เสียงฟ้าร้องดังเปรี้ยงปร้างทำเอานอนไม่หลับเลย ผมเปิดไฟทั่วห้องพลางนั่งอ่านหนังสือเรื่องเดิม จนผมเผลอหลับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เสียงฟ้าร้องดังอีกรอบทำเอาสะดุ้งตื่น ผมนวดเปลือกตาแล้วลงไปหาอะไรอุ่น ๆ ที่ห้องครัวดื่ม
“ไฟข้างล่างไม่ได้ปิดเหรอ” ผมยักไหล่ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเดินเข้าไปในครัวหาอะไรดื่ม
ขนาดว่าไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่ก็เหนื่อยแล้ว ผมนั่งเล่นมือถือพลางจิบเครื่องดื่มร้อนก่อนจะหาวออกมา ผมใช้หลังมือปากน้ำตาแล้วมองนาฬิกา
“เที่ยงคืน แจ๋ว” เริ่มง่วงแล้วแฮะ ผมล้างแก้ว เก็บไว้ตรงที่พักถ้วยชาม เดินเซเพราะอาการง่วงขึ้นไปบนห้อง แต่ก่อนเข้าห้องขอเช็คหน่อยแล้วกันว่าลูแอลเป็นไงบ้าง
ผมเปิดประตูห้องลูแอลเข้าไป เขายังหลับอยู่ เพื่อความแน่ใจผมเดินไปดูใกล้ ๆ ว่าเขายังหายใจอยู่ พอมั่นใจว่าเขายังหายใจดีค่อยโล่งใจ เดินกลับไปห้องตัวเองแล้วหลับอย่างสบายใจ แต่ระหว่างที่กำลังจะปิดประตูก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมปิดไฟในห้องเพราะแสงอาจจะรอดออกไป ค่อย ๆ แง้มดูว่าใครที่ออกจากห้อง เป็นทีเรียน่าที่กำลังเดินออกมาจากห้องของเธอกับเอร่อน กำลังเดินไปที่ห้องของลูแอล หลังเธอเข้าไปผมก็ค่อย ๆ ย่องไปที่หน้าห้องของลูแอล โชคดีที่ประตูไม่ได้ปิดสนิททำให้ได้ยินทีเรียน่ากำลังพึมพำอะไรบางอย่าง และมันทำเอาผมกระอักกระอ่วนได้เลยล่ะ...
เช้าวันที่สองยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่ที่แย่กว่า คือข่าวเช้ารายงานว่าตอนนี้ระดับน้ำในแม่น้ำพุ่งสูงขึ้นเพราะฝนที่ตกไม่ขาดสาย บิลลองโทรหาหน่วยกู้ภัยอีกรอบ ยังเหมือนเดิม พายุฝนที่ตกเมื่อคืนทำเอาพวกหน่วยกู้ภัยไม่เป็นอันทำงาน ดินที่ถล่มไปแล้วถล่มซ้ำที่เดิม หวังแค่ว่าไม่กี่วันนี้จะเคลียร์เส้นทางได้แล้ว ถ้าพายุไม่พัดเข้าซ้ำอีกอ่ะนะ
“เหม่อแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า” ฟาคัลโบกมือไปมาหน้าผม
ผมกระพริบตา “แค่นึกถึงข่าวเมื่อเช้าน่ะครับ”
“ทำไงได้ แต่ไม่มีใครคาดถึงนี่ว่าพายุจะเข้าช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ทุกทีจะเป็นพายุลมร้อนมากกว่า”
แอนที่ยกจานของตัวเองเดินมานั่งข้างบิล “มรสุมน่ะแหละ”
บิลจิ้มไส้กรอกเข้าปาก “มันน่าจะหมดไปแล้วนะครับ...อ้อ จริงสิ! เมื่อเช้ามืดเจ้าของคฤหาสน์ติดต่อมาน่ะครับ”
“เขาว่าไงบ้าง”
“บอกว่าอาจเลื่อนเวลากลับไปนานกว่าเดิม ในเมืองตามแม่น้ำระดับน้ำสูงเกินจะให้คนเดินแล้ว”
“แต่ยังไม่ล้นจนถึงพื้นถนนมั่ง” ฟาคัลขมวดคิ้ว
“ตอนแรกเขาเองก็คิดว่าไม่น่าจะสูงขนาดนั้น แต่จู่ ๆ สัญญาณเตือนระดับน้ำดันดังขึ้นน่ะ ประชาชนถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปไหนมาไหนด้วยการเดินเท้าแล้ว”
แอนทิ้งส้อมลงบนจานจนดังแก๊ง “เยี่ยม...ทำไมต้องมาเกิดเอาช่วงนี้ด้วยวะ”
ผมก็ว่างั้นแหละ แทนที่จะได้เที่ยวปิดเทมอสนุกซะหน่อย ยังเกิดเรื่องวุ่นวายด้วย
“สองคนนั้นล่ะ” ฟาคัลหันมาถามผม
“ไม่รู้เหมือนกันผมไม่ค่อยได้เห็นพวกเขาหลังจากเกิดเรื่อง”
“ชั่งสองคนที่เล่นเป็นผัวเมียนั่นไปเหอะ ป่านนี้แล้วไม่รู้ว่าจะคิดได้มั่งหรือยัง”
ผมรู้สึกแย่แทนทั้งที่เอร่อนเป็นคนก่อเรื่องแท้ ๆ
หลังทานอาหารเช้าเสร็จผมก็นั่งเล่นที่ห้องโถงใหญ่ข้างล่าง เล่นมือถือไปพลาง ๆ จนได้ยินเสียงเปิดประตูจากห้องของเอร่อน ผมมองเขาแวบหนึ่ง เขาดูซูบไปหน่อยแต่ไม่ได้ดูแย่อะไร ไม่ได้ดูน่าเป็นห่วงอะไร ผมดูมือถือต่อ เอร่อนก็มาสะกิดไหล่ผม
“มาเป็นเพื่อนหน่อย”
“ไปไหน”
“ห้องใต้ดิน” พอเห็นผมมองเขานิ่งก็ยกมือยอมแพ้ “นายเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องไสยศาสตร์ดีกว่าใคร ฉันเจอของบางอย่าง” เขามองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินก่อนก้มมากระซิบข้างหู “ฉันรู้ฟังดูบ้าแต่ช่วยมาดูเป็นเพื่อนหน่อย”
ขอร้องขนาดนี้จะให้ปฏิเสธยังไงดีเนี่ย...หวังว่าจะไม่ก่อเรื่องอีกแล้วกัน ผมพยักหน้า เดินตามเขาไป
ถึงคฤหาสน์จะหรูแค่ไหนแต่ห้องใต้ดินก็คือห้องใต้ดิน เหมือนกับที่อื่น ๆ ที่ไว้เก็บของที่ไม่ได้ใช้แต่เนื้อไม้ที่ใช้สร้างห้องนี้เนื้อแน่นและแข็งแรงมาก ผมเดินดูสิ่งของที่เจ้าของเก็บไว้ในห้องใต้ดินแห่งนี้ จนเอร่อนพาผมไปดูของ ๆ ที่เขาพูดถึง
“กล่องดนตรีเหรอ” มันเป็นกล่องดนตรีขนาดเล็กที่แกะสลักลวดลายสวยมาก แต่ดูหม่นหมองจัง คงไม่ได้ทำความสะอาดมานาน “สวยขนาดนี้ทำไมถึงทิ้งไว้ที่ห้องใต้ดินรกแบบนี้นะ”
“เรื่องนั้นไม่รู้หรอกแต่พอทีเรียน่าฟังเพลงในกล่องนี้ก็ดูเปลี่ยนไปน่ะ”
“ยังไง”
“จำวันที่ลูแอลตกลงมาข้างล่างได้ไหม”
ผมเงียบ
“ทีเรียน่าสั่งให้ฉันผลักเขาลงไป”
ผมหลุบตา “ฉันได้ยินทีเรียน่าพูดเหมือนกัน”
“อะไรนะ”
“เมื่อวานเห็นทีเรียน่าอยู่ในห้องเธอพูดกับลูแอลที่หมดสติอยู่” ผมเล่าสิ่งที่ได้ยินมา เอร่อนถึงกับหน้าซีด
“ไม่น่าเชื่อเพียงแค่เพราะไม่ยอมนอนด้วย ฉันมันโง่จริง ๆ”
“เอาเป็นว่านายคอยดูหล่อนไปละกันว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก”
“ได้” เอร่อนวางกล่องดนตรีก่อนจะเดินขึ้นไป
ผมปล่อยเขาให้อยู่คนเดียว หันกลับไปมองกล่องดนตรีอยากฟังเพลงข้างในนะ แต่...ผมหันหลังกลับขึ้นด้านบน ไว้ค่อยว่ากันแล้วกัน
เอร่อนชายที่ภายนอกดูดีแต่ลึก ๆ แล้วก็แค่ไองั่งที่คอยดมกลิ่นหว่างขาของผู้หญิงไปวัน ๆ เขาไม่มีอะไรดีเหมือนกับตัวน้องชายที่ดูจะมีอนาคตเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่เขาก็มีมารยาพอที่จะทำให้พ่อแม่ผู้หยิ่งยโส ที่ลุ่มหลงไปกับคำหลอกลวงเกี่ยวกับครอบครัวตัวเอง ทำให้พ่อแม่ไม่ชอบใจที่ไมเคิลทำอะไรเกินหน้าเกินตาพี่ชายอย่างเขา ไงซะก็ต้องยอมรับว่าไมเคิลแทบจะเป็นคนหาเลี้ยงปากท้องคนในบ้าน
เขาเดินขึ้นไปบนห้องพอเปิดประตูเข้าไป ทีเรียน่ายังหลับอยู่ คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเธอหลับลึกมากหรือเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน ฝนตกหนักตลอดคืน หล่อนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งกุมหัวทั้งอย่างนั้น จนเขาต้องปลอบให้เธอหลับ
เขากำลังจะปิดประตูแต่มีมือใครบางคนจับขอบประตูไว้ เขาหันไปถึงกับผงะ ใบหน้าที่เนื้อหนังเหยี่ยวย่น ดวงตากลวงโบ๋ กำลังแสยะยิ้มให้เขา เลือดแดงสด ๆ ไหลออกจากตา จมูกและปากที่ยิ้มให้ เขาล้มนั่งบนพื้นกระพริบตาอีกทีภาพตรงหน้าก็หายไป เป็นฟาคัล
“ทำไมจ้องฉันอย่างนั้น เหมือนเห็นผีงั้นแหละ”
เขากะจะพูดออกไปน่ะแหละว่าเห็น
“ฉัน...เพลียนิดหน่อยน่ะ”
ฟาคัลเงียบไปก่อนเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู “นังทีเรียน่ายังไม่ตื่นอีกเหรอ จะสายแล้วนะ”
“เมื่อคืนหล่อนนอนไม่หลับ ฝนตกทั้งคืน”
“ฮึ...ทั้งที่มีนายคอยนอนปลอบอยู่ทั้งคืนยังนอนไม่หลับอีกเรอะ”
เอร่อนถอนหายใจกับการพูดเสียดสีแต่ก็จริงแหละ เพราะเขาเลือกผู้หญิงที่กับผู้ชายเพียงเพราะเงินทำให้เสียเพื่อนสนิทไปหลายคน
“มีอะไร”
“จะมาบอกน่ะว่าหน่วยกู้ภัยเคลียร์เส้นทางไปได้บ้างแล้ว หวังแค่ว่าคืนนี้ฝนจะไม่ตกอีก พอพวกเขาทำเสร็จเราจะไปจากที่นี่ทันที ต้องพาลูแอลไปหาหมออีก”
เอร่อนพยักหน้า ฟาคัลออกจากห้องไป พวกเขาไม่รู้เลยว่าทีเรียน่าแอบฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกัน
ผมไปที่ห้องของลูแอลและเขาก็ยังไม่ตื่นเลย ผมนั่งเก้าอี้ข้างเตียง
“ฟาคัลบอกว่าหน่วยกู้ภัยกำลังระดมเคลียร์เส้นทาง เมื่อตอนสายนิด ๆ งานเสร็จไปบ้างแล้ว ถ้าเสร็จวันนี้ได้คงดีจะได้พาคุณไปหาหมอด้วย หวังแค่ว่าคืนนี้ฝนจะไม่ตกอีก”
ผมนั่งอยู่ในห้องลูแอลอยู่สิบห้านาที ประตูห้องเปิดพร้อมกับที่ทีเรียน่าเข้ามาในห้อง ผมมองหล่อนกำลังเดินเข้ามาใกล้ลูแอล
“นี่เลิกสำออยแล้วตื่นสักที จะนอนไปถึงเมื่อไหร่ ผลักบันไดแค่นี้จะหลับยาวเลยเหลือไง จะโทษฉันใช่ไหม”
“ทีเรียน่าพอได้แล้วกลับห้องเธอไป”
“นายก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอ”
“ฉันได้ยินเธอพูดทุกอย่างที่ทำไปเพราะลูแอลไม่ยอมหลงเสน่ห์เธอ ถึงขั้นต้องทำกันแบบนี้เลยเหรอ”
ทีเรียน่าเงียบไปสองนาทีก่อนจะคุ้มคลั่งกระโจนเข้าไปบีบคอลูแอล
“เพราะแก...เป็นเพราะแก! คนอื่นเลยมองฉันเป็นอีร่านไป ทำไมไม่ตายไปซะที!”
“ทีเรียน่าพอได้แล้ว!” ผมเข้าไปห้ามหล่อน พยายามดึงหล่อนลงจากเตียง
“เกิดอะไรขึ้น” คนที่เหลือรีบวิ่งเข้ามาดู
“ช่วยที” ผมพูดปนหอบ
เอร่อนกับฟาคัลช่วยกันเอาหล่อนลงแล้วจับให้เธอนั่งบนเก้าอี้ แอนรุดไปดูลูแอล
“เขาไม่เป็นไร” แล้วหันไปตวาดใส่หล่อน “เธอเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย”
ทีเรียน่าชี้มาที่ผม “เขาสั่งให้ฉันทำ! เขาสั่งฉัน” หล่อนหันไปหาเอร่อน “เธอต้องเชื่อฉันนะ ไมเคิลเป็นคนสั่งให้ฉันทำ...”
“เลิกบ้าสักทีเถอะ” แอนตบหน้าหล่อน “ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม คิดว่าทำแบบนี้...โยนความผิดให้คนอื่นไปทั่วแล้วตัวเองจะรอดเหรอ”
เอร่อนมองทีเรียน่าด้วยสายตารังเกียจ “เธออยากนอนกับลูแอลขนาดนั้นเลยเหรอ”
ทีเรียน่าเงียบ เงียบไปเลย หล่อนก้มหน้าแล้วร้องไห้
แอนมองทีเรียน่าด้วยสายตาเหยียดหยาม “ก็เพราะชอบทำตัวแบบนี้ล่ะสิ ชอบหาเรื่องใส่ตัวนัก” เธอมองเอร่อน “ขังเธอไว้ในห้องอย่าให้ออกมาจนกว่าเราจะได้กลับบ้าน”
เอร่อนจับแขนทีเรียน่าฉุดไปที่ห้องพวกเขา ไม่โต้ตอบอะไรเลย ฟาคัลจัดผ้าห่มให้ลูแอลให้กลับมาเรียบเหมือนเดิม
ใกล้ได้เวลาที่ฉันจะกลับแล้วและค่ำคืนจันทร์เต็มดวงที่สุดในรอบหลายร้อยปีกำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วัน วันนั้นแหละที่ฉันจะออกฆ่า ฆ่า ฆ่าแล้วฆ่า รอไม่ไว้ที่จะได้ดื่มเลือดสด ๆ ถ้าเริ่มจะเริ่มจากใครดีน่า ฉันนั่งคิดแผนการทุกกระบวนการด้วยความปลื้มปิติ
“รอไม่ไหวแล้ว”