พาลเพื่อเอาความสะใจ

1099 คำ
“เออ... ขาไปขากลับ หน้านายไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” ขจร ชายหนุ่มรูปงามไม่แพ้เพื่อน ในทุกๆด้าน ไม่ว่าอายุที่รุ่นเดียวกัน ทางฐานะและการศึกษาระดับสูงที่มีชื่อ ในประเทศอังกฤษ อีกทั้งยังทำตัวไม่ได้เรื่องได้ราว จนพ่อแม่ตัดหางปล่อย ให้ไปที่ชอบๆอยู่ในตอนนี้ ถามขึ้นอย่างไม่แปลกใจนัก “ยังไม่ไปอีกหรือ?” เจ้าของห้องถามกลับ สีหน้ายังไม่ดีขึ้น อีกคนถลึงตาใส่ โดนไล่หลายรอบ ในหลายวันที่มาขออาศัย ยามหนีร้อนมาพึ่งเย็น เพราะโดนแม่บ่นไล่ จนหูร้อนฉ่า “จะไล่ทำไม ก็เค้าบอกอยู่ ว่าแข่งเสร็จแล้วจะกลับ” ขจรว่า หน้างอนค้อนให้เหมือนผู้หญิง จนคนมองนึกหมั่นไส้ ทั้งที่รู้ดีว่าการกระทำนั้น เพื่อต้องการเรียกร้อยยิ้มเขาเท่านั้นเอง “อารมณ์เสีย” ราเชนทร์ตอบอย่างไม่ปิดบัง พร้อมถอดเสื้อหนังราคาแพงอย่างลวกๆแล้วโยนทิ้งไว้ใกล้ๆตัว กระแทกก้น นั่งลงบนเก้าอี้หนังตัวที่ว่างอยู่ โดยมีสายตาของขจรตามมองดู และจึงรู้ว่าเพื่อนอารมณ์ไม่ดีอย่างที่ว่ามา “เฮ้ย อะไรวะ นำคุยขนาดนี้แล้วยังไม่หายอีกหรือวะ” “ไม่หาย” เขาตอบ ประกายตาทอแสงเข้มขึ้น ขจรผูกปมที่คิ้ว “เพราะ...เรื่องแม่เลี้ยงใช่มั้ย” เขายอมโยนหินถามทาง เพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกอึดอัด หากไม่ได้รู้เหตุผล ของการอารมณ์เสียกลับมาของราเชนทร์ “อือ...” ราเชนทร์ตอบรับ ไม่มีเรื่องไหน ที่เขาจะต้องปิด เพราะอย่างทั้งคู่จึงคบกันได้นานที่สุด มีราเชนทร์ที่ไหนต้องมีขจรพ่วงข้างมาด้วยเสมอ หากราเชนทร์ไม่มีหญิงสาวควงออกกลุ่มเพื่อนบ่อยๆทุกคน คิดว่าสองคนนี้เป็นพวกที่ชอบไม้ป่าเดียวกันเสียอีก “ทำไม?” สีหน้าของขจรอยากรู้ขึ้นมาทันที ท่าทางขยับเอนตัวเข้าหาเพื่อนรัก เหมือนอยากรู้เสียเต็มประดา ทำให้ราเชนทร์จิกตามอง “ทำไมของแก่ คือ...?” “ก็อยากรู้ว่า ทำไม แม่นั้น ทำอะไรนาย ก็สวยออกอย่างนั้น หวานออกสื่อเสียอย่างนี้” ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ ที่พับในลักษณะอ่านค้างอยู่ วางลงบนตักเพื่อนชาย ราเชนทร์ก้มมอง แล้วภาพชายหญิงที่อายุต่างกัน โอบกอดอย่างสนิทสนม ยิ้มสู้กล้อง หากใครไม่อ่านคำบรรยายใต้ภาพ คงนึกว่าพ่อกับลูก ‘นักธุรกิจใหญ่ ยังไม่หมดไฟ หวานออกสื่อ เมียสาวคราวลูก’ ก็เพราะภาพนี้ ที่ทำให้เขาต้องตะบึงกลับบ้านไป “สวย ไร้สมอง ปากกล้า หน้าด้าน” ว่าในสิ่งที่ตนเองได้รับรู้มา พร้อมภาพผู้หญิงลอยเข้ามาในความทรงจำเหมือนเธออยู่ตรงหน้าไม่ปาน ขจรได้แต่อ้าปากค้าง ไม่เคยเห็นเพื่อนรัก ต่อว่าผู้หญิงได้หน้าตาเฉยขนาดนี่ “มะ แม่เลี้ยงหรือ?” “ทั้งสองคนนั้นแหละ” “สองคน?” “ใช่สองคน ผู้หญิงอะไร ไม่เจียม” สีหน้าไม่อยากเชื่อของขจร ทำให้ราเชนทร์อยากเล่าวีรกรรมของน้องสาวแม่เลี้ยง แต่จะเล่าได้อย่างไร เมื่อเขาถูกกระทำ โดยการหักหน้ากลับมา จากที่คิดไว้ว่า จะเอาคืนให้เจ็บแสบ แต่เขาหาหล่อนทั่วทั้งตึก วานคนใช้ช่วยหาก็แล้ว แต่กลับไม่เจอตัว อารมณ์พาลจึงมาตกอยู่บนใบหน้าและพากลับมาให้เพื่อนสืบสาวอยู่นี่... “ไม่น่าเชื่อ” “อยากไปดูให้เห็นกับตาไหมละ” “ไม่ดีกว่า ขนาดนายยังโดน” “ฉันยังไม่โดนโว้ย” เขารีบแก้ตัว แต่อาการไม่อาจทำให้ขจรเชื่อได้ “ไม่โดนหน้าจะเป็นอย่างนี้หรือ” ราเชนทร์กระตุกมุมปากขึ้นและกล่าวย้ำชัด “นายคิดว่าหากฉันโดน ยัยนั้นจะไม่โดนเล่นกลับหรือไง” ราเชนทร์ถามกลับเพื่อหยั่งเชิง ว่าเพื่อนรักจะเชื่อตนเองหรือไม่ แต่ดูเพื่อนรักจะไม่สนใจแล้วยังสงสายตาตัดพ้อ เห็นใจอีกฝ่าย หึ นี่ยังไม่ได้เอาคืนหรอกนะ... “ยังไงๆ เขาก็ผู้หญิงนะ จะอาฆาตไปถึงไหน น่าสงสารออก” ขจรว่าหน้าตื่น แม้จะไม่คุ้นเคยบุคคลที่เพื่อนรักเอ่ยถึง แต่ใช่ว่าการเข้ามาในคฤหาสน์หลังงามนั้น ใช่ว่าจะกลายเป็นเจตนาร้ายไปเสียหมด ไม่เห็นชอบหากเพื่อนจะเอาคืนผู้หญิงเพศที่อ่อนแอกว่า “หึ ลองกล้าทั้งพี่ทั้งน้อง นายคิดว่าฉันจะอยู่เฉยหรือไง” ขจรเอามือลูบใบหน้า ไม่เข้าใจ ทำไมเพื่อนเขาไม่ปลงกับเรื่องนี้...“คิดมากน่า” “นายก็พูดได้ ลองแกมาเป็นฉันดูสิ แม่เลี้ยงเกือบรุ่นเดียวกันเลยนะ ที่สำคัญพ่อฉันอยู่เป็นโสดมาได้ตั้งนาน  นึกยังไง มามีเอาตอนนี้ หากอายุไล่เลี่ยกัน ฉันก็ไม่ว่าอีก แล้วนี้ประวัติ ญาติโกโหติกาก็ไม่มี สิบแปดมงกุฎหรือป่าวก็ไม่รู้” “ระแวงเกินไปหรือป่าวเพื่อน” “ระแวงตั้งแต่เห็นอายุแล้ว มีที่ไหน หากไม่หวังผล คงไม่เอาคนแก่ทำผัวหรอก” “นายก็ให้โอกาสเขาหน่อยสิ” “คนอย่างฉัน ให้โอกาสใครไม่เป็น ยิ่งพวกชอบรวยทางลัด” “อะไรวะ ใจดำชะมัด” แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เหตุผลของเพื่อนรักไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย หากคนสูงวัยต้องการคนนอกไว้ใจและดูแลใกล้ชิดมันก็ไม่แปลก ก็ในเมื่อลูกชายคนเดียวเคยเข้าไปดูแลปรนนิบัติก็ไม่เคย เฮ้อ... ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ขจรจึงได้แต่เห็นใจชะตากรรมของสองสาวและคนสูงวัยอยู่ในใจ “นี่นายหาว่าฉันใจดำหรือ...” ราเชนทร์ขึ้นเสียง “ไอ้ที่ซุกหัวนอน แล้วกรนจนฉันต้องสละที่นอนให้ ยังดำอีกหรือวะ!” สีหน้าเอาเรื่องมองเพื่อนเขม่ง หลายวันมานี่เขาต้องเสียที่นอนแล้วย้ายตัวเองไปนอนบนโซฟา เพื่อไม่อยากได้ยินเสียงกรนทำลายบรรยากาศยามพักผ่อน หากแต่เพื่อนยังไม่เห็นความดีที่ทำให้ เถอะ! ขจรถดถอยหลัง ยิ้มแหย่ๆให้เพื่อน เมื่อนึกได้ว่าตนเอง เหวี่ยงปากหาเท้าอีกแล้ว “ป่าว กับฉันนะไม่” “หึ สีไปเถอะ ข้างนะ จะให้ไปอยู่กับแม่นั้นเลย” แม่นั้นแม่ไหน? แม่เลี้ยงก็เจาะจงไปสิ... ขจรคิด แต่ไม่กล้าสอด จึงสงบปาก ปล่อยให้เจ้าของห้องกระฟัดกระเฟียดหัวเสียอยู่ฝ่ายเดียว  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม