“พูดจาให้มันดีหน่อย ฉันเคยสอนไปแล้ว หัดจำเสียบ้างสิ”
ร่างหนาลุกจากเก้าอี้ไม้ที่นั่งอยู่มาสักพักใหญ่จนตูดเริ่มชาเดินเข้ามาหาเด็กสาว
ใช้มือหนาๆ ตีก้นเด็กสาวไปหนึ่งทีถ้วนด้วยความมันเขี้ยวที่เห็นตูดนั้นดิ้นดุกดิกไปมาทุกครั้งที่เธอขยับตัวต่อหน้าเขา
ก่อนจะเก็บมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะใจมันเผลอคิดอย่างจะบีบเคล้นสักครั้งขึ้นมาหน้าตาเฉย อยากจะรู้นักมันจะเด้งสู้มือแค่ไหนกันเชียว
“ไม่อ่ะ ก็ไม่ได้ใช้พูดกับใคร ไม่จำเป็นต้องไพเราะหรอก วันๆ ก็เจอแค่ไอ้กัณณ์กับยาย”
โดนเขาตีไปขนาดนั้นเธอก็ไม่สำนึกเลยแม้แต่นิด เถียงกลับหน้าตาเฉยขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ก็มันเป็นความจริง คำพูดคำจาของเธอวันๆ ไม่เคยได้ใช้กับใครนอกเสียจากน้องชายลูกชายของน้ากับยายมูลยายแท้ๆ ที่เลี้ยงดูเธอมา
คนอย่างเธอที่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมปลายไม่จำเป็นต้องมีคำพูดดีๆ เอาไว้ใช้หรอก แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ให้รอดก็พอ
“วันข้างหน้าอาจได้ไปอยู่ในเมืองก็ได้ หัดไว้มันก็ไม่เสียหายอะไร”
ภูเมฆเข้าใจดีว่าแถวนี้มันบ้านป่าเมืองเถื่อน คนแถวนี้เขาก็พูดจากันแบบเด็กสาวทั้งนั้นไม่มีใครใช้สำเนียงหวานหูให้ได้ยินหรอก ไม่เหมือนพวกคนในเมืองที่จะพูดจาน่าฟังขึ้นมาบ้าง
แต่เขาก็อยากให้เด็กสาวหัดเอาไว้ เพราะเธอหน้าตาสะสวยหุ่นก็ดีก็ควรจะมีคำพูดคำจากที่มันดีด้วย อนาคตก็อาจได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้ เตรียมตัวเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
“วันข้างหน้างั้นเหรอ ก็คงอยู่แถวนี้แหละ อีกหน่อยก็คงได้ผัวเป็นคนในหมู่บ้าน คงไม่ได้ไปไหนไกลหรอก”
เกตุแก้วตั้งท่านึกถึงอนาคตที่แทบไม่เคยนึกถึงเลยอยู่สักพักหนึ่งก็ตอบกลับพ่อเลี้ยงที่เธอมองว่าเขาเป็นพวกหัวโบราณชอบสอนนั้นนู่นนี่อยู่ตลอดออกไป
เธอคงไม่ได้มีวาสนาได้มีสามีเป็นคนรวยๆ อย่างคนในเมืองหรอก ก็คงหนีไม่พ้นใครสักคนแถวนี้ คนที่ถูกใจยายของเธอ คนที่จ่ายเงินหนาพอให้ยายพึงพอใจ
“ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้จะมีผัวแล้วเหรอ หัดเดินหัดพูดให้มันคล่องก่อนค่อยคิดเรื่องมีผัวจะดีกว่า”
เขาแทบสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อได้ยินเด็กสาวพูดว่าอยากมีผัว ดูเหมือนเขาจะพร้อม เอ๊ย! ต้องสั่งสอนเธอซะหน่อย
ตัวยังไม่ทันโตเต็มที่เลย แล้วเรียนก็เพิ่งจะจบใบประกาศก็ยังไม่ได้รับ นี่คิดจะหาผัวกันแล้วเหรอ ไม่ไวไฟไปหน่อยหรือไงกัน
ขนาดเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ อยู่มาตั้งสี่สิบปีแล้ว ยังไม่มีเมียเลย ยังนั่งรอเนื้อคู่มาเกิดอยู่เลย ควรจะดูเขาเป็นตัวอย่างเอาไว้