บทที่ 6
ครั้นเมื่อยิ่งซุกไซร้ ความต้องการส่วนลึกก็เหมือนจะยิ่งลุกฮือ มือที่ลูบไล้สัมผัสแค่ภายนอก ก็ค่อยๆ สอดเข้าไปสัมผัสภายใต้เสื้อแนบเนื้อตัวเล็ก ผิวเนียนนุ่มของแผ่นหลังที่สัมผัสได้ทำให้นึกอยากรู้ว่าด้านหน้าจะเนียนนุ่มกว่ากันสักแค่ไหน ไม่รอช้ามือที่กำลังลูบไล้อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆ เลื่อนมาสัมผัสความเนียนนุ่มที่ด้านหน้า อา…! ไม่ใช่แค่เนียนนุ่ม แต่ยังอวบอัดครัดเคร่งและดึงดูดให้เขาลองบีบขยำดู ให้ตายสิ! ความนุ่มหยุ่นของก้อนเนื้อกลมกลึงทำให้เขานึกอยากเปลี่ยนธารน้ำตกแห่งนี้ให้เป็นเตียงนุ่มๆ ซะเหลือเกิน แต่เหมือนความปรารถนาของเขาจะไม่เป็นผล เพราะทันทีที่ทรวงสล้างถูกสัมผัส สติสัมปชัญญะที่เคยหลุดลอยก็คืนกลับมา
“อื้อ…!” เธอผลักอกเขาออกแรงๆ ด้วยความตกใจ ทำคนที่เผลอไผลไปกับความมัวเมาในกลิ่นกายสาวถึงกับหงายหลังล้มตึงโดยไม่ทันตั้งตัว เธอจึงฉวยโอกาสนี้รีบวิ่งหนีไป ในขณะที่เขายังนั่งแหมะแช่น้ำด้วยความสับสนกับความรู้สึกเบื้องลึกที่มันจู่โจมเข้ามา กลิ่นหอมจางๆ ที่ยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึก กลิ่นนั้นมันคืออะไร ทำไมเขาถึงได้รู้สึกโหยหามันมากขนาดนี้ แล้วเขาต้องทำยังไงถึงจะได้สัมผัสมันอีกครั้ง กระทั่งหันไปเห็นบางอย่าง แน่นอนว่ามันทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกจุดขึ้นที่มุมปากอย่างช่วยไม่ได้
“หึๆ” เขาหยักยิ้มพลางเดินมายังเสื้อที่เธอแขวนลืมเอาไว้
“คุณหนีผมไม่พ้นหรอกพริมรตา” เขาหยิบเสื้อนั่นขึ้นมา พลางจับจ้องไปที่เสื้อราวกับจะมองให้ลึกถึงเจ้าของเสื้อ พลันสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ถูกติดเอาไว้ แค่แวบเดียวเขาก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร แต่ที่ไม่รู้เห็นจะเป็นเหตุผลของเธอ
“คิดจะทำอะไรกันแน่พริมรตา” เขาพึมพำด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ขณะดึงกล้องที่เธอแอบติดไว้ขึ้นมาดู ก่อนจะรีบเก็บข้าวของของเธอลงกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ และไม่ลืมที่จะหย่อนกล้องตัวจิ๋วลงในกระเป๋ากางเกงตัวเอง หวังจะใช้มันเพื่อเค้นเอาความจริงจากเธอ
“ไหนว่าเป็นเกย์ แล้วมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เราโดนเกย์จูบ? เฮ้ย! แต่จูบเมื่อกี้มัน…ฮือ…! ทำไมฉันถึงหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้” เธอยืนพึมพำอยู่ข้างรถ พลางยกมือปิดหน้าด้วยความทดท้อ เมื่อในหัวเธอดันมีแต่ภาพที่ตัวเองจูบกับเขา ใช่! เธอ…จูบ…กับ…เขา
“เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย เผลอเหรอ เออ! เผลอแหละ แล้วก็น่าจะเคลิ้มด้วย เฮ้ย! คิดอะไรอยู่วะเนี่ย นั่นมันจูบแรกนะ ฮึ่ย! น่าโมโหชะมัด ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนั้นด้วย” เธอยังยืนถกเถียงกับตัวเองอยู่ข้างรถ ด้วยไม่สามารถไปไหนได้ ก็อยู่ในชุดวาบหวิวมิหนำซ้ำยังเปียกมะลอกมะแลกซะขนาดนี้จะให้ไปไหนได้ เฮ้อ! อุตส่าห์วิ่งหนีมา สุดท้ายก็ต้องมารอเขาอยู่ดี มีใครน่าอดสูกว่านี้อีกไหม
“ทำไมตอนวิ่งออกมาไม่หยิบเสื้อผ้ามาด้วยเนี่ย ฮือ! หนาวก็หนาว ยังต้องแบกหน้ามารออีตานั่นอีก สรุปแล้วยังไงๆ ก็ต้องพึ่งอีตานั่นใช่ไหมเนี่ย เฮ้ย! แล้วฉันต้องทำหน้ายังไง” เธอกอดอกห่อไหล่ด้วยความหนาว เมื่ออากาศเริ่มหนาวขึ้นทุกที ก่อนจะทำหน้าเหลอหลา หลังนึกขึ้นได้ว่าการเจอเขาตอนนี้ อาจทำให้เธอวางหน้าไม่ถูก แล้วเธอก็วางหน้าไม่ถูกจริงๆ
“ไม่ต้องทำอะไร แค่บอกมาว่าคิดจะทำอะไรกันแน่” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้มขณะใช้เสื้อแจ็กเก็ตตัวเองคลุมไหล่ให้
“คุณ!” เธอผงะถอยด้วยความตกใจ พลางหันขวับมาจ้องหน้าอีกฝ่ายตาขวาง
“ไหนบอกทำหน้าไม่ถูก แต่ไอ้ที่กำลังทำอยู่ คุณกำลังทำหมือนอยากจะฆ่าผมนะ” เขายักไหล่อย่างยียวน ต่างกับสีหน้าขึงขังที่กำลังจับจ้องมาที่เธออย่างหมายมาด
“ฉันฆ่าคุณแน่ ถ้าคุณกล้าทำแบบนั้นกับฉันอีก” เธอขู่ฟ่อประหนึ่งแม่เสือ แต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสักนิด มิหนำซ้ำยังสาวเท้าเข้าไปใกล้ด้วยท่าทีคุกคามอีก
“จะๆ จะทำอะไร” เธอผงะถอยหน้าตาตื่น
“บอกมาว่าคิดจะทำอะไร” เขาไม่ตอบมิหนำซ้ำยังถามกลับ
“ทะๆ ทำอะไรเล่า ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร แล้วฉันก็…อุ๊ย!” เสียงหวานตะกุกตะกักก่อนจะกลายเป็นเสียงอุทาน ทันทีที่แผ่นหลังชนเข้ากับรถที่จอดอยู่ พริมรตาหันรีหันขวางอย่างพยายามหาทางหนีทีไล่ แต่ดูเหมือนจะช้าไป เมื่ออีกฝ่ายท้าวแขนทั้งสองข้างลงมากักตัวเธอเอาไว้จนหนีไปไหนไม่ได้
“แล้วไอ้นี่พอจะทำให้คุณรู้รึยังว่าเรื่องอะไร” เขาละแขนข้างหนึ่งมาหยิบกล้องตัวเล็กจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาให้ดู ทำเธอผงะตาโตด้วยความตกใจอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“คือฉัน…” เธออึกอัก ครั้นเมื่อหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายไม่ได้ เธอจึงคิดจะหนีอีก แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายอย่างที่คิด เมื่ออีกฝ่ายท้าวแขนลงมากักตัวเธออีกครั้ง มิหนำซ้ำยังโน้มใบหน้าลงใกล้ ทำคนถูกคุกคามขยับถอยเบียดชิดรถจนแทบจนแทบจะจมหายเข้าไปด้านใน
“หรือคุณคิดจะ…จับผม” คนถูกกล่าวหาตาโต ก่อนจะโพล่งออกมาเสียงดัง
“ฉันเนี่ยนะจับคุณ?”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ นี่จะบอกให้นะ ต่อให้ทั้งโลกเหลือคุณแค่คนเดียว ฉันก็ไม่เอาผู้ชายหลงตัวเองอย่างคุณหรอก” เธอแทบตะโกนใส่หน้าด้วยความโกรธกรุ่น
“แต่จากเหตุการณ์ที่น้ำตกบอกว่าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น คุณจงใจยั่วผม แล้วก็ถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์ผม เพราะคุณคิดจะใช้มันเพื่อบีบผม แต่เสียใจเพราะผมไม่ใช่หมูในอวยที่จะยอมให้คุณจับง่ายๆ” เขาหยักยิ้มมุมปากประหนึ่งว่ารู้ทันความคิดเธอ
“ฉันก็แค่…เออ! จับก็จับ พอใจรึยัง” ในเมื่อพูดความจริงก็ไม่ได้ ปฏิเสธก็ไม่เชื่อ เธอก็เลยประชดด้วยการยอมรับมันซะเลย แล้วเขาก็ดันบ้าจี้เชื่อซะด้วย
“ในที่สุดก็ยอมรับ คุณมันก็ร้ายกาจไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นหรอกพริมรตา” เขาชี้หน้าต่อว่าเธอด้วยใบหน้าถมึงทึงพลางขยับถอยห่างราวกับว่าเธอคือตัวอันตราย ใช่! เขากำลังโกรธ ผิดหวัง แล้วก็หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่พอได้ยินจากปากเธอ เขากลับรู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิม
“ใช่! ฉันร้ายกาจ เพราะฉะนั้นอยู่ให้ห่างจากฉันเป็นดีที่สุด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เธอขู่ฟ่ออย่างเหลืออด
“เตือนตัวเองเถอะ ถ้าไม่จำเป็น อย่าเข้ามาใกล้ผม เอานี่ของคุณไป” เห็นสายตาที่เขามองมาประหนึ่งว่ารังเกียจกันนักหนา เธอถึงกับกัดฟันกรอด ก่อนเบ้หน้าเมื่อต้องรับสัมภาระที่จู่ๆ พ่อคุณก็โยนมาให้อย่างไม่ใยดี
“เอาของคุณคืนไป” เธอโยนเสื้อแจ็กเก็ตกลับไปบ้าง ไม่สิ! นี่ไม่เรียกว่าโยน น่าจะเรียกว่าเขวี้ยงใส่มากกว่า ทำเอาเจ้าของเสื้อถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโหไม่ต่างกัน แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเห็นแม่คุณเดินดุ่มๆ ไปอีกทาง หลังจากที่สวมเสื้อผ้าทับชุดวาบหวิวเสร็จแล้ว
“จะไปไหน” เขาตะโกนถามเสียงห้วน ในขณะที่เธอก็หันมาตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน