ตอนที่ 2 ยื่นข้อเสนอ (1/2)

1504 คำ
พวกเราออกจากห้องสมุดกันมาเกือบห้าโมง และดูเหมือนนายพีทก็ยังไม่ออกมาเลย หรือกลับออกไปก่อนตอนที่ฉันมัวแต่ก้มหน้าหาข้อมูลอยู่หรือเปล่านะ “คืนนี้เจอกันเวลาเดิมนะ” “อะเคร” บีลีฟยกมือในท่าโอเคพร้อมกับทำเสียงสอง หลังจากกลับมาถึงคอนโดฉันก็ล้มตัวลงนอนโซฟา อ่านหนังสือเยอะในรอบสองปีเล่นเอาปวดตาลามไปถึงขมับ และมันก็รู้สึกง่วงมากอยู่เหมือนกัน ขอนอนพักสายตาสักหน่อย ฉันก็ตื่นขึ้นมาอีกทีราว ๆ หนึ่งทุ่ม ลุกไปหาอะไรกินก่อนจะเข้าไปอาบน้ำสลัดคราบนักศึกษาเป็นแม่เสือสาวที่พร้อมออกไปล่าเหยื่อในยามราตรี คืนนี้ฉันแต่งตัวด้วยชุดมินิเดรสสายเดี่ยวแบบผูก โชว์เนินอกอวบอิ่มและเรียวขาขาวยั่วยวนใจ พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีดำคู่ใจ ตั้งแต่จอดรถและก้าวเท้าลง เรือนร่างและใบหน้าสวยหวานของฉันก็เป็นที่จับจ้องของชายหนุ่มตลอดทางที่เดินเข้าไปที่โต๊ะด้านใน “ว้าวแม่เสือสาว” “อยากเป็นเหยื่อจังเลยครับ” เสียงของสองหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยแซวมา ฉันหันไปยิ้มโปรยเสน่ห์และพวกเขาก็เดินเข้ามาหาอย่างพร้อมเพรียง “มาคนเดียวเหรอครับ” “ให้พวกเราไปนั่งเป็นเพื่อนมั้ยครับ” “นั่งด้วยกันก็ได้ค่ะ ตอนนี้เหงาอยู่พอดี แต่อีกสักแป๊บเพื่อนก็มากันแล้วค่ะ” หันไปตอบพร้อมกับกระดกบรั่นดีราคาแพงลงคอ วันนี้ยัยสองคนนั้นมาถึงช้า ฉันเลยเปิดเหล้ารอและก็ได้เพื่อนนั่งดื่มหน้าใหม่เพิ่มมาอีกสองคน “อร๊ายแก ควงใครมายะ” นางซินดี้มาถึงเป็นคนที่สองก็กรี๊ดกราดน่าระรื่น จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น “สวัสดีครับ/สวัสดีครับ” “ชื่ออะไรกันเหรอคะ” มาถึงก็ถามเลยนะ ฉันนั่งมาสักพักยังไม่รู้จักชื่อเลย “โอมครับ” “อุ้ย อยากโอมจัง” โอมเสียงยาวของนางคงไม่ต้องบอกว่าหมายถึงอะไร เพราะนอกจากนางจะเล็งหน้าผู้ชายคนนั้นแล้ว ก็ยังเล็งเป้ากางเกงของเขาด้วย ร้ายไม่เบาเลยนะนางซินดี้ “ผมชื่อหนึ่งครับ” “อร๊าย คนนี้ก็หล่อ ขอเหมาสองเลยได้มั้ยคะ” “แกจะเหมาอะไรอีดี้” บีลีฟที่พึ่งมาถึงก็เอ่ยตัดบทซินดี้ได้จับจังหวะพอดี นางเพื่อนสาวสองของฉันไม่ชอบให้ใครมาเรียกนางว่า ดี้ นางชอบให้เรียกว่าซินดี้มากกว่า เพื่อให้เข้ากับใบหน้าสวยๆ ที่ลงทุนไปเหลาดั้ง ฉีดโบท็อกซ์มา บวกกับนมตูมๆ กับช่วงล่างที่สั่งทำแบบฟิตๆ แต่บางครั้งพวกเราก็ชอบแกล้งเรียกนางว่า ดี้ สั้นๆ ก็แค่พูดหยอกกันน่ะ และนางก็ไม่ถือโทษโกรธพวกเราหรอก แต่ถ้าเป็นคนอื่นนี่มีหัวร้อนและพร้อมบวกเลยล่ะ “อร๊าย อีชะนี จะเรียกชื่อกูแบบนั้นดูเบ้าหน้าสวยๆ ของกูด้วยจ้า อย่าไปฟังนางชะนีนี่นะคะ เค้าชื่อซินดี้ค่ะ” หันไปโวยบีลีฟเสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มหวานแล้วก็ทำเสียงสองคุยกับผู้ชายต่อ ฉันล่ะยอมความตอแหลของนางจริงๆ ตอนนี้เราก็มาครบกันแล้ว บีลีฟเข้ามานั่งข้างซินดี้ ส่วนผู้ชายสองคนที่ชื่อ… อ้อ โอมกับหนึ่ง พวกเขานั่งขนาบทั้งสองข้างของฉันอยู่ และมื้อนี้ก็อีกตามเคย ยัยเฟย์คนนี้เป็นเจ้ามือจ้า เพื่อนสาวทั้งสองคนชวนชายหนุ่มสองคนนั้นคุยกันแทบไม่หยุดปาก จนเหล้าหมดไปแล้วสามขวดก็นึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีนัดที่ต้องไปเอาคำตอบจากนายแว่นนั่นอยู่ “พวกแกเดี่ยวฉันมานะ” “แกจะไปไหนเหรอ” บีลีฟถามฉันมา “ก็ที่ฉันนัดไว้ไง” “อ๋อ/อ๋อ” ทั้งสองคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน คงจะลืมล่ะสิว่าฉันนัดกับใครไว้ เพราะฉันเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้เหมือนกัน ฉันลุกออกจากโต๊ะก็ตรงขึ้นไปบนชั้นสองของคลับ ไปยังห้องเดิมที่นายพีทพาฉันไปเมื่อคืนวาน ดีที่ไม่มีบอดี้การ์ดอยู่ข้างบน คงจะออกไปเดินตรวจดูความเรียบร้อยล่ะมั้ง แต่ก็ช่างเถอะเข้าไปหานายนั่นดีกว่า ฉันเคาะประตูส่งสัญญาณเรียกอยู่สองสามครั้งก็เปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นก็สมกับเป็นนายเนิร์ดจริงๆ เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะทำงาน พอฉันเปิดเข้าไป พีทแค่ลดหนังสือลงพอให้เห็นคนที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาก็เท่านั้น “เข้ามาทำไม” ประโยคแรกที่ออกจากปากมันเรียกว่าทักทายได้ไหมนะ คืนนี้ฉันอารมณ์ดี จะถือว่าเป็นประโยคทักทายก็แล้วกัน “มาหานายไง” “...” ทำหน้าไร้อารมณ์มองมา เฮ้ ไม่คิดจะตะลึงกับหุ่นสวยๆ กับชุดสุดเซ็กซี่นี่หน่อยเหรอ “นายลืมแล้วเหรอว่าเรานัดกัน” “นัด?” “ใช่ เรื่องเป็นแฟนกันไง” “ยังไม่ลืม?” ถามมาแบบนี้กะจะตีเนียนแกล้งลืมว่างั้น ขอโทษที พอดีความจำฉันดีไปหน่อย “...” ฉันไม่ได้ตอบกลับ แค่ไหวไหล่แล้วส่งยิ้มเล็กๆ ให้ไป “ฉันยังไม่ร้อนเงิน” “จะปฏิเสธเหรอ” “ไม่มีผู้ชายคนอื่นแล้วรึไง” เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะ ดูเหมือนเริ่มจะจริงจังกับคำถามนี้ “มีแค่นายคนเดียว” “ดูสไตล์แบบคุณ…” มองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ก็ไม่น่าจะของขาดนะ” “อยากดูถูกอะไรก็ว่าไปเถอะ เพราะนายก็ดูถูกจริงๆ แบบฉันเนี่ยผู้ชายเข้าหาไม่ซ้ำหน้าเลยล่ะ แต่มันไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นแฟนฉันเลยสักคน มีแค่นายคนเดียวเท่านั้นที่เข้าท่าที่สุดละ และอีกอย่างนายก็เคยเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นที่อ้างตัวเป็นว่าที่คู่หมั้นของฉันแล้วนี่ สถานการณ์ของฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก” “แล้ว…” นี่แกล้งโง่หรืออย่างไร ฉันพูดไปตั้งเยอะตั้งแยะแต่ก็ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฉันเลยย้ายจากโซฟาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขาแทน “แค่แกล้งเป็นแฟนตอนอยู่ในคลับก็พอ นายก็มาทำงานที่นี่ทุกวันอยู่แล้วนี่ รับค่าจ้างสองต่อมันก็ดีต่อตัวนายไม่ใช่เหรอ และฉันก็ไม่ได้รบกวนเวลาทำงานของนายเลยนะ แค่บางครั้งถ้าเจอพี่ปริญที่นี่อาจจะขอให้นายช่วยแสดงตัวว่านายกับฉันเรากำลังคบกันอยู่ แค่แสดงละครตบตาก็เท่านั้นน่ะ นายอยากได้ค่าจ้างเท่าไรว่ามาได้เลย ฉันไม่ใช้งานนายฟรีหรอก” “รวยมากว่างั้น เลยอยากจะผลาญเงินเล่น” “จะว่างั้นก็ได้” อยากว่าอะไรก็ว่าไป ฉันยอมหมดแหละตอนนี้ เพราะเมื่อกี้ตอนที่เดินขึ้นมา สายตาก็เหลือบไปเห็นพวกพี่ปริญนั่งอยู่โต๊ะโซนตรงกลาง ห่างจากที่ฉันนั่งไปประมาณสิบกว่าโต๊ะ และไม่แน่ว่าอาจจะมีสักช่วงที่ฟ้ากลั่นแกล้งให้ฉันได้เจอกับเขาก็ได้ใครจะรู้ รีบตื้อนายพีทนี่ให้ยอมตกลง อย่างไรก็ดีกว่าไม่มีใครคอยช่วยเลย “คืนละพัน” ฉันเริ่มเสนอค่าจ้างออกไป “...” “สามพัน” “...” ทำหน้านิ่งคืออะไร อยากได้มากกว่านี้เหรอ “ห้าพัน” “...” ยังนั่งนิ่งอยู่ “หนึ่งหมื่น” ฉันเริ่มถอนหายใจแล้วนะ “...” “สรุปคือนายจะช่วยฉันมั้ยเนี่ย ตั้งคืนละหมื่นเชียวนะ ถ้าฉันมาที่นี่ทุกคืน แล้วพี่ปริญก็มาทุกคืนด้วยเหมือนกัน นายก็ได้เงินจากฉันตั้งสามแสนแล้วนะ” “...” เงียบ ไม่ตอบ คืออะไร ขออนุญาตกรี๊ดในใจ แต่ต่อหน้าต้องแสร้งกัดฟันยิ้มสวยๆ ให้ก่อน “พีท ช่วยฉันเถอะนะ ถือว่าเราเป็นเพื่อนกันก็ได้ เราเรียนมหาลัยเดียวกันนี่ เมื่อเช้าฉันยังเห็นนายอยู่เลย” คงต้องเอาลูกอ้อนเข้าช่วยแล้วล่ะ “สืบเรื่องผมเหรอ” “เปล่า ฉันเห็นนายเดินมากับพลอยใส” “เป็นเพื่อนพลอยใสงั้นเหรอ เพื่อนคุณก็ออกจะเป็นเด็กเรียน แต่ทำไม…” รู้หรอกว่าจะหลอกด่า “ฉันชอบกินเที่ยวแล้วมันผิดตรงไหน กินได้ก็เรียนได้น่า สรุปนายจะช่วยกันรึเปล่า” รอบนี้ฉันถามจริงจังแล้วนะ ถ้าไม่ช่วยก็คงไม่ง้อแล้วล่ะ เพราะคนอย่างพิชญ์สินีไม่ชอบง้อใคร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม