“ท่านแม่ ท่านแม่ ตื่นเถิดๆๆ ท่านแม่”
เสียงเล็กๆที่เรียกอยู่ข้างหูของ‘ว่านถิง’ทำให้นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึก ก่อนจะตื่นตกใจกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“อาซู่ เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ล่ะ” สิ่งที่นางเห็นก็คือบุตรชายที่หน้าตามอมแมมราวกับว่าไปนอนเล่นคลุกฝุ่นคลุกดินโคลนที่ไหนมา
“เลือด! อาซู่นี่เจ้าบาดเจ็บด้วยหรือ”ราวว่าบุตรตัวน้อยจะไม่เคยชินกับน้ำเสียงที่ดุดันของนาง จึงเผลอถอยห่างออกจากหญิงสาวทั้งยังแบะปากก่อนจะก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ทำให้ว่านถิงต้องชะงักคำพูดที่ดุดันของตน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไหนลองบอกแม่มาซิว่าเจ้าไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาถึงได้กลับมาในสภาพเช่นนี้” เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนลงของผู้เป็นมารดา เด็กน้อยจึงค่อยๆเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบดินโคลนขึ้นมามอง ก่อนที่น้ำตาจะหยดไหลพรากลงมาจากดวงตาเล็กๆ ปากน้อยๆกลั้นสะอื้นก่อนจะเอ่ยออกมา
“ข้าไปตามหาท่านพ่อมาขอรับ” ได้ฟังดังนั้นนางจึงยื่นมือไปดึงเอาร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดของตน ก่อนจะลูบหลังเบาๆอย่างปลอบโยน ทุกค่ำคืนที่ทุกคนนอนหลับ มันคือเวลาเดียวที่อาซู่จะมีพลังมากขึ้นจนสามารถไปไกลจากนางได้ ดังนั้นเมื่อตะวันลับขอบฟ้าเขาก็จะหายไปออกตามหาบิดาผู้ที่มีธาตุหยางลึกล้ำ เพื่อใช้เลือดของเขามาหลอมรวมกับเลือดของนางที่มีธาตุหยินเต็มเปื่ยม เพื่อที่เด็กน้อยจะได้รวบรวมเศษเสี้ยววิญญาณของตนที่กระจัดกระจายอยู่ และสามารถมาจุติในครรภ์เพื่อเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการเกิดครบสามร้อยชาติ จากนั้นจึงจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้
เพียงครู่เดียวร่างเล็กก็ทิ้งน้ำหนักลงมาเป็นสัญญาณให้รับรู้ว่าเขาได้หลับไหลไปเสียแล้ว หญิงสาวจึงยกอุ้มเอาร่างเล็กเข้าแนบอก ก่อนจะไปทิ้งตัวลงนั่ง เพื่อจะกล่อมบุตรชายตัวน้อยที่กำลังขยับเข้าซุกลงบนอกของนางเพื่อหามุมสบาย ก่อนจะหลับไหลต่อไปอย่างเหนื่อยอ่อน หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น สมองเฝ้าครุ่นคิดหาทางออก ยามนี้ก็ผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้วที่พวกนางเร่ร่อนตามหาแต่ก็ยังไม่พบเบาะแสของชายใด ที่จะมีธาตุหยางลึกล้ำตรงตามที่ต้องการเลยแม้แต่คนเดียว อาซู่ของนางยังมีเวลาเหลืออีกเพียงสองเดือนกว่าๆเท่านั้น หาไม่แล้วดวงจิตของเด็กน้อยก็จะต้องกระจัดกระจายอยู่เช่นนี้ไม่อาจเกิดไม่อาจตาย ต้องลอยเคว้งคว้างอยู่ในโลกแห่งวิญญาณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฟ้าเริ่มสางแล้วร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดจึงค่อยๆเลือนหายเข้าสู่ข้อมือของนาง ก่อนจะปรากฎเป็นภาพดอกบัวขึ้นมาหนึ่งดอก หญิงสาวจึงขยับกายขึ้นยืนบิดขี้เกียจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปเตรียมเก็บข้าวของ เห็นทีว่าที่เมืองนี้คงจะไม่มีผู้ใดที่ตรงตามที่ตามหา คาดว่าคงจะต้องข้ามฝั่งไปยังต่างแคว้นเสียกระมัง คิดได้ดังนั้นเมื่อเก็บสัมภาระเล็กน้อยที่มีอยู่เสร็จแล้ว นางก็เริ่มก้าวเท้าออกเดินไปตามทางมุ่งหน้าออกนอกเมืองเพื่อไปยังชายแดนของแคว้น และขณะที่นางกำลังแวะซื้อเสบียงอยู่นั้น ฉับพลันก็มีขบวนทหารขี่ม้าเข้ามากันกลุ่มใหญ่ ชาวบ้านที่เดินจับจ่ายซื้อของอยู่ต่างก็พากันวิ่งหลบกันอย่างชุลมุน
“หลีกไป!หลีก!!” เสียงตะโกนดังมาจากคนที่ขี่ม้านำทาง เพื่อช่วยแหวกทางให้รถม้าคันใหญ่วิ่ง โดยมีเหล่าทหารคอยขี่ม้าประกบอยู่ด้านข้างของรถม้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่ากำลังอารักขาของสำคัญที่อยู่ในรถม้าคันนั้น ทั้งกลุ่มควบม้าผ่านบริเวณที่หญิงสาวยืนหลบอยู่กับเหล่าชาวบ้าน ฉับพลันข้อมือของนางก็ร้อนวาบพร้อมๆกับเสียงของบุตรที่ดังก้องอยู่ในหูของนาง
“ท่านพ่อ! ท่านแม่ข้ารู้สึกถึงท่านพ่อ!” น้ำเสียงลุกลนอย่างดีใจทำให้นางต้องมองตามทหารกลุ่มนั้นไปก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ
“เจ้าแน่ใจนะอาซู่”
”แน่ใจขอรับ ท่านแม่รีบตามท่านพ่อไปเร็วเข้า เร็วท่านแม่” ร่างบางจึงตัดสินใจวิ่งตามคนกลุ่มนั้นไปอย่างรวดเร็ว นับว่าโชคดีที่พวกเขาไปไม่ไกลจากจุดที่นางอยู่มากนัก เมื่อหญิงสาวมาถึงก็เห็นเพียงกลุ่มทหารที่ยืนออกันอยู่ด้านนอก ก่อนที่ประตูจวนหลังนั้นจะปิดนางก็สามารถสอดสายตาเข้าไปเห็นรถม้าคันนั้นจอดนิ่งอยู่ด้านใน
“อาซู่ คนไหนล่ะท่านพ่อของเจ้าน่ะ” หญิงสาวกระซิบถามบุตรชายของตนอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงเล็กที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเอ่ยตอบมา
“ในนั้นท่านแม่ ท่านพ่ออยู่ด้านในนั้น แต่ข้ารู้สึกถึงจิตของท่านพ่ออ่อนแรงยิ่งนัก ท่านแม่รีบไปช่วยท่านพ่อเถิด ท่านพ่อกำลังเจ็บปวด ฮืออๆๆ ท่านพ่อ” หญิงสาวแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อบุตรชายตัวน้อยเริ่มงอแงส่งเสียงร้องอยู่ในหูของนาง
“เอาล่ะๆเจ้าต้องหยุดร้องก่อน แล้วบอกแม่มาซิว่าเราจะช่วยท่านพ่อของเจ้าได้ยังไง อีกอย่างแม่ยังไม่รู้เลยนะว่าคนไหนที่เป็นพ่อของเจ้าน่ะ”
“อยู่ข้างในนั้น ท่านพ่ออยู่ข้างใน ข้าเห็นว่าท่านกำลังถูกพิษร้ายทำอันตรายอยู่ ท่านแม่เราไปช่วยท่านพ่อกัน ไปกัน” เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างพยายามกลั้นสะอื้น
“เอาล่ะ แม่จะลองเข้าไปดูนะ แต่เจ้าจะต้องหยุดร้องไห้แล้วช่วยแม่หาทางเข้าไปข้างใน เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ ได้ขอรับ”เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเลิกร้องไห้ฟูมฟายแล้ว หญิงสาวจึงค่อยเบาใจเพราะหากลำพังเพียงตัวนางก็อย่าได้คาดหวังว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆเลย ถึงแม้ว่านางจะมีฝีมือในการต่อสู้อยู่บ้าง แต่ยามนี้การที่จะผลีผลามเข้าไปต่อยตีคงจะไม่ใช่วิธีที่ดีอย่างแน่นอน