เสียงหอบหายใจถี่ระรัวดังไปทั่วห้อง เกิดจากร่างของคนผู้หนึ่งที่สะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดวงตาคู่สวยกวาดมองรอบกาย สอดสายตามองดูสิ่งที่แปลกไปจากความทรงจำเดิมที่ไม่ประติดประต่อ
"ที่นี่มัน.."
น้ำเสียงทุ้มนุ่มแหบพร่า เจ้าของเสียงรีบลูบไปตามเนื้อตัวของตัวเองก่อนจะพบว่ากายเนื้อที่สัมผัสได้ไม่ใช่ร่างที่ตัวเองคุ้นเคย
ดวงตาสีปีกกามืดสนิทสำรวจไปทั่วเรือนร่าง จนกระทั่งมั่นใจว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ร่างกายของเขาเป็นแน่
ทั้งท่อนแขนที่มีกล้ามเนื้อไขมันมากกว่าปกติ อีกทั้งยังมีหน้าท้องกลมใหญ่อย่างกับว่าตั้งครรภ์ หากแต่เขาไม่ได้ท้อง ร่างกายนี้ของเขาแค่อ้วนเท่านั้น
พอลองลุกขึ้นยืนเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าส่วนสูงของตัวเองลดหลั่นลงไปมาก ร่างใหญ่เดินไปทั่วห้องแปลกๆที่ไม่คุ้นเคย ทอดมองเหล่าข้าวของหน้าตาโบราณคร่ำครึกที่มักจะเห็นได้บ่อยๆในพวกละครไทยพีเรียด
เขาได้แต่คิดกับตัวเองว่าที่เขามาอยู่ที่นี่ได้มันอาจจะเป็นความฝัน เพราะความทรงจำล่าสุดของเขาคือตัวเองกำลังเดินแบบอยู่บนเวทีก่อนจะมีเสียงผู้คนเตือนว่าสปอร์ตไลท์กำลังตกลงมา ตอนนั้นสติเขาจึงได้วูบไป
ตอนนี้ร่างจริงๆของเขาอาจจะอยู่ที่โรงพยาบาลแต่หากนี่คือความฝัน มันคงจะเป็นฝันที่สมจริงมาก ทั้งรายละเอียดทั้งสัมผัส มันเหมือนจริงจนเขามึนเบลอไปหมด
"นั่นกระจกหรอ"
ร่างภายในห้องกว้างว่าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนพึมพำกับอากาศ ก่อนที่ท่อนแขนซึ่งเต็มไปด้วยไขมันจะเอื้อมไปหยิบกระจกที่มีกรอบเป็นทองล้อมรอบคำมาส่องดู
'แพร๊ง!'
เจ้าของดวงตาสีปีกกาปล่อยกระจกลงทันทีหลังส่องเห็นร่างสะท้อนออกมา ในนั้นคือภาพใบหน้าอ้วนท้วมของชายหัวล้านที่เขาไม่เคยพบเคยเห็น ถ้าหากว่าคนในกระจกนั้นคือเขาจริงๆดวงใจดวงนี้ของเขาคงต้องสลายเป็นเสี่ยงๆ
มันจะต้องเป็นฝันร้ายไม่ผิดแน่
การที่สภาพร่างกายของเขาเป็นแบบนี้มันจะต้องเป็นฝันร้ายไม่ผิดแน่ ตลอดมาเขาออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างหนักจนหุ่นดีตามแบบพิมพ์นิยม การที่สภาพตัวเองกลายเป็นแบบนี้คงไม่พ้นภาพฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอน
'ก๊อก ก๊อก'
เสียงเคาะบานประตูไม้ทำให้ร่างที่สติกระจัดกระจายเริ่มประค้ำประคองตัวเองกลับคืนมา เขาตัดสินใจเดินไปเปิดประตูเพื่อดูหน้าผู้มาใหม่ ก่อนจะได้พบว่าคนตรงหน้าแต่งตัวด้วยชุดไทยโบราณ ทั้งยังพูดคำพูดแปลกๆอีก
"เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ข้าได้ยินเสียงเหมือนอะไรแตก"
หญิงสาวผมสั้นทรงไทยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย คนที่ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไงจึงได้แต่ส่ายหัว
"หรือจ๊ะ เช่นนั้นพ่อช้างจักรับอาหารเลยดีมั้ยจ๊ะ ข้าจักได้เตรียมไว้"
เธอยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงหวานอ่อน ส่วนตัวคนถูกถามแม้จะไม่เข้าใจถึงชื่อเรียกของตัวเองอยู่บ้างแต่เขาก็สามารถตอบรับได้อย่างไม่ติดขัด
"ไม่หิว ไม่กิน"
พอว่าจบร่างใหญ่ก็ปิดประตูลงทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายทักท้วง
เขาคิดว่าฝันนี้มันจะสมจริงเกินไปสักหน่อยแล้ว ช่วงนี้เขาจำได้ว่าตัวเองก็ไม่เคยไปดูละครไทยย้อนยุคที่ไหนแต่ทำไมถึงฝันแบบนี้ก็ไม่รู้
ร่างใหญ่กลับมาล้มตัวลงตั่งนอนที่เดิม เขาคิดว่าหากตัวเองหลับตาลงอีกครั้งพอตื่นมาอาจจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วก็ได้
"ไอ่ช้าง! ไอ่ช้าง! แม่พิมมาหา! ช้าง!"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกเจ้าของห้องดังไม่ขาดสาย ผู้ที่นอนเอกขเนกอยู่บนตั่งจึงได้หยัดตัวขึ้นมามองไปตามเสียงเรียก
ดวงตาคู่สวยสอดส่องมองดูรอบกาย ก่อนจะพบว่าในยามนี้ตัวเองก็ยังคงอยู่ที่เดิม ดวงตาสีปีกกามองไปทางบานหน้าต่าง ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลารุ่งเช้าได้แล้ว
"เมื่อไหร่กูจะตื่นสักทีวะ โอ้ยๆเจ็บๆ"
ร่างใหญ่ว่าพลางลองหยิกแขนที่เต็มไปด้วยไขมันของตัวเอง เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่สมจริงเกินกว่าจะเป็นฝัน จนตอนนี้เขาจึงเริ่มคิดแล้วว่าสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่ความฝันอย่างที่คิด
"ไหนขออีกที"
การทำร้ายตัวเองครั้งที่สองก็ยังคงให้ผลแบบเดิมคือเขารู้สึกเจ็บอย่างกับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตื่นอยู่ แล้วถ้าหากว่าตอนนี้เขาไม่ได้ฝันจริงๆ แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาล่ะ
คนในห้องไม่ได้สนใจเสียงเคาะประตูและเสียงโวยวายหน้าห้องแม้แต่น้อย เขานั่งขบคิดกับตัวเองพักใหญ่ว่าตอนนี้ตัวเองอาจจะตายไปแล้วแต่ดวงวิญญาณมาสิงอยู่ที่ร่างใครสักคน
เขาเองก็เคยเห็นพวกหนังหรือนิยายแนวการตายแล้วเกิดใหม่อะไรทำนองนี้อยู่บ้าง และตัวเขาเองก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงตาย เหตุผลคงจะไม่พ้นสปอร์ตไลท์ที่ตกใส่คารันเวย์นั่นแหละ
"ไอ่ช้าง! เอ็งไหลตายไปแล้วหรือวะ! หากเอ็งไม่รีบมา ระวังแม่พิมจะหนีกลับบ้านก่อนนะโว้ย!"
เจ้าของดวงตาสีปีกกาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คนที่เคาะเรียกอยู่นานสองนาน
แต่จะว่าไปแล้วไอ่นี่มันเรียกเขาว่าช้าง แล้วก็มีอีกคนที่ชื่อพิม
ชื่อของบุคคลเหล่านี้ติดอยู่ในหัวได้ไม่นาน เขาก็เหมือนจะประติดประต่อเรื่องราวอะไรได้
"พิมที่ว่า พิมพิลาไลย?"
เขาเลี่ยงการพูดมากพูดหลายคำหลายประโยคเพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอพูดภาษายุคปัจจุบันออกไป ชายหนุ่มตรงหน้าเขาได้แต่มุ่นคิ้ว แล้วตอบกลับมา
"เออสิวะ หรือเอ็งนอนเยอะจนเลอะเลือนจำแม่หญิงในดวงใจมิได้?"
ชายร่างใหญ่อ้าปากค้างเติ่ง หากคนตรงหน้ายืนยันเช่นนี้ ร่างที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้คงจะไม่พ้นชายผู้มีนามว่า 'ช้าง' จากเรื่องขุนช้างขุนแผนเป็นแน่
ก็ว่าก่อนหน้านี้เรียกอยุ่ได้ว่าช้างๆ ที่แท้ก็คือเรียกขุนช้างเจ้าของร่างนี้นี่เอง
เดิมทีชื่อของเขาชื่อ'เหมันต์'เป็นนายแบบชื่อดังที่เดินทางไปทั่วโลก ทว่าจากนายแบบค่าตัวเป็นล้านกลายเป็นว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นชายหัวล้านร่างกายอ้วนท้วมซะงั้น
แล้วถ้าหากว่าเขาต้องได้อยู่กับร่างนี้ไปตลอดจริงๆ เขาไม่มีทางปล่อยตัวให้ตัวเองกลายเป็นชายอ้วนลงพุงแบบนี้นานหรอก
ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจก็เถอะว่าใช่รึเปล่าแต่จากปัจจัยหลายๆอย่างรอบตัว ทั้งเรื่องรูปร่างและชื่อของตัวเอง อีกทั้งยังมีชื่อนางในดวงใจคนนั้นอีก
"แล้วพลายแก้ว ใช่เพื่อนเล่นสมัยเด็กของข้ากับพิมพิลาไลยหรือไม่"
"พลายแก้วหรือ ข้าก็เกือบลืมชื่อนี้ไปสนิท เจ้านั่นหนีไปเมืองกาญตั้งแต่ 6-7ปีก่อนนู้นแล้วหนิ ว่าแต่เอ็งจักถามทำไม"
ไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้อีกแล้ว นี่เขาคงจะกลายเป็นตัวละครจากเรื่องขุนช้างขุนแผนไปแล้วแน่ๆ เพราะเดิมทีวันทองมีชื่อว่าพิมพิลาไลย และชื่อเดิมขุนแผนก็คือพลายแก้ว
ทว่าเขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตอนนี้ที่ตัวเองกลายเป็นขุนช้าง จะเป็นขุนช้างแบบตัวละครในหนัง หรือเป็นขุนช้างที่มีชีวิตอยู่จริงๆ
"เช่นนั้นตอนนี้ข้าอายุเท่าไหร่"
ถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่าตอนนี้ตัวเองอายุเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังพอเดาได้อยู่ว่าตอนนี้ตัวเองคงอยู่ในช่วงวัยรุ่นต้นๆ
เรื่องอายุของตัวละครค่อนข้างสำคัญกับไทม์ไลน์เรื่องเป็นอย่างมาก ถึงจะจำเรื่องราวขุนช้างขุนแผนได้แค่ลางๆ แต่ก็ยังดีกว่าจำอะไรไม่ได้เลย
"ข้าว่าเอ็งนอนเยอะจนเลอะเลือนไปแล้วว่ะ"
"ข้าถามก็ตอบ"
"วุ้! เอ็งอายุ13ย่าง14แล้ว แต่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตเช่นนี้จักคิดว่าอายุ5ขวบก็ไม่มีผู้ใดว่าเอ็งดอก"
พอว่าจบชายหนุ่มก็ถูกผู้ที่ได้ชื่อว่าขุนช้างตบหัวแทบทิ่มดินทันที จากเนื้อเรื่องที่เขาพอจำได้คนตรงหน้าคงจะเป็นคนใช้คนสนิทของขุนช้างที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เลยจะสนิทกันมากจนไม่เหมือนนายกับบ่าวสักเท่าไหร่
ส่วนเรื่องชื่อแน่นอนว่าเขาจำไม่ได้ แต่ถ้ามีคนเรียกขึ้นมาก็คงจะรู้เองนั่นแหละ
ตอนนี้ขุนช้างถูกพาตัวไปที่กลางบ้านเนื่องจากพิมพิลาไลยนางเอกคนสวยขวัญใจของขุนช้างแวะเอาของกินมาให้ มื้อเช้ามื้อนี้เขาเลยต้องไปร่วมทานกับคนอื่นๆด้วย
จากตอนแรกที่รู้สึกห่อเหี่ยวจากผลกระทบหลายๆอย่าง พอได้มาประสบพบเจอคนงามอย่างพิมพิลาไลยกลายเป็นว่าอารมณ์ที่เคยขุ่นมัวกลับดีขึ้นทันตา
วันทองคนนี้งามมากอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะไม่โตเต็มวัยแต่ก็มีเค้าโครงว่ายังไงซะโตมาก็จะต้องเป็นสาวงามแน่ๆอยู่
"มาแล้วรึพ่อช้าง มาๆมานั่นข้างแม่พิมเร็ว"
หญิงสาววัยกลางคนว่าพลางกวักมือเรียก จากการแต่งกายและตำแหน่งที่นั่งที่สูงกว่าคนอื่น คนผู้นี้คงจะเป็นแม่ของขุนช้างเป็นแน่
"ช้างขอนั่งข้างแม่ดีกว่าจ่ะ"
แน่นอนว่าเดิมทีเขาไม่ค่อยจะยุ่งเกี่ยวกับพวกผู้หญิงอยู่แล้ว แม้ว่าพิมพิลาไลยคนนั้นจะสวยมากจริงๆ แต่ในชีวิตก่อนเขาเคยเจอผู้หญิงที่สวยกว่านี้มาแล้วนักต่อนัก
"กระไรของพ่อกัน แม่พิมอุส่าห์มาหา"
"ช้างกลัวแม่พิมกินข้าวไม่อิ่มจ่ะแม่"
การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่เรื่องง่าย ดีหน่อยที่ก่อนมาเป็นนายแบบเต็มตัวเขาเคยเข้าร่วมการถ่ายละครมาบ้าง อีกทั้งยังได้ลองดูหนังพีเรียดอีกหลายเรื่อง พวกภาษาโบราณคงจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่
แต่กับความเปลี่ยนแปลงกระทันหันของขุนช้าง มันทำให้คนรอบข้างฉงนใจไม่น้อยเพราะนอกจากเจ้าตัวจะไม่สนใจแม่พิมคนงามแล้ว อาหารที่ปกติเจ้าตัวจะกินเป็นห่าพายุเจ้าตัวก็ดันกินน้อยกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
ขุนช้างคนนี้ไม่ได้มีปัญหากับการกินอาหารด้วยมือหรือรสชาติอาหารแม้แต่น้อย แต่เขาติดนิสัยการเลือกกินแต่อาหารสุขภาพมาจากชาติก่อน อีกอย่างหากเขาคิดจะลดน้ำหนักให้ขุนช้างที่อ้วนเป็นหมูขนาดนี้จริงๆ เรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกายคงต้องเคร่งครัดขึ้น
"ตายแล้วพ่อช้าง เอ็งได้ไข้หรือ เหตุใดจึงกินน้อยเช่นนี้"
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ร่างของชายอ้วนเป็นตาเดียว แม้แต่คุณหญิง'เทพทอง'แม่ของขุนช้างที่มองอยู่นานสองนาน ก็อดไม่ได้ที่จะถามลูก
"ช้างว่าช้างจะลดน้ำหนักจ่ะแม่"
สิ้นเสียงของขุนช้างผู้คนโดยรอบไม่เบิกตากว้างก็อ้าปากค้างเติ่งตามๆกันไป เนื่องจากคำว่าลดน้ำหนักไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของชายที่ชื่อขุนช้าง คำตอบนี้จึงสร้างความประหลาดใจให้คนหลายๆคนไม่น้อย
"นี่พ่อคิดว่าหากลดน้ำหนักได้ ข้าจะหันมาชอบหรือพ่อช้าง"
พิมพิลาไลยที่เงียบอยู่นานสองนานเมื่อได้โอกาสพูดเลยถามอีกคนอย่างไม่แน่ใจนัก ส่วนผู้ที่ถูกถามก็ได้แต่ส่ายหัว
"เปล่าจ่ะ ข้าแค่คิดว่าร่างใหญ่เช่นนี้ข้าทำกระไรไม่ค่อยสะดวก เลยอยากจะทำให้ร่างตัวเองเล็กลงมาสักหน่อย"
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะกอบกู้หุ่นอันงดงามแบบชาติก่อนกลับมา
"คุณพระช่วย นี่พ่อช้างเอาจริงหรือลูก"
"จริงจ่ะแม่ แม่ไม่เชื่อช้างหรือจ๊ะ?"
"เชื่อจ่ะๆ แม่เชื่อลูกแม่อยู่แล้ว"
คุณนายเทพทองแทบจะหลั่งน้ำตา ในที่สุดลูกชายของหล่อนก็รู้จักรักตัวเองสักที
ทางพิมพิลาไลยเองก็ถึงกับเอามือป้องปาก แม้คนตรงหน้าจะแปลกตาไปบ้างแต่หากการเปลี่ยนแปลงพาไปสู่หนทางที่ดีกว่าเธอก็พร้อมจะสนับสนุนสหาย
"ดีเลยจ่ะพ่อช้าง เช่นนั้นข้าจะช่วงพ่ออีกแรง"
"ขอบใจมากจ่ะแม่พิม"
ชายอ้วนว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ปัญหาการลดน้ำหนักน่ะไม่เท่าไหร่เพราะยังไงซะเขาก็ลดได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคิดไม่ตกจริงๆ คงจะไม่พ้นเรื่องหัวล้านที่สะท้อนแสงวิ้งๆของเขานี่แหละ
"เช่นนั้นแม่จ๊ะ พอจะมีวิธีอะไรที่ทำให้ผมของช้างงอกขึ้นมาบ้างไหมจ๊ะ"
คำถามนี้ทำให้ใครหลายๆคนหนักใจขึ้นมาทันที เพราะเรื่องหัวล้านๆของขุนช้างดูแล้วคงจะไม่มีวิธีแก้ ก่อนหน้านี้เองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยหาวิธี ทว่าไม่ว่าจะวิธีไหนมันก็ไม่เคยจะได้ผลเลย
"จริงสิพ่อช้าง ข้าว่าพวกคนแขกน่าจะช่วยพ่อได้หนา อย่างพวกคนอินเดียแต่ละคนก็ผมดกคิ้วดกกันทั้งนั้น ข้าว่าข้าคงจะติดต่อให้พวกเขาช่วยพ่อได้อยู่"
พิมพิลาไลยว่าด้วยรอยยิ้มงดงามประดับหน้า คนที่ห่อเหี่ยวลงไปหลายส่วนอย่างขุนช้างจึงได้แย้มยิ้มขึ้นมาบ้าง
"จริงหรือแม่พิม งั้นข้าฝากแม่พิมด้วยหนา"
"แต่ข้ามีข้อแม้" สาวเจ้าว่าพลางเว้นระยะก่อนจะว่าต่อ "ถ้าหากข้าหาของที่ช่วยทำให้หัวพ่อช้างหายล้านได้ พ่อต้องซื้อเครื่องประทินโฉมให้ข้าด้วย"ถ
ชายอ้วนถอนหายใจออกยกใหญ่ ตอนแรกก็นึกว่าจะขออะไรที่ยากกว่านี้ซะอีก แต่ถ้าหากเป็นเรื่องเงินๆทองๆ ยังไงซะบ้านขุนช้างก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
"เช่นนั้นฝากซื้อเผื่อของข้าด้วยได้หรือไม่"
ของที่สาวงามอย่างวันทองใช้ยังไงก็ต้องเป็นของดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวันทองใช้อะไรไอ่ช้างคนนี้ก็จะใช้ด้วย
"แต่มันเป็นของสำอางสตรีพ่อจักใช้จริงหรือ?"
"เหตุใดข้าจึงใช้ไม่ได้ ข้าเพียงแค่ต้องการเปลี่ยนแปลงตนเอง อยากดูแลตนเองก็เท่านั้น"
ในโลกเดิมของเขาการที่ผู้ชายใช้เครื่องสำอางของบำรุงผิวหรือแต่งหน้านับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะของที่เอามาใช้ดูแลร่างกายมันไม่มีการแบ่งเพศว่าใครจะใช้ได้ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว
"พ่อช้างมันอยากดูแลตัวเองแม่ก็สนับสนุน เช่นนั้นก็อย่าไปค้านมันเลยหนาแม่พิม"
"ถ้าน้าว่าเช่นนั้นก็ได้จ่ะ"
คุณนายเทพทองช่วยพูดให้ลูกชายอีกคนนึง ยังไงซะสำหรับเธอไม่ว่าลูกชายคิดจะทำอะไรเธอก็สนับสนุนอยู่แล้ว
และความจริงข้อนี้ขุนช้างก็รู้ดีเช่นกัน เพราะแม้แต่ต้นฉบับที่ขุนช้างตัวจริงทำเรื่องชั่วๆไว้มาก แม่อย่างเทพทองก็ยังคงจะรักและปกป้องลูกคนนี้ด้วยชีวิตไม่ว่ายังไงก็ตาม
ส่วนเรื่องนิสัยของเจ้าตัวที่ดูจะสงบเสงี่ยมลงหลายส่วนเหล่าคนใช้แน่นอนว่าไม่กล้าสู่รู้เรื่องเจ้านาย วันทองเองก็ระแคะระคายแต่ไม่ได้ถามออกมา คุณนายเทพทองเอง แค่เห็นลูกเปลี่ยนไปในทางที่ดีก็ดีใจแล้ว
หลายๆอย่างเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ตั้งแต่การตายของเขา ไปจนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงในร่างนี้ ความอาลัยอาวรณ์ในร่างเก่ายังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
แต่เมื่อหันมามองความเป็นจริงตรงหน้า เขาก็คิดได้ว่ายังไงซะตัวเองก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม
ขอเปิดจักรวาลวรรณคดี เรื่องที่3 ณ บัดนี้?
เรื่องเอกในดวงใจขุนแผน เผยแพร่อย่างเป็นทางการแล้วจ้า?✨️
จะว่ารีไรท์จาก เรื่องเกิดใหม่เป็นขุนช้างฉบับจีนโบราณมั้ย คิดว่าไม่นะ เพราะทั้งสองเรื่องพล็อตต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย
เรื่องเกิดใหม่เป็นขุนช้างฉบับจีนโบราณ เป็นเรื่องแรกที่เริ่มเขียนนิยาย ทั้งคำ ภาษา รวมถึงพล็อตเรื่องทำไว้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอเขียนไปเรื่อยๆ ทางคนเขียนเองก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
ซีรีย์วรรณคดีไทยตอนนี้งอกมา3เรื่อง (ที่นับในซีรีย์จริงๆ)
1.พระรามหลงยักษ์ จากรามเกียรติ์
2.ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก จากพระอภัยมณี
3.เอกในดวงใจขุนแผน จากขุนช้างขุนแผน
สามารถลองตามไปอ่านได้ทั้งหมดเลย แต่เรื่องพระรามหลงยักษ์เป็นเรื่องที่2ที่เริ่มเขียน ช่วงแรกภาษาอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ว่ากันตามตรงเลย
แต่กับเรื่องผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก ทางนี้มั่นใจว่ามันถูกพัฒนาจากเดิมมามากๆแล้ว
ยังไงก็ขอฝากนามปากกา 72hzs ไว้ในอ้อมใจ
จะตั้งใจผลิตผลงานต่อๆไปให้มากขึ้นอีก ขอบคุณหลายๆคนด้วยที่คอยสนับสนุนกันนะคะ♡
#เอกในดวงใจขุนแผน