4
ชุดนอนวาบหวิว
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ เกวรินก็อ้อนให้ว่าที่คู่หมั้นไปร้านคาเฟ่ดัง ตกเย็นก็แวะซื้อขนมเข้าห้องเล็กน้อย และด้วยความเพลียจากการเดินทางเมื่อวาน บวกกับการเที่ยวเล่นในวันนี้ ระหว่างทางที่ขับกลับคอนโด เด็กสาวจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย กว่าจะตื่นอีกทีก็เป็นตอนที่ภากรอุ้มเธอขึ้นมานอนบนเตียงนุ่มแล้ว
“อื้อ~…เฮียภีมขา นอนเป็นเพื่อนหนูหน่อย” เธอปรือตามองคนตัวโตที่กำลังห่มผ้าให้ ดึงข้อมือหนาเต็มไปด้วยเส้นเอ็นของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน
“เฮียต้องไปเคลียร์งาน” ภากรตอบเสียงเบา ลูบผมนุ่มของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“ไหนบอกวันนี้ไม่ทำงานไงคะ”
“อย่าดื้อสิเกี๊ยว”
“แต่ว่า...”
“ถ้าไม่ให้ทำงานคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าได้อยู่ห้องคนเดียวนะ จะเอาแบบนั้นไหม”
“ไม่เอาค่ะ” เกวรินตอบกลับไปทันควัน ยู่ปากน้อยๆ อย่างเสียดาย อยากให้เขานอนเฝ้าเหมือนสมัยเรียนประถมต้น แต่ก็เข้าใจว่าเขามีภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องจัดการ
เธอไม่ดื้อแล้ว
เธออยากเป็นเด็กดีของเฮีย...
“งั้นฝันดีนะครับ ค่ำๆ เดี๋ยวปลุกไปอาบน้ำกินข้าว”
“อื้อ...สู้ๆ นะคะเฮียภีมคนเก่งของหนู” เธอคลี่ยิ้มหวานส่งไปให้ก่อนจะปิดปากหาววอดแล้วปิดเปลือกตาลงช้าๆ ภากรเห็นแบบนั้นหัวใจแกร่งก็อ่อนยวบ แทบตัดใจเดินออกจากห้องไม่ลง
“อืม เฮียไปแล้วนะ”
ลูบผมนุ่มต่ออีกครู่หนึ่ง ร่างสูงก็หรี่ไฟลงแล้วเดินออกจากห้องไป พร้อมปิดประตูให้อย่างเบามือ ปล่อยให้เด็กสาวนอนพักแล้วกลับไปเคลียร์งานที่ต้องทำต่อด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก
ตกดึกภากรก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง รอบนี้เกวรินงอแงไม่อยากลุกจากที่นอน สุดท้ายเขาจึงอุ้มเธอออกมาจากห้องในท่าเจ้าสาวพามาที่โต๊ะทานข้าว พอนั่งลง เห็นเด็กสาวยิ้มแฉ่งตาใสแจ๋วส่งมาให้ถึงรู้ว่าตกหลุมพรางเด็กเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว
“หลอกให้เฮียอุ้มเหรอ?”
“ไม่ได้หลอก...ก็เฮียเป็นคนอุ้มหนูเอง หนูจะหลอกได้ยังไงคะ”
“แสบนักนะ”
มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อยๆ พลางส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจกับสารพัดแผนการของเธอ
“พรุ่งนี้เฮียไม่ได้เข้าออฟฟิศใช่ไหมคะ”
“อืม...แค่ช่วงเช้านะ บ่ายๆ ต้องเข้าประชุม”
“ถ้าเฮียไม่ว่าง เฮียไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหนูก็ได้นะคะ หนูโตแล้ว หนูอยู่คนเดียวได้”
“ก่อนหน้านี้ใครบอกว่าอยากให้อยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่มี๊...เฮียต้องหูฝาดแน่ๆ เลยค่ะ”
“หึ...ไม่ต้องคิดมากหรอก รีบกินได้แล้วจะได้อาบน้ำนอน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่มือก็ตักของโปรดใส่จานให้เธอไม่หยุด
“เราคุยกันเหมือนคนรักเลยนะคะ เฮียว่าไหม”
ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มแพรวพราว เอาแขนเท้าโต๊ะประสานนิ้วเท้าคางมองเขาด้วยสายตาระยิบระยับ
“ไม่เหมือน”
มือหนาที่ถือช้อนส้อมอยู่ชะงักไปจังหวะหนึ่ง แววตามีประกายวูบไหวพาดผ่านทว่าเธอไม่ทันสังเกตเห็น
“ชิ...เฮียปากแข็ง”
“ไม่ได้ปากแข็ง”
“แข็ง”
“ไม่แข็ง”
“แข็งสิคะ แข็งทุกครั้งเลยด้วย”
ทั้งคู่เถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ทว่ารูปประโยคสนทนาในตอนท้ายมันฟังดูกำกวมเสียจนภากรเผลอคิดไปไกล แต่เด็กสาวกลับไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ใบหน้าจึงฉายแววบึ้งตึงเล็กน้อย เขาคิดจะดุเธอก็ดุไม่ลงเพราะเธอยังไร้เดียงสาเกินไป เลยกระแอมออกมาเบาๆ แก้เก้อแล้วเร่งทานอาหารต่อ
“ดึกแล้วนะเกี๊ยว จะเถียงต่ออีกนานไหม” เขาเอ่ยเสียงเข้ม เกวรินเลยไม่ได้ดื้อรั้นจะเอาชนะเขาอีก แต่ปากก็แอบบ่นขมุบขมิบเบาๆ
“ดุเก่งจริ๊ง...”
“เกี๊ยว”
“ขา~”
“ได้ยินนะ”
“อุ้ย...แหะๆ” เกวรินหัวเราะแห้ง เห็นสายตาพิฆาตจากว่าที่คู่หมั้นเลยรีบตักกุ้งตัวโตใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ
“แล้วเรื่องคีย์การ์ด คุยกับนิติหรือยัง”
“คุยแล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็เข้าไปเอาได้เลย”
อีกครั้งที่เธอโกหกหน้าตาย ด้านหลังแอบไขว้นิ้วเอาไว้ จะบอกได้ยังไงว่าเธอแค่สร้างเรื่องเพราะอยากมานอนที่นี่ ถึงแม้ก่อนหน้าเขาจะจับโป๊ะเธอได้ว่าวางแผนเอาไว้ แต่ก็อายเกินกว่าจะพูดออกไปตรงๆ อยู่ดีว่าคีย์การ์ดยังคงปลอดภัยในกระเป๋าเงินของเธอ
“งั้นก็ไม่ต้องค้างที่นี่แล้วสิ” เขาเลิกคิ้วน้อยๆ หันมามองคนตัวเล็ก อยากรู้เหลือเกินว่าเด็กเจ้าแผนการจะสรรหาวิธีอะไรมาค้างห้องเขาอีก
“อื้อ...พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับเลยค่ะ”
คำตอบของเธอเป็นสิ่งที่ภากรไม่ได้คาดคิดมาก่อน แววตาของเขาหม่นลงอย่างนึกเสียดาย ทว่าใบหน้าก็ยังคงความเรียบนิ่งอยู่เหมือนเดิม ราวกับไม่รู้สึกอะไรว่าเธอจะอยู่หรือจะไป
“อืม...”
ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เขากินข้าวไม่ค่อยลงแล้ว ร่างสูงจึงหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเอาจานของตัวเองไปเก็บในครัวโดยไม่เอ่ยปากอะไรอีก
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอคะเฮีย”
“อิ่มแล้ว ถ้ากินเสร็จฝากเก็บด้วยนะ ไม่ต้องล้าง พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวแม่บ้านเข้ามาจัดการให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ จานนิดเดียวเอง หนูล้างได้” เธอส่งยิ้มให้เขา แล้วตักข้าวในจานเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอารมณ์ดี ในขณะที่อีกคนเริ่มจะหัวเสียขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะปกติเกวรินจะงอแงนอนค้างห้องเขาให้ได้ ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงได้ยอมว่าง่ายขึ้นมา
“อืม ตามใจ”
สิ้นเสียง ภากรก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ในขณะที่ร่างอวบอิ่มยังคงนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียวอย่างมีความสุข ไม่นานก็กลับเข้าไปในห้องนอนของตน
“คิกๆ เฮียงอนแล้วน่ารักจัง...”
.
.
.
.
กลางดึก...
ตึ๊ง~
ภากรนอนพลิกตัวอยู่นานก็ไม่หลับ พอได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจึงลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แล้วหยิบมือถือเครื่องหรูขึ้นมาดูว่ามีใครทักมากลางดึกแบบนี้
เกี๊ยว : เฮียหลับยังงง
ดวงตาคมกริบอ่านข้อความนั่นแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง แล้วพิมพ์ตอบกลับไป
ภีม : ยัง
เกี๊ยว : ใจตรงกันเลย~
“หึ...” เขาหลุดยิ้มออกมาน้อยๆ กับความน่ารักของเด็กสาว สักพักเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เฮียภีมขา~ เปิดประตูให้หนูหน่อย~”