"แล้วสอนวันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ยากมั้ย เด็กๆ ดื้อหรือเปล่า" ถามอย่างห่วงๆ
"เด็กๆ น่ารักมากค่ะ ไม่ค่อยกดดันกี้เท่าไหร่"
"เด็กๆ ไม่กดดัน กี้ก็อย่ากดดันตัวเองล่ะ และถ้าสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ถามพี่เลี้ยงได้เลย" พูดพร้อมหันมาสบตาคนข้างๆ
"แล้วถามคุณผู้หญิงไม่ได้เหรอคะ" ไม่วายขยับหน้าเข้าไปใกล้ชมธีรา แบบที่ห่างไม่ถึงคืบ
"ไม่ดีหรอก มันข้ามหน้าข้ามตา" พูดจบก็ส่งยิ้มให้ ก่อนจะก้มลงทำงานต่อ โดยไม่ได้ไหวติงกับความพยายามมาใกล้ชิดของกีรดา
สาวสวยขวัญใจทุกคนจำต้องล่าถอย และเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย
"วันนี้กินสเต็กกันนะคะ"
"เบื่ออาหารไทยแล้วเหรอ" ถามออกมาโยไม่ละสายตาจากงานตรงหน้า
"คุณผู้หญิงกินทุกวันไม่เบื่อบ้างเหรอคะ" ไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามออกไปแทน คนฟังอย่างชมธีราจึงยอมละจากงานตรงหน้า
"ไม่เบื่อหรอก ฉันชอบอะไรที่จำเจน่ะ"
"คอมฟอร์ทโซนเหรอคะ"
"หืม อะไรนะ"
"ก็แบบพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่ ชอบอะไรแบบเดิม ใช้ชีวิตแบบเดิม แบบเส้นตรง"
คนฟังเริ่มคิดตาม ก่อนจะบอกออกมา "ก็คงใช่ และฉันรักชีวิตแบบนี้ของตัวเอง เพราะมันปลอดภัย"
"งั้นคุณผู้หญิงก็อยู่แบบนั้นเถอะค่ะ เพราะกี้จะทำให้เส้นตรงของคุณบิดเบี้ยวเอง"
ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ ได้แต่คิ้วขมวด
สเต็กร้อนๆ ถูกวางลงกลางโต๊ะอาหารด่วยการจัดแจงของกีรดา วันนี้บ้านของเธอกลายเป็นที่รับแขก
ไม่รู้ว่าเพราะกลิ่นหอมๆ ของมัน หรือ นการตกแต่งจานที่ทำให้ชมธีราต้องแอบกลืนน้ำลาย
"ถึงกี้จะทำอาหารไม่เป็น แต่ลิ้นก็รับรสได้ดีนะคะว่าร้านไหนอร่อย" รีบโฆษณาตัวเองทันทีทั้งที่ตอนนี้มือไม่ว่างเพราะกำลังตัดเนื้อชิ้นใหญ่เพื่อจะแบ่งให้คนตรงหน้า
"ฉันไม่เชื่อคำคุยด้วยสิ" เพียงพูดจบประโยคสเต็กชิ้นหนึ่งขนาดพอเหมาะก็ถูกวางลงในจานของเธอ
"ชิมเลยค่ะ"
ยิ้มให้สาวน้อยตรงหน้าเพียงนิด ก่อนจะจัดแจงหั่นเนื้อให้พอดีคำ แต่ก่อนจะเอาเข้าปาก
"ขอซอสมะเขือเทศได้มั้ย" เพราะเธอพยายามกวาดตามองรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นมั้ย
"ฉันเป็นประเภทที่ขาดน้ำจิ้มไม่ได้น่ะ ยิ่งกินแบบนี้ต้องมีซอสมะเขือเทศ" พร้อมกับเสริมออกมาอีก
"ค่ะ" กีรดาเปิดตู้เก็บของชั้นบนและหยิบขวดซอสมะเขือเทศออกมาและวางให้เบื้องหน้าชมธีรา
"ขอบใจ" พูดก่อนจะหยิบซอสมะเขือเทศมาเปิดและเทลงข้างชิ้นเนื้อ
และก็ถึงเวลาชิม เธอจิ้มเนื้อสเต็กที่ชมธีราว่าอร่อยนักอร่อยหนาเข้าปาก ซึ่งก่อนนำเข้าปากมันก็เปียกชุ่มไปด้วยซอสมะเขือเทศแล้ว
เคี้ยวตุ้ยๆ เพื่อลิ้มรสมัน
อาหารในปากก็ไม่ได้เลิศรสอะไรขนาดนั้นสำหรับเธอ รู้สึกเหมือนกินสเต็กธรรมดาที่สามารถหาซื้อรับประทานได้ทั่วไป
กีรดารอจังหวะที่คนตรงหน้ากลืนเนื้อลงคอก่อนจะถามออกมา "เป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็ดี"
"แสดงว่าไม่ดี" บอกออกมาตามที่คิดแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ไม่ได้หมายความว่านั้น" ส่วนชมธีราก็รีบบอกออกมาบ้างทันทีก็กลัวคนตรงหน้าจะเสียน้ำใจ
"ถ้ากี้เป็นคุณผู้หญิงก็คงคิดเหมือนกันค่ะว่าที่กินเข้าไปน่ะ รสชาติไม่ดี"
"ฉันไม่ได้พูดนะ"
"กี้ดูออกค่ะ สีหน้าคุณตอนที่กำลังคิดหนัก คิ้วจะขมวด และตอนโกหกจะเม้มปาก" บอกออกมาอย่างจับผิด
นั่นทำให้ชมธีราคิ้วขมวดกว่าเก่า กับความช่างสังเกตของคนตรงหน้า แถมเธอเองยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ
"เวลากินสเต๊กต้องไม่ใส่ซอสค่ะ เพราะถ้าแบบนี้" ชี้ไปที่จานของชมธีราที่หล่อนบีบซอสมะเขือเทศไว้ข้างเนื้อจนพูน "จะเสียรสชาติ"
"ก็บอกแล้วไงว่าชอบกินแบบนี้" ตอนนี้คนที่พร่ำบอกว่าเป็นผู้ใหญ่เริ่มงอแง
"ใจเย็นๆ สิคะ กี้ไม่ได้จะต่อว่านะคะ แค่จะอธิบายให้ฟัง"
"งั้นก็พูดมา" เริ่มจะหมดอารมณ์ในการกิน คงจะเพราะโมโหหิวด้วย
"รู้สึกมั้ยคะว่าชิ้นสเต็กที่จิ้มเข้าปากเมื่อกี้มันก็เหมือนสเต็กข้างทางทั่วไป"
"อืม"
"นั่นเพราะไม่ว่าจะกินอะไรก็ต้องจิ้มซอส ดังนั้นมันเลยไม่ต่างไงคะ"
"แทนที่จะได้ลิ้มรสรสชาติของซอสที่หมักจนเข้าเนื้อ น้ำเกรวี่ที่เฉพาะ หรือแม้กระทั่งกลิ่นไหม้อ่อนๆ ของเนื้อ"
"คุณผู้หญิงคงได้กลิ่นของซอสมะเขือเทศอย่างเดียว"
ใบหน้าตึงๆ ของชมธีราดูจะอ่อนลง
"ลองใหม่นะคะ"
กีรดาบรรจงตัดชิ้นเนื้อสเต็กจากจานตัวเอง จิ้มมัน และวางใส่จานให้คนตรงหน้า
"ชิมเลยค่ะ"
ชมธีรายอมทำตามเพราะไม่อยากให้มากเรื่อง
"เป็นไงคะ?" ถามอิกมาอย่างลุ้นๆ เมื่อเห็นว่าชมธีราเริ่มเคี้ยว
"ก็.. นุ่ม ได้กลิ่น และก็ไม่ได้จืดเท่าไหร่"
"เห็นมั้ยคะ ว่ามันดีจริงๆ"
"แต่แห้งไป" การวิจารณ์นี้ยังไม่จบ
"งั้น.. นี่ค่ะ" บอกก่อนจะกระถดตัวเข้าไปใกล้เพียงนิด และเทน้ำซอสเกรวี่ลงไปบนเนื้อเสต็กในจานคนตรงหน้า
รอบนี้ชมธีราไม่รอให้กีรดาเชิญชิม เธอจิ้มและเอาเข้าปากเองอย่างง่ายๆ และเคี้ยวมันโดยที่สบตากับสาวสวยตรงหน้าที่เอาแต่ทำหน้าลุ้นเธอไม่หยุด
ก็อยากจะยิ้มหรือขำออกมากับท่าทางแสนซนนั่นแต่ก็ต้องทำเป็นเก๊กเก็บอารมณ์
"ก็ดีนะ" พร้อมบอกออกมาหลังจากเศษเนื้อสุดท้ายกลืนลงคอโดยไม่รอให้คนตรงหน้าถาม
"เย่!" กีรดาร้องออกมาอย่างดีใจ แถมยังทำทีกระโดดโลดเต้นใส่เธออีก จนชมธีราเผลอส่งเสียงขำออกมาน้อยๆ ให้กับท่าทางโอเวอร์นั่น
แม้จะไม่ได้อยู่ชิดแบบตัวติด หรือเรียกได้ว่าเหมือนไม่รู้จักกันที่โรงเรียน แต่เมื่อตกเย็น บนโต๊ะอาหาร มันเหมือนเป็นการปลดล็อก แถมเมื่อมีแอลกอฮอลล์อยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว
กฎเหล็กของชมธีราคือไม่ดื่ม หากพรุ่งนี้ต้องทำงาน แต่แล้ววันนี้ใครจะสนกันเล่าในเมื่อพรุ่งนี้คือวันหยุด
กีรดาหิ้วขวดไวน์เดินเข้าบ้านชมธีราอย่างน่าตาเฉย
"แล้ว ทำไมถึงไม่บอกฉันว่าเป็นนางแบบดัง" บทสนทนาบนโต๊ะอาหารหลังมื้อเย็น
เพราะหลังจากทำความสะอาดเศษซากอาหารแล้ว เพื่อนบ้านคนสวยก็ไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน แถมเจ้าของบ้านก็เต็มใจ ไม่คิดขับไล่
"ไม่เห็นจำเป็นเลยค่ะ"
"ฉันเลยกลายเป็นมนุษย์ป้า เพราะไม่รู้จักคนดัง"
ได้ยินแบบนั้นกีรดาก็ยื่นมือไปสัมผัสหลังมือของคนตรงข้ามที่ตอนนี้กำลังจับแก้วไวน์
"กี้ไม่ได้อยากให้คุณผู้หญิงเพราะกี้เป็นนางแบบหรือเป็นคนดังค่ะ"
ชมธีราเพียงส่งยิ้มหวานๆ ให้ ทั้งตอนนี้สายตาก็หวานหยาดเยิ้มไปด้วย ไม่รู้ว่าในขวดไวน์กีรดาแบบอบใส่อะไรไว้หรือเปล่า มันจึงทำให้เธอชอบเผลอแสดงท่าทีออกมาแบบที่ไม่ค่อยเป็นตัวเองนัก
แถมไม่ได้คิดปัดป้องที่กีรดาจับมือ
"กี้อยากให้คุณรู้จักกี้ที่กี้เป็นคนธรรมดา เป็นแค่คนข้างบ้าน เพราะมันไม่เหมือนใครค่ะ"
"ก็จริง แบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ เพราะถ้ากี้มาแนะนำตัวว่าเป็นนางแบบดัง ฉันก็คงจะงง เพราะไม่รู้จัก" พูดออกมาทีเล่นทีจริง ก็เป็นพวกไม่ดูหนัง ไม่ดูละครไม่เสพความบันเทิงใดๆ จากหน้าจอทั้งปวง
ไม่ทันที่พวกเธอจะพูดคุยกันต่อก็มีเสียงสัญญาณหน้ารั้วบ้านมาทำลายบรรยากาศ
กีรดาจำต้องเดินกลับบ้าน เพราะไม่กล้าอยู่เป็นกว้างขวางคอ ระหว่าง คุณผู้หญิงและปกรณ์
ก็แน่ล่ะ ระหว่างคนข้างบ้านกับสามี หล่อนก็ต้องเลือกสามี
ในยามวิกาลนี้ คิดดีไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น
'ฉันแขวนอาหารเย็นไว้ข้างรั้วบ้านนะ'
ชมธีราส่งข้อความให้กีรดาหลังจากนั่งรถออกจากบ้านมาพร้อมสามี
ขอโอกาสปรับตัว เธอก็ควรจะให้มันแก่เขา
ด้วยมื้อเย็นสุดแสนโรแมนติก
อาหารจานหลักถูกเสิร์ฟ มันคือสเต๊กเนื้อแกะอย่างดี ที่ว่าดีเพราะทั้งบรรยากาศของร้านอาหารริมแม่น้ำ และการบริการดีเลิศ แบบที่เธอขยับตัวก็มีเหล่าบริกรแย่งกันมาบริการ
"น้อง น้อง พี่ขอซอสมะเขือเทศด้วย พอดีภรรยาพี่ชอบซอสน่ะ"
"ขอโทษอภัยนะครับคุณสุภาพบุรุษ พอดีว่าเมนูนี้เชฟตั้งใจให้ท่านลูกค้าได้ลองชิมเนื้อแกะที่ผ่านการหมัก และน้ำเกรวี่เฉพาะของเมนูนี้"
"แต่ถ้าคุณสุภาพบุรุษต้องการ รอสักครู่นะคะ"
เขาพยักหน้าให้กับบริกร ก่อนจะหันไปหาชมธีรา
"รอแป้บนะชม" เขายิ้มให้อย่างภูมิใจ และหวังลึกๆ ว่าภรรยาจะประทับใจที่เขารู้ใจเธอ
คนเป็นภรรยาไม่ได้ท้วงติง หรือยินดียินร้าย เพียงยิ้มออกมาให้น้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ บรรจงหั่นชิ้นเนื้อแบบพอดีคำ ราดด้วยน้ำซอสเฉพาะที่เชฟรังสรรค แม้อยากจะลองชิมเพียงเนื้อ แต่ก็ไม่อาจต้านทานกลิ่นสาบของเนื้อแกะ ดีหน่อยที่เนื้อนุ่ม หอมไปด้วยเครื่องเทศระคนกลิ่นสาบ ตบท้ายด้วยน้ำซอสเฉพาะยิ่งกลมกล่อม
แต่ความกลมกล่อมก็ถูกดับสูญ เพราะซอสมะเขือเทศ ปกรณ์จงใจบีบมันลงมาที่ชื้นเนื้อสเต็กของเธอแบบหน้าตาเฉย แถมยังส่งยิ้มแสนอบอุ่นให้อีก แต่ มันไม่ใช่เวลานี้
"ทำอะไรของคุณ!" ส่งเสียงต่อว่าออกมาด้วยอารณ์โมโหและตกใจ จนโต๊ะข้างๆ และเหล่าบริกรหันมามอง
และอีกคนที่ตกใจจนสะดุ้งก็คือปกรณ์ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นใบหน้าดุๆ แบบนั้นของภรรยา
"ทำแบบนี้ก็เสียรสชาติกันพอดี" ไม่วายยังต่อว่าออกมาอีก ก็พอเข้าใจที่เขาพยายามจะเอาใจ แต่แบบนี้มันเกินขอบเขต
"ก็คุณชอบแบบนี้ และผมก็ทำให้ประจำ"
"แต่ตอนนี้ฉันไม่ชอบ!"
บิดเบี้ยว เส้นตรงของชมธีราเริ่มบิดเบี้ยวบ้างแล้ว
กีรดาแทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเธอแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ จนเธอเผลอจดจำมัน โดยเริ่มจากพฤติกรรมการรับประทาน