รอยแค้นฝังลึก! (1)

2141 คำ
“….” ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าห้องเรียนฉันก็เดินสวนกับบลายธ์ที่ระเบียง ยัยนั่นทำเป็นมองไม่เห็นฉันแล้วเดินผ่านไปด้วยท่าทีเย็นชา ดูเหมือนว่าความผิดของฉันเมื่อวานมันจะมากเกินไปสำหรับคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างเธอ ร่างกายฉันมันเบาโหวงขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในสายตาของบลายธ์อีกต่อไป มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องแคร์บลายธ์มากขนาดนี้น่ะเหรอ! ? นั่นก็เพราะว่าเราเป็น... หมับ!! ฉันสะดุ้งเฮือก! เมื่อถูกมือของใครบางคนคว้าต้นแขนแล้วกระชากให้หันไปเผชิญหน้าอย่างรวดเร็วและรุนแรง! “เธอใช่ไหม!?” ฉันเบิกตากว้าง หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนจะค่อยๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อฉันสบสายตาเข้ากับนัยน์ตาคมดุของคิเรย์ “อะ... อะไร!?” ฉันละล่ำละลักถามออกไปเสียงสั่น พลางบิดแขนให้หลุดจากมือของหมอนั่น “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง! มานี่เลยนะ!” “โอ๊ย! นี่... ฉันเจ็บนะ!” ฉันถูกคิเรย์ฉุดกระชากลากถูไปตามระเบียงอย่างรุนแรงเสียงดังจนพวกที่อยู่ในห้องชะโงกหน้าออกมามองกันอย่างสนใจ ฉันทั้งเจ็บทั้งอาย และก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมหมอนี่ถึงโผล่มาหาเรื่องฉันแต่เช้าแบบนี้ แค่ที่ทำเมื่อวานยังไม่พอหรือไง! ระหว่างที่ฉันนึกแค้นเคืองอยู่ในใจเขาก็ผลักฉันเข้ามาในห้องๆ หนึ่งเต็มแรงจนร่างฉันชนเข้ากับโต๊ะเรียนเสียงดังโครม! “โอ๊ย!!” ท้องฉันปะทะเข้ากับสันโต๊ะอย่างจังจนจุก เคราะห์ซ้ำเข่าที่ถลอกได้แผลมาเมื่อวานก็ชนเข้ากับขาโต๊ะอีก เจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกเลยล่ะ นักเรียนที่อยู่ในห้องต่างอยู่ในภาวะแตกตื่น ถอยห่างออกจากฉันอย่างอัตโนมัติแต่ยังคงจ้องมองอย่างไม่คลาดสายตา “เฮ้ย! อะไรของมึงวะคิเรย์” ซิลเวอร์เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วมองดูฉันด้วยสายตาไม่ชอบใจ หลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นๆ ในแก๊งของหมอนั่นก็มายืนรุมล้อมข้างๆ ฉันอย่างประหลาดใจกับการกระทำของคิเรย์ “รุนแรงไปหรือเปล่า” เลเอสเอ่ยขึ้น “มีเลือดออกด้วย” ไรเนอร์ย่อตัวลงแล้วยื่นมือมาแตะเข่าฉันแผ่วเบา ฉันที่ไม่ทันรู้ตัวสะดุ้งถอยหลังไปชนกับเก้าอี้อย่างตกใจ ทำให้เกิดเสียงดังครืดตามมาและฉันก็เสียหลักล้มนั่งลงบนเก้าอี้พอดิบพอดี พวกนั้นยกเว้นคิเรย์ต่างมองหน้าฉันด้วยสายตาประหนึ่งว่ากำลังมองดูกระต่ายน้อยมอมแมมที่กำลังจะถูกราชสีห์อย่างคิเรย์กลืนกิน! “นายลากผู้หญิงคนนี้มาทำไม?” ชิโน่เอ่ยขึ้น คิเรย์นัยน์ตาวาวโรจน์ มองฉันด้วยสายตาดุดัน! ก่อนจะก้าวฉับๆ เข้ามาฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงไปที่กระดานอย่างไม่ยั้งแรงทำให้ฉันเสียหลักล้มไถลไปกับพื้น! อัก! ฉันกัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บปวด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน และเงาทะมึนของคิเรย์ที่ทาบทับลงมาบนตัวฉันเหมือนเจ้ากรรมนายเวรที่กัดไม่ปล่อยทำให้ฉันไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยสักนิด พริบตาต่อมาหมอนั่นก็ฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้น “ลุกขึ้นมา!!” คิเรย์บีบต้นแขนฉันแน่นและพยายามจะดึงร่างที่หนักอึ้งของฉันขึ้นยืน “โอ๊ย! มันเจ็บนะ!!” ฉันน้ำตาซึม เหลือบมองหน้าคิเรย์แววตาสั่น ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาตกเป็นที่รองรับอารมณ์ของหมอนี่แบบนี้ด้วย “พอเถอะน่าคิเรย์ ไม่อายเพื่อนในห้องบ้างเหรอ!?” ซิลเวอร์พูดขึ้น “นั่นสิ มึงต้องการจะทำอะไรกันแน่” ชิโน่เหลือบมองอย่างสงสัย “ต้องการอะไรงั้นเหรอ!?” คิเรย์หันขวับไปมองหน้าเพื่อนตัวเองอย่างเดือดดาลก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าฉันด้วยสายตาเกรี้ยวกราด! เค้นคำพูดออกมาเสียงแหบดุ “ลบมันออกซะ! ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับเธอ” ลบ! ? ฉันหันขวับไปมองที่กระดานทันทีก่อนจะใจหายวาบ! รู้สึกตัวทันทีว่าทำไมคิเรย์ถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ ...นึกว่าหมอนั่นเห็นมันตั้งแต่เมื่อวานแล้วซะอีก! ‘คิเรย์ ไอ้ตูดหมึก บ้ากาม เป็นตุ๊ด!! ชอบดมกกน.ผู้ชาย~’ คำด่าที่ฉันเขียนประณามหมอนั่นฉายชัดเต็มสองตาและทะลุเข้ามาถึงกลางหัวใจ รู้ซึ้งเลยล่ะว่านายมันสารเลวแค่ไหน ฉันน่าจะเพิ่มลงไปอีกสักประโยคหรือสองประโยคด้วยซ้ำ!! “ว้าย! ตายแล้ววว” ระหว่างที่บรรยากาศกำลังมาคุอยู่นั่นเองเสียงตกอกตกใจของอาจารย์ท่านหนึ่งก็ดังขึ้น เธอก้าวเข้ามาในห้องด้วยแววตาแตกตื่น สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดานอย่างไม่วางตา ก่อนจะหันขวับมามองหน้านักเรียนเรียงคน สีหน้าของอาจารย์เริ่มซีดเจื่อนลงเรื่อยๆ ท่าทางปอดแหกฉายชัดออกมาจากในแววตา ไม่กล้ายื่นมาเข้ามายุ่งกับเรื่องของนักเรียนที่เป็นยากูซ่า แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับอาจารย์ของที่นี่อยู่แล้วล่ะ!! แล้วยิ่งคิเรย์หันไปทำตาดุใส่อาจารย์ถึงกับสะดุ้งโหยง ทำหน้าเสียขวัญขึ้นมาทันที “เอ่อ... ถ้าอย่างงั้นคาบนี้งดเรียนก็แล้วกันนะคะนักเรียน พอดีครูนึกได้ว่ามีรายงานด่วนต้องรีบไปทำ” พูดเสร็จอาจารย์สาวก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เหอะ! เจริญล่ะโรงเรียนนี้ เกิดความเงียบชั่วขณะหลังจากอาจารย์คนนั้นเดินออกจากห้อง ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมาคิเรย์ก็เริ่มทำทารุณกรรมฉันต่อ! “ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ! รีบทำความสะอาดซะสิ” “....” ฉันยืนกัดริมฝีปากแน่น นิ่งเงียบอยู่แบบนั้นอย่างไม่ทำอะไร ท่อนแขนที่ถูกหมอนั่นเหนี่ยวรั้งเอาไว้ปวดหนึบ ร่างกายปวดระบมและหนักอึ้งไปทั้งตัว “ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง!” หมอนั่นตะคอกใส่หน้าฉันจนน้ำลายกระเด็น! “ถ้านายรับไม่ได้ก็ลบเองสิ!!” ฉันหลับตาแน่นแล้วกลั้นใจพูดออกไปอย่างไม่ยอมลงให้กับผู้ชายป่าเถื่อนพันธุ์นี้ “ว่าไงนะ!?” “ปล่อยฉัน!!” ฉันรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดมือคิเรย์ให้หลุด แต่มือหมอนั่นเหนียวยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกซะอีก!! “คิดจะลองดีกับฉันใช่ไหมห๊ะ!” “โอ๊ยปล่อยนะ ฉันไปเขียนไว้บนหน้าผากเตี่ยนายหรือไงไอ้ตูดหมึก!” “โอ้แม่เจ้า!” เลเอสอุทานออกมาอย่างตกตะลึงราวกับว่าเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังไงยังงั้น “ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ” ชิโน่พึมพำด้วยสีหน้าไว้อาลัยแด่ฉัน “หมอนั่นถุยไม้จิ้มฟันทิ้งล่ะ” ไรเนอร์เบิกตาโพลงหลังจากที่คิเรย์ถ่มไม้จิ้มฟันที่กัดติดปากตลอดเวลาทิ้งต่อหน้าต่อตาฉันแล้วจ้องหน้าฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเมื่อสบสายตาคมกริบสีดำสนิทที่ดูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนของคิเรย์ ความร้ายกาจของหมอนั่นก่อนหน้านี้ดูเป็นคนละเรื่องกับความชั่วร้ายที่ทะลุออกมาจากนัยน์ของเขาในตอนที่ไม่มีไม้จิ้มฟันเลย อย่างกับว่าความร้ายกาจไร้ก้นบึ้งของคิเรย์ที่ถูกยับยั้งเอาไว้ตลอดเวลาได้ปะทุขึ้นมาแล้ว นี่ยังจะร้ายได้มากกว่านี้อีกเหรอเนี่ย นายมันเป็นปีศาจผุดออกมาจากนรกขุมไหนกันแน่ “เฮ้คิเรย์ใจเย็นโว้ย!” ซิลเวอร์ถลาเข้ามาปัดมือคิเรย์ออกจากแขนฉัน แล้วกันฉันไว้ด้านหลังอย่างกับจงอางหวงไข่ น่าแปลกที่ฉันใช้แรงจนหมดตัวก็ไม่สามารถสลัดมือคิเรย์ให้หลุดได้แต่ซิลเวอร์กับทำมันได้ง่ายๆ หรือว่าคิเรย์จะไม่อยากงัดข้อกับเพื่อนตัวเอง ไม่! สีหน้าแบบนั้นไม่มีทางคิดอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ แน่ “หลบไป! กูจะสั่งสอนยัยนี่ให้รู้ซึ้งเองว่าการมายั่วโมโหกูมันจะเป็นยังไง!!” คิเรย์ผลักหน้าอกซิลเวอร์ออกอย่างไม่ไว้หน้า อะไรกัน! เพื่อนกันแท้ๆ ทำไมรุนแรงหนักล่ะ ซิลเวอร์ถึงกับเซถอยหลังไปชนกับโต๊ะอีกตัวดังโครมใหญ่ นัยน์ตาสีเงินของซิลเวอร์ทอประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที! “เลิกบ้าได้แล้ว! คิเรย์” แต่มีเหรอที่ปีศาจนรกเรียกพี่อย่างคิเรย์จะฟัง!! หมอนั่นกระชากข้อมือฉันไปจับอย่างแรงแล้วกระตุกดึงร่างฉันเข้าไปใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่าปะทะลงบนผิวหน้า! “ฉันจะทำให้เธอร้องไห้เสียใจที่ได้เกิดมาเลยล่ะ หึ!” คิเรย์กระตุกยิ้มเลือดเย็น นัยน์ตาคมเข้มสีดำโหดเหี้ยมและไร้แววปรานี วูบหนึ่งความคิดน่ากลัวก็ทอวาบเข้ามาในหัวของฉันว่าหมอนั่นสามารถฆ่าคนได้จริงๆ โดยที่ไม่สะทกสะท้านเลยด้วยซ้ำ! ฉันจ้องตอบแววตาของคิเรย์อย่างไม่ยอมถอย ถึงใจจะสั่นกลัวมากขนาดไหน แต่ต่อให้ถูกลากลงขุมนรกฉันก็จะไม่มีวันยอมสิโรราบให้กับความป่าเถื่อนของหมอนั่นเด็ดขาด!! และฉันขอสาบานว่าจะต้องทำให้เขากระอักเลือดให้ได้! ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับจากนายสักวันฉันจะคืนให้นายทั้งต้นทั้งดอกเลยคอยดู!!! ฉันจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของคิเรย์ด้วยความอาฆาตแค้น “นั่นมันผู้หญิงของเก็นริวนะโว้ยคิเรย์ กูเบื่อจะมีปัญหากับแก๊ง Zonix แล้วนะเฮ้ย!” ไรเนอร์เอ่ยเตือน ผู้หญิงของเก็นริว! ? แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหายข้องใจกับประโยคนั้นเสียงแข็งกระด้างของคิเรย์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน “นั่นแหละที่กูต้องการ! การทำลายยัยนี่ก็เท่ากับเป็นการสั่งสอนไอ้คนที่มันกล้ามาอวดดีใส่กู!” “ปล่อยไปเถอะไรเนอร์ ยิ่งเกี่ยวกับเก็นริวด้วยแล้วคิเรย์มันกัดไม่ปล่อยหรอก” เลเอสพูด “แต่ว่ากูไม่เห็นด้วยกับการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” ชิโน่เหลือบมองคิเรย์แววตาดุ “พวกปอดแหกน่ะเงียบไปซะ! กูจะทำให้ไอ้เก็นริวเสียใจที่ปล่อยให้ผู้หญิงของมันมาทำผยองใส่กู” พูดเสร็จคิเรย์ก็ฉุดกระชากฉันออกจากห้องโดยไม่ฟังเสียงแย้งของใครทั้งสิ้น ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเก็นริวกับคิเรย์ไม่ถูกกันมาจากไหน แต่ว่าสิ่งที่ฉันรู้คือพวกเขาเลวทั้งคู่ที่คิดใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการทำสงครามอารมณ์ระหว่างกันแบบนี้! ฉันไม่ใช่สิ่งของนะ! มีใครเคยนึกถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม ปึก! “โอ๊ย!” ฉันถูกคิเรย์โยนเข้ามาในห้องชมรมแห่งหนึ่งเต็มแรง หมอนั่นก้าวตามเข้ามาพร้อมกับดึงประตูปิดจ้องมองฉันอย่างไม่ละสายตา ฉันมองสบสายตาหน้าคิเรย์ด้วยแววตาชิงชังปนเคียดแค้นและน้ำตาคลอ “นายมันปีศาจ! เลวและก็น่าโมโหด้วย!!” ฉันกัดฟันกรอดๆ จ้องมองคิเรย์ด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากมองกิ้งกือไส้เดือนเลยสักนิด! “งั้นเหรอ!? ถ้ารู้ว่าฉันเป็นแบบนั้นแล้วทำไมยังกล้าลองดีกับฉันอีกล่ะห๊ะ” พลั่ก! คิเรย์ผลักฉันลงบนเก้าอี้แล้วเอามือข้างหนึ่งกดเข่าที่เจ็บของฉันเต็มแรง “โอ๊ย!” ฉันนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวหมอนั่นก็ใช้มืออีกข้างล็อกต้นคอฉันเอาไว้แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากเฉียดปลายหูของฉันแล้วกระซิบด้วยเสียงแหบต่ำ! “ขอชิมหน่อยสิว่าผู้หญิงของเก็นริวจะหอมหวานขนาดไหน” พูดจบหมอนั่นก็ประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของฉันทันที ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะดิ้นขัดขืนแต่ไม่ว่าฉันจะเบือนหน้าหนีไปทางไหนคิเรย์ก็ตามประกบไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากของฉันหลุดจากการครอบครองเลยสักนิด! “อื้อ! ~” ฉันพยายามตะเกียกตะกายหนีจากริมฝีปากร้อนผ่าวของคิเรย์อย่างทรมานด้วยหายใจไม่ออก ทุกสัมผัสที่บดเบียดเข้ามาในริมฝีปากของฉันมันซึมลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งในจิตใจ ความเจ็บปวดหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจจนวิญญาณแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คิเรย์สร้างรอยบาดแผลเอาไว้ให้ฉันมากเหลือเกิน ทั้งร่างกายและจิตใจของฉันบอบช้ำจนแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหว น้ำตาฉันไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างสลดใจ ทั้งบีบทั้งจิกไหล่คิเรย์แน่นอย่างเจ็บแค้น กระทั่งฉันไม่เหลือเรี่ยวแรงจะทำอะไร มือทั้งสองข้างร่วงหล่นลงข้างลำตัวอย่างอ่อนแรงก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม