ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากเกิดเรื่อง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องไอทีนอกจากยัยเพื่อนสองคนนั้น ซึ่งพวกมันเองก็ไม่ได้ปริปากพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันเงียบเกินไปจนผิดปกติ
ไม่สิ คนที่เงียบคือเขาแต่ชีวิตฉันก็ไม่เคยเงียบเหงาอีกเลยเพราะในแต่ละวันต้องมาคอยลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันตัวเองบ้าง
วันก่อนนั้นอยู่ๆก็มีรังมดอยู่ในกระเป๋านักเรียน ทั้งที่มั่นใจว่าฉันไม่ได้ละเลยมันจนปล่อยให้สัตว์แบบนั้นเข้ามาอยู่ได้แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไปกล่าวหาว่าใครเป็นคนทำ โชคดีที่ว่าฉันไม่ใช่คนประเภทที่กลัวอะไรแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าคนทำจะหยุด เพราะวันต่อๆมาฉันก็เจอแต่เรื่องวุ่นวาย ทั้งหนังสือหาย งานที่ส่งครูหายจนโดนทำโทษ ถูกลบชื่อออกจากชมรมจนต้องวิ่งวุ่นหาชมรมใหม่เพราะไม่อย่างนั้นต้องได้ทำกิจกรรมซ่อมเอง แต่แค่นี้ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เจอเมื่อวานที่อยู่ๆก็มีหนังสือเล่มใหญ่ตกลงมาจากระเบียงและมันก็แม่นจนสร้างแผลเป็นรอยยาวจากหน้าผากจนถึงข้างแก้ม
เรื่องทั้งหมดถูกฉันแจ้งครูปกครองแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะฉันไม่สามารถบอกได้เลยว่าใครเป็นคนทำ แต่ถึงแม้จะไม่เห็นว่าใครทำ ฉันกลับมั่นใจมากว่าคนที่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้มีแค่คนเดียว เขาอาจจะไม่ลงมือเองแต่ต้องสั่งให้ใครในโรงเรียนนี้ทำได้แน่ๆ
"พวกแกไม่ต้องไปส่งหรอก ฉันไปเองได้"
เพราะช่วงนี้ฉันมักจะโดนกลั่นแกล้งอยู่บ่อยโดยรู้สาเหตุดีว่าเพราะอะไร ทั้งดรีมและธัญญ่าเลยเป็นห่วงฉันเวลาไปไหนก็จะมีท่าทีอยากไปส่งอยู่เรื่อยแต่ฉันก็พอจะดูออกว่าพวกมันก็กลัวจะตกอยู่ในอันตรายเหมือนกันเลยรู้สึกเกรงใจเพื่อนขึ้นมา
ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกนั้นถึงได้บอกว่าคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหากับพี่เธียต้องย้ายโรงเรียนกันทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ก็เพราะเขามันบ้ายังไงล่ะ แถมยังไม่มีใครทำอะไรหมอนั่นได้อีกด้วย คอยดูแล้วกันไอ้พี่เธีย ฉันจะมาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของที่นี่เอง การย้ายโรงเรียนไม่ใช่เรื่องลำบากใจสำหรับฉันเหมือนกับคนอื่นหรอกแต่การเอาชนะผู้ชายอย่างเขามันท้าทายจะตายไป ใครก็บอกว่าฉันเปลี่ยนโรงเรียนเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ที่นี่จะต้องเป็นที่สุดท้ายของฉันก่อนเรียนจบแน่ๆ
จะเล่นกันให้ตายก็ลองดู! ฉันไม่ยอมแพ้หรอก
"หน้าด้านจัง" ราวกับว่ามีคนอ่านความคิดของฉันได้
ตอนที่เดินผ่านพวกรุ่นพี่หน้าห้องเรียนห้องหนึ่งก็ได้ยินใครบางคนพูดขึ้น เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังมาจากกลุ่มนักเรียนหญิงที่นั่งกันอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง พอหันไปมองก็เห็นทุกสายตามองฉันกันหมดจนเดาไม่ออกว่าใครเป็นคนพูด แต่แน่ใจว่าคนคนนั้นตั้งใจจะพูดให้ฉันได้ยินแน่ๆ เกลียดนักพวกหมาลอบกัด
แน่จริงก็เปิดเผยตัวออกมาสิวะ!
"ไงเด็กใหม่" กำลังจะเดินผ่านไปก็ถูกพี่เชนเดินออกมาจากห้องเรียนแล้วขวางทางเดินเอาไว้ เขายังคงมีรอยยิ้มส่งมาให้เหมือนเดิม บางทีก็คิดนะว่าเขาเหมือนแสงสว่างที่ชอบมาตอนที่บรรยากาศรอบข้างกำลังมืดมน "จะไปไหนเหรอ"
"เข้าห้องน้ำ" เพราะฉันไม่ค่อยไว้ใจใครเลยตอบไปแบบนั้นรู้ตัวอีกทีก็คิดได้ได้ว่ามันดูไม่น่ารักเลย ถึงเขาจะเป็นเพื่อนกันแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเลวเหมือนเพื่อนนี่
"ดุจัง พี่มาดีนะไม่ได้มร้าย" น้ำเสียงและสีหน้าของรุ่นพี่ทำให้ความรู้สึกของฉันค่อยๆผ่อนคลายขึ้นบ้าง ท่าทางของเขาเหมือนเด็กที่กำลังโดนดุอยู่จริงๆ
"มีอะไรกับหนูมั้ยคะ ถ้าไม่มี..."
"มี" คนที่ตอบไม่ใช่พี่เชนแต่เป็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ถึงแม่จะมีแค่คำคำเดียวที่ออกจากปากเขาแต่ฉันกลับรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุด ภาพของเขาเมื่อวันก่อนผุดขึ้นมาในหัวจนฉันต้องหันหลังไปมองแล้วก้าวถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าวจนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยืนใกล้พี่เชนมากเกินไป
แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาพี่เชนก็หายตัวเข้าไปในห้องทันทีเพราะสายตาของคนตรงหน้า เขามองปราดเดียวไม่ใช่แค่พี่เชนที่เดินหนีแต่รวมไปถึงพวกที่นั่งเกาะกลุ่มอยู่ตรงระเบียงก็หายไปด้วย
"ไม่มีอะไรจะคุย ขอตัว เห้ย!" พอหันหลังกลับมาแขนแกร่งก็ตวัดมารัดขอฉันไว้จนตัวฉันถูกดึงไปแนบชิดกับแผงอกของเขา "ปล่อยนะ!"
"หึ...แต่ฉันอยากคุย" ไม่พูดปล่อยแต่เขายังลากฉันติดมาด้วยในท่านั้น ทุกการกระทำของเราถูกสายตาของใครหลายคนจับจ้องฉันอยากจะงับแขนเขาเต็มทนแต่ไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนเลยจำใจต้องเดินตามแรงกระชากนั้นไปอย่างไม่มีข้อแม้
นี่เขายังเห็นฉันเป็นผู้หญิงอยู่ไหม! ตัวเองแรงเยอะอย่างกับควาย
"มีอะไรก็พูดมาเลย จะมาหาเรื่องอะไรอีก" ฉันสะบัดตัวออกจากแขนแข็งแรงแล้วหันไปยืนประจันหน้ากับเขา ตอนนั้นถึงได้เห็นว่าเขามีรอยช้ำตรงมุมปากเหมือนไปต่อยกับใครมา เป็นพวกที่ชอบมีเรื่องกับชาวบ้านจริงๆด้วย
"ใครกันแน่วะชอบหาเรื่อง" พี่เธอกอดอกแล้วเลิกคิ้วถาม
ขณะเดียวกันก็เห็นเขามองรอยแผลที่อยู่บนใบหน้าของฉันด้วยแต่แค่ไม่กี่วินาทีเขาก็เลื่อนสายตามาสบตาด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะคาดเดา
มันไม่ใช่อ่อนโยนหรือหลงไหลแต่เหมือนกำลัง วิเคราะห์อะไรบางอย่าง
ฝ่ามือหนาค่อยๆเลื่อนมาตรงใบหน้านิ้วโป้งแตะลงบนรอยแผลที่ตอนนี้เริ่มแห้งกว่าเมื่อวานอย่างเบามือ การกระทำของพี่เธียทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยจนต้องก้าวถอยหลังไปติดกับขอบหน้าต่างที่เป็นกระจก
บอกตามตรงเขาทำให้สับสน วันก่อนทำเหมือนจะฆ่าฉันให้ตายคามือได้เลย แต่วันนี้ทำอย่างกับจะญาติดีกันเสียอย่างนั้น
"คิ้วเธอ"
"ทำไม จะสมน้ำหน้าเหรอ" รู้หรอกว่าไม่ใช่ฝีมือพี่เธียแต่แรงจุงใจมาจากเขาไง มันอดไม่ได้ที่จะต่อว่าให้อีกคนสำนึก
"เห็นมั้ยว่าใครทำ" น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมามันฟังดูใจดีกว่าทุกครั้ง เล่นเอาคนฟังอย่างฉันสับสน สะบัดหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับสลัดความรู้สึกมึนงงทิ้งไป
"ไม่ใช่ว่าสั่งใครมาเหรอ อย่ามาทำตัวเป็นคนดีเถอะ" คิดว่าฉันโง่นักหรือไงกันนะ ทั้งโรงเรียนนี้ฉันไม่มีปัญหากับใครเลยนอกจากเขาใครมันจะมาทำร้ายอีกถ้าไม่ใช่เขาหรือไอ้พวกเด็กทาสของเขา
ฉันขยับออกมาด้านข้างเพื่อเว้นระยะห่างจากคนตรงหน้าตอนที่มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดมาพอดี สายตาของคนพวกนั้นมองมาไม่ต่างจากคนอื่นแต่พี่เธียไม่แม้แต่จะสนใจ นิสัยของเขาคงไม่สนใครอยู่แล้วสินะนอกจากตัวเอง
"ยังไม่เข้าเรียนเหรอเธีย" นักเรียนหญิงรุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังจะเดินไปหันมาถามเขาด้วยทางเหมือนคนที่สนิทกันเหลือเกิน
หรือจะเป็นแฟน...
"ยัง" เขาตอบสั้นๆโดยหันไม่มองแค่แวบเดียว ฉันเองก็เดาไม่ออกว่าสรุปแล้วพวกเขาสนิทกันจริงหรือเปล่า เพราะพี่เธียดูไม่ค่อยสนใจเลย คงต้องตัดตัวเลือกที่ว่าแฟนกันทิ้งไป
"ออ" พอได้คำตอบสั้นๆกลับไปรุ่นพี่ก็ดูหน้าเสียก่อนรีบเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนของเธอที่เหลืออีกสามคน แต่ไม่วายที่จะหันมามองฉันอย่างกับไปด่าพ่อล่อแม่พวกหล่อนอย่างนั้นแหละ
ดูยังไงก็รู้ว่ามีคนแอบปลื้มผู้ชายตรงหน้าฉันคนนี้ คนที่ฉันไม่อยากเข้าใกล้สักนิด เขามีอะไรให้อยากพาตัวเองเข้ามากันนะ
"แค่นี้ใช่มั้ยที่จะคุย"เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปฉันจึงหาทางออกห่าง ยิ่งอยู่ใกล้เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย มันทั้งระแวงทั้งกลัวแต่ต้องแสดงออกไปว่าไม่กลัวเขาอย่างนี้
"..." เมื่อเขาไม่ตอบฉันจึงเบี่ยงตัวหลบโดยที่ไม่ต้องเอ่ยลาให้เป็นมารยาท เพราะมารยาทไม่จำเป็นต้องใช้กับคนนิสัยไม่ดีอย่างเขาหรอก
"เสื้อเธอ เอาคืนไป"
ไม่ทันที่ฉันจะได้เดินหนี เสื้อตัวหนึ่งที่คุ้นตาก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ตอนนั้นเองที่คำพูดของพี่เฟรมดังขึ้นมาในหัวของฉัน คำเตือนของเขาที่ว่า 'อย่าไปยุ่งกับมันอีก' ดังก้องซ้ำไปซ้ำมา ดูเหมือนว่ามันจะเตือนตัวเองไม่ทันซะแล้ว
"ต้องการอะไรกันแน่ วันก่อนทำไมต้องเอาอีกตัวมาให้ด้วย" ฉันดึงเสื้อมาจากมือเขาแล้วกอดมันไว้เหมือนกลัวมันจะหายไปอีกรอบ
"ก็คนมันลืม" พูดจบเขาก็ทำหน้านิ่งแล้วขยับตัวไปพิงตรงขอบหน้าต่างมองมา
เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะลืม ตอนนี้ฉันคิดว่าต้องมีอะไรระหว่างเขากับพี่เฟรมแน่ๆ ถ้าจำไม่ผิดเคยได้ยินมาแว่วๆว่าโรงเรียนเรากับโรงเรียนนั้นนักเรียนชายค่อนข้างจะเป็นอริกันเสียส่วนใหญ่หรือเขาจงใจหาเรื่องอีกฝ่ายโดยผ่านทางฉันกันนะ