“กะ…ก็…” สมองฉันกำลังเกิดปัญหาไปพร้อมๆ กับหัวใจ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะตอบเขาว่าอย่างไร
“ก็อะไร กลัวเหรอ” คำว่ากลัวของเขา มันเหมือนจุดชนวนความกล้าของฉันขึ้นมาอีกครั้ง ฉันไม่ชอบให้ใครมาท้าทาย และใช่ ตอนนี้เขากำลังท้าทายฉันอยู่ คงคิดว่าฉันจะกลัวถ้าเขาทำตัวแบบนี้สินะ
“ใครกลัว ฉันไม่ได้กลัว” เงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาคู่คมที่อยู่ภายใต้แว่นตาสีใสอีกครั้งด้วยความมั่นใจ
เราจ้องกันอยู่นานก่อนที่พีทจะกระตุกยิ้ม “หึ” เสียงแค่นหัวเราะในลำคอของเขาดังขึ้นก่อนที่จะผละตัวออกไปแล้วก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเดิม
ฟู่… โล่งใจ ฉันคิดว่าเขาจะ…เอ่อ แค่คิดนะ แต่เขาคงไม่กล้าทำหรอก เฮ้อ ช่างเถอะ
“ฉันลงไปก่อนนะ แล้วจะโทรหา” รีบบอกแล้วก็รีบออกจากห้องไป
คนบ้าทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย แต่ถ้าเมื่อกี้เขาจูบฉันขึ้นมาจริงๆ ล่ะ ขณะที่คิดก็เหมือนว่าตัวเองจะเผลอยิ้มออกไปด้วย
ยิ้มบ้าอะไรล่ะ อย่าลืมสิพิชญ์สินี เธอมันคือยัยคาสโนวี ที่แปลว่าจะไม่จริงจังกับผู้ชายคนไหนอีก พอปรับความคิดของตัวเองได้ ฉันก็ทำตัวให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะกลับเข้าไปนั่งดื่มกับอีกสามคนที่โต๊ะต่อ
“ไปหาพ่อหนุ่มเนิร์ดมาเหรอจ๊ะ”
“อืม” ตอบพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเพื่อดับความรู้สึกแปลกในใจ มันแปลกที่ใจดันเต้นแรง เพราะตกใจ ตื่นกลัว หรืออะไรสักอย่างซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร
“แล้วเป็นไง”
“จะเป็นยังไงล่ะ ก็คุยกันได้ไม่กี่คำก็ลงมานี่ไง” ว่าแล้วก็เทเหล้าอีกแก้วแล้วยกดื่มรวดเดียว พอนึกถึงเรื่องเมื่อกี้มันก็รู้สึกร้อนหน้าไปหมด นี่ฉันเป็นอะไรไป
“เบาๆ สิแก เดี๋ยวก็ได้เมาจริงๆ หรอก”
“เป็นไรยะยัยชะนี หัวเสียอะไรมา”
“ไม่ได้หัวเสีย แต่ฉันแค่รู้สึกแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“อย่าสนใจเลย มาดื่มกันต่อเถอะ”
พวกเราดื่มเหล้าขวดนี้หมดก็แยกย้ายกันกลับ เพราะทุกคนต่างก็เริ่มมึนกันแล้ว แก๊งของเราแม้จะชอบดื่มขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยเมาหัวราน้ำแบบน็อกคาที่เลยสักครั้งเดียว แต่ละคนจะรู้ลิมิตของตัวเองดี ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งที่เริ่มมึนหรือไม่ไหวกันแล้วพวกเราก็จะกลับทันที แบบว่ามันก็ต้องเซฟตัวเองกันสักนิด ดื่มได้ ก็ต้องมีสติพาตัวเองกลับถึงบ้านได้และอย่างปลอดภัยด้วย
ระหว่างทางที่ฉันขับรถออกจากคลับมาได้ไม่นาน ไม่นานที่ว่าคือยังไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ ก็เหมือนยางรถจะมีปัญหาทั้งที่ฉันก็เข้าศูนย์เช็กสภาพเป็นประจำ ฉันเปิดไฟเลี้ยวหาที่จอดข้างทางและลงไปดู ปรากฏว่าเป็นเพราะยางรถรั่วอย่างที่คิดไว้ แต่มันไม่ได้รั่วเพราะยางหมดสภาพ แต่มันรั่วเพราะโดนตะปู โดนไปหลายดอกเสียด้วย ทำไมถึงซวยอย่างนี้นะ
ฉันโทรหายัยสองคนนั้นก็ไม่มีใครรับสายกันเลย ปิดเสียงหรือแบตหมดก็ไม่แน่ใจ กะว่าจะให้มารับสักหน่อย แต่ตอนนี้ฉันคงจะต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ
ฉันเข้าไปนั่งในรถและค่อยๆ ขับออกไปอย่างช้าๆ ที่เข็มไมล์ไม่เกินยี่สิบกี่โลเมตรต่อชั่วโมง ขับออกมาได้ไม่เท่าไรก็มีรถมอเตอร์ไซด์ขับมาขนาบข้าง แล้วเคาะที่กระจกรถอยู่หลายครั้ง เขาใส่ชุดดำทั้งตัวแถมยังใส่หมวกกันน็อกอีกต่างหาก คิดดูว่าผู้หญิงตัวคนเดียวที่เจอสถานการณ์แบบนี้ในยามกลางค่ำกลางคืนไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันน่ากลัวมากแค่ไหน
ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลดกระจกข้างลงเพื่อถามว่าเขาเคาะกระจกรถทำไม แค่โดนตะปูแล้วยางรั่วมันก็ลำบากมากพออยู่แล้วสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน แต่นี่ยังมาเจอคนแปลกหน้าทำแบบนี้อีก มันแทบอยากจะร้องไห้เอาให้ได้เลย ตอนนี้มันกลัวมาก ขับรถไปก็สั่นไป จะหยุดรถก็ไม่ได้ ภายในใจมันรู้สึกกลัวไปหมด และแล้วรถของฉันก็ต้องถูกเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะผู้ชายที่ขับรถขนาบข้าง ตอนนี้ได้เขาขับมาตัดหน้าเหมือนพยายามจะให้ฉันหยุดรถแล้วจอดที่ข้างทางให้ได้
เขาลงจากรถแล้วเดินเข้ามาหาทางประตูฝั่งที่ฉันนั่งอีกครั้ง ฉันรีบกดล็อกรถด้วยมือที่สั่นเทา แม้ว่ามันจะถูกล็อกตั้งแต่ขับออกมาจากหน้าคลับแล้วก็ตาม
ชายคนนั้นไม่ได้ถอดหมวกกันน็อกออกเลย เขายืนเคาะเรียกฉันที่กระจกข้างอยู่หลายครั้ง และพูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ออกมา ตอนนี้ฉันฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย ในใจมันมีแต่ความกลัวแค่อย่างเดียว ขอร้องเถอะ รีบจากไปสักที
ฉันเอาใบหน้าซบเข้ากับพวงมาลัย พยายามไม่มองออกไปนอกกระจก มือสองข้างยกขึ้นปิดหูเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงของชายชุดดำที่เอ่ยอะไรออกมาแทบไม่หยุดปาก
จะทำอย่างไรดี ฮึก ฮือ… แล้วน้ำตามันก็หลั่งไหลออกมาเป็นสายอย่างห้ามไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันกลัว ฮือ…
และในขณะนั้น คนเดียวที่ฉันนึกถึง และเขาก็อยู่ใกล้ฉันมากที่สุดก็คือ พีท
พอคิดขึ้นได้สายตาก็รีบมองหาโทรศัพท์ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน กระเป๋าของฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย ฮือ…
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำใจกล้าไม่สนใจภายนอกและตั้งสติมองหากระเป๋า ซึ่งโดยปกติเวลาขึ้นรถฉันก็มักจะโยนไปที่เบาะข้างคนขับ และครั้งนี้ฉันก็ทำอย่างเช่นเคย แต่มันดันตกลงไปอยู่ด้านล่าง ฉันเอื้อมไปหยิบกระเป๋าแล้วคว้าโทรศัพท์ออกมา พร้อมกับกดต่อสายไปหาพีททันที
รับสิ รับสิ นายช่วยรับโทรศัพท์ฉันหน่อย ฮึก
สายแรกไม่รับ
สายที่สองเขาก็ไม่รับ
“ฮือ… ไอ้บ้าข้างนอกมันก็ไม่ยอมไปสักที นายทำบ้าอะไรอยู่ รับสายสิ” โทรไปตั้งสองสาย พีทก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย ฉันโทรไปบ่นไป ที่บ่นไม่ได้อยากจะต่อว่า แต่ตอนนี้ฉันไม่เหลือใครแล้ว ฉันคิดถึงนายแค่คนเดียว
พีท (ฮัลโหล)
เฟย์ (ฮึก ทำไมถึง ฮึก รับสายช้า)
พีท (โทรมาทำไม แล้วนั่นร้องไห้เหรอ)
เฟย์ (ฮือ… นาย ฮึก มาหาฉันหน่อยได้มั้ย ฮือ…)
พีท (ร้องไห้ทำไม แล้วเธออยู่ที่ไหน)
เฟย์ (ใกล้ๆ คลับน่ะ ฮึก ยางรถฉันรั่ว ฮือ… แล้วใครก็ไม่รู้ ฮึก มาเคาะกระจกรถฉันอยู่ ฮึก พีท ฉันกลัว ฮือ…)
พีท (อยู่ตรงนั้นนะ ห้ามลงจากรถ รอฉัน)