Chapter VI : The 1st World Tour! [Part II]

2351 คำ
. . . . ‘ฉันจะไม่แพ้หรอกนะ!! ฝากไว้ก่อนเถอะ!’ . . . . “เอ้า เร็วเข้าๆๆๆ จะเริ่มในอีก 10 นาทีแล้ว ตอนนี้ต้องไปสแตนบายกันหลังเวทีได้แล้ว มัวทำอะไรกันอยู่ชักช้าอยู่นั่น” เสียงเชอร์ลีนตวาดขึ้นเสียงดังเพื่อเร่งให้บรรดาเด็กๆในแผนกเร่งมือกัน “โหยพี่ ก็พวกเขามาถึงช้านี่” เสียงหญิงสาวคนนึงแย้งขึ้น “มาช้ายังไงพวกเธอก็ต้องทำให้ทัน” เชอร์ลีนว่าพลางตวัดตาดุไปมองเจ้าของเสียง “นี่เด็กฝึกงาน ฉันอยากกินกาแฟบ้าง” เสียงทุ้มดังขึ้นหยุดบทสนทนาตรงหน้าพลางมองตรงไปยังเด็กสาวที่เดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟก่อนจะยื่นมันให้เพื่อนร่วมวงของเขา เรียกให้สายตาหลายๆคู่ในห้องนั้นหันไปจับจ้องเจ้าหล่อน “ค..คือว่า” “จะมากินอะไรตอนนี้แอช อีกไม่ถึงสิบนาทีละเนี่ย!” ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะพูดจบเชอร์ลีนก็กล่าวออกมาตัดหน้าเสียอย่างนั้น คนตัวเล็กแทบยากจะกระโดดกอดพี่สาวตรงหน้าเสียแน่นๆเมื่อรู้สึกเหมือนโดนช่วยชีวิตไว้ “ก็ผมอยากกินนี่ครับ! ไม่งั้นคงเล่นคอนไม่ไหว ฉันง่วง! ” แต่มันคงจะไม่จบง่ายๆเพียงเท่านั้นเมื่อเจ้าของคำสั่งหันมาย้ำคำพูดใส่หน้าคนตัวเล็ก “คือว่ามันหมดแล้วค่ะ ซองสุดท้ายฉันชงมาให้คุณเลโอแล้ว” “ก็ช่าง ยังไงเธอก็ต้องหาให้ฉันให้ได้ ก่อนที่คอนจะเริ่ม” “คุณ!? ” “เร็วๆ! ชักช้าอยู่ได้” ชายหนุ่มจิ๊ปากเสียงดังพร้อมทำท่าทางไม่พอใจ “ค่ะ!” ลูน่าตอบกระแทกเสียงก่อนหมุนตัวออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน อาการของร่างเล็กส่งผลให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มออกมาอย่างพอใจ “เธอเปิดสงครามกันฉันก่อนนะยัยเด็กฝึกงาน.. -___,-” ท่ามกลางเสียงดนตรีกระหึ่มด้านนอกปะปนไปพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกชื่อศิลปินของเหล่าสาวๆแฟนคลับพวกเขาต่างตื่นเต้นและตั้งตารอซึ่งต่างจากสาวน้อยหลังเวทีที่กำลังวิ่งถือแก้วกาแฟอย่างตาลีตาเหลือกกลับมา เจ้าหล่อนอุตส่าห์ซื้อมาจากร้านข้างนอกไหนจะผู้คนที่แย่งกันซื้อแย่งกันกินกว่าจะได้ก็กินเวลาไปจนเกือบจะเริ่มงาน “นี่ค่ะ!! กาแฟของคุณ!” ร่างบางหอบหายใจพลางยื่นแก้วกาแฟให้คนตรงหน้าที่กำลังยืนแสตนบายรออยู่หลังเวที “ไม่คิดว่ามันจะช้าไปหน่อยหรอ ?” ร่างสูงเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท “ช้าหน่อยแต่อย่างน้อยคุณก็ได้กินนะ” ไม่ว่าเปล่ามือเล็กยังคงพยายามส่งแก้วกาแฟร้อนในมือให้คนตรงหน้า “ไม่เอาแล้ว ฉันไม่อยากกินแล้วหละ” “ รับ! ไป!” คิ้วบางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพร้อมจ้องคนตรงหน้าอย่างจริงจัง “ฉัน... ไม่..อยาก...กิน...แล้ว” หน้าคมยื่นเข้ามาใกล้พร้อมพูดย้ำทีละคำช้าๆ “...” คนตัวเล็กกัดฟัดกรอดพลางจ้องคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือยังไง ฉันไม่อยากกินแล้ว” “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน!!!! ตุ๊บ!!!” ไม่ว่าเปล่าเท้าเล็กกระทืบลงบนเท้าร่างสูงอย่างเต็มแรง!! “โอ๊ยยย!!! เธอ!!!! ” แอชตันสะดุ้งโหยงพร้อมใบหน้าที่เหยเกอย่างเห็นได้ชัดพร้อมชี้นิ้วตามหลังหญิงสาวที่เดินลิ่วจากไป . . . . . ‘นายตั้งใจจะแกล้งฉันใช่ไหม!! ได้!’ . . . . . และแล้วคอนเสิร์ตแรกก็ผ่านไปด้วยดีโดยที่ทั้งสตาร์ฟและสมาชิกคนอื่นๆไม่ทันได้สังเกตุเลยว่าระหว่างลีดเดอร์ของวงกับเด็กฝึกงานคนใหม่มีกลิ่นอายแห่งความอาฆาตของกันและกันอยู่รอบตัว แม้คอนเสิร์ตนี้จะจบลงไปด้วยดีสำหรับคนอื่นแต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่แอชตันคนเดียวที่ผ่านมันไปอย่างทุลักทุเล! ก็ไหนจะเข็มกลัดในเสื้อที่กลัดไม่สนิททำให้เข็มมันโผล่ออกมาจิ้มเนื้อเวลาเต้นจนเนื้อตัวแทบจะพรุน ไหนจะน้ำดื่มตอนเบรคเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โคตรจะเค็ม! ไหนจะก้อนหินในรองเท้า!! และแน่นอนว่าไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นฝีมือของใคร..! “ฮึ่ยย!! คันโว้ยยย” ร่างสูงโวยวายทันทีเมื่อย่างก้าวเข้าห้องแต่งตัวเรียกความสนใจจากสตาร์ฟกันเป็นตาเดียว “คันก็ถอดออกสิเสื้อ เปียกเหงื่อไปหมดมันไม่คันก็แปลกสิแอช” หนึ่งในรุ่นพี่สตาร์ฟเอ่ยมาเมื่อร่างสูงตรงหน้าเริ่มโวยวาย ลูน่าเองก็ทำท่าทางพยักเพยิดหน้าตามคำพูดของรุ่นพี่พลางแอบซ่อนรอยยิ้มที่แสนจะสะใจไว้ใบหน้าอันไร้เดียงสานั่น! “หึ!! ไม่ได้ใช่เพราะเหงื่อหรอก” ร่างสูงแค่นหัวเราะในคอเมื่อเหลือบไปเห็นใบหน้าอันใสซื่อของเจ้าของแผนการอันสกปรกนี่! “งั้นคุณแอชก็ถอดออกเถอะค่ะจะได้ไปอาบน้ำแล้วกลับไปพักที่โรงแรมกันนะคะ” คราวนี้เป็นตาร่างบางเองที่เป็นคนเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่สำหรับร่างสูงแล้วรอยยิ้มนั่นคงเหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งการเยาะเย้ยเสียมากกว่า! “หึ!! ฝากไว้ก่อนเถอะ!! ”  ปากหนาขยับพูดออกมาอย่างไม่มีเสียงหวังให้ร่างเล็กอ่อนเพียงข้อความจากปากก่อนร่างสูงเองจะรีบถอดเสื้อออกกองไว้ตรงนั้นแล้วกลับหลังหันเดินออกไป ‘ถ้าเธอจะเล่นกันแรงแบบนั้นก็ได้!’ หลังเสร็จงานทั้งเหล่าสตาร์ฟรวมไปถีงศิลปินก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัยและซึ่งวันต่อมาก็เป็นวันพักผ่อนหนึ่งวันก่อนที่จะต้องเดินทางไปจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศอื่น เหล่าสตาร์ฟรวมตัวนัดกันไปเที่ยวเป็นกลุ่มลูน่าเองก็โดนพี่ๆในแผนกชวนไปและมีหรือที่จะปฏิเสธ! “ลูน่าหนูพกกล้องตลอดเลยแต่พี่ไม่เห็นหนูจะถ่ายรูปตัวเอง เห็นแต่ถ่ายวิว ถ่ายคนอื่น” “แหะๆ ลูน่าชอบเก็บภาพบรรยากาศมากกว่าค่ะ ชอบเก็บเป็นความทรงจำในที่ที่ไปทุกทีค่ะ.. เพราะการถ่ายภาพก็คือการหยุดเวลานั่นแหละค่ะ” ร่างบางยิ้มหวานตอบกลับไป “โห้ว พูดอะไรคมๆกับเขาก็เป็นหรอเนี่ยเรา” เชอร์ลีนเอ่ยแซวน้องสาวพลางยีหัวคนตัวเล็กจนยุ่งไปหมด “แน่นอนนน ลูน่ามีอะไรอีกเยอะแยะจะทำให้พี่เชอร์แปลกใจ” ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวพูดพลางยักคิ้วกวนๆตามประสา “ฮ่าๆๆๆๆ ยัยเด็กคนนี้น่ารักไม่เบาเลยนะเนี่ย งั้นเรามาหยุดเวลากันไว้ดีกว่านะ เอ้า! มาเร็วทุกคน!” เชอร์ลีนเรียกคนในแผนกมารวมกันโดยมีคนตัวเล็กตั้งท่าจะทำหน้าที่ตากล้อง “อ้าวลูน่า มาเข้ากล้องด้วยกันสิ ตั้งเวลาถ่ายเอาไว้ก็ได้” “จะดีหรอคะ ก็พี่ๆถ่ายรูปรวมแผนกไง” “ดีสิ ลูน่าก็เป็นคนในแผนกเรานะ รูปหมู่เรามีกันเยอะแล้วแต่รูปนี้เรามีสมาชิกใหม่ทุกคนอยากถ่ายรูปกับหนูนะ” พี่เชอร์ลีนว่าแล้วก็รีบกวัวกมือเรียกน้องสาว “รับทราบค่ะ!” ลูน่าตั้งขากล้องก่อนกดตั้งเวลาแล้วรีบวิ่งเข้าไปในเฟรมกล้อง ทุกคนในแผนกคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและเป็นธรรมชาติบ่งบอกได้ว่าพวกเขามีความสุขมากเพียงใด..ถึงงานจะหนักแต่มันก็แลกมาด้วยความสุขที่ได้รับหลังจากการทำงาน .. ลูน่ายืนดูภาพตรงหน้าและเผลอยิ้มออกมาเมื่อทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนมออกรสออกชาติ .. ‘ฉันก็คงโชคดีจริงๆนั่นแหละที่ได้มาเจอเพื่อนร่วมงานอย่างพวกเขา’ “เอาหละเริ่มจะมืดแล้ว เรากลับที่พักกันดีกว่านะ” หัวหน้าทีมอย่างพี่เชอร์ลีนเอ่ยขึ้นเหล่าลูกน้องก็พากันพยักหน้าเออออตามกันไป “งั้นลูน่าขอไปเดินต่ออีกสักหน่อยนะคะ ยังไม่ได้ของฝากไปให้เพื่อนเลย” “ได้สิจ๊ะ แต่อย่าดึกนักหละเดี๋ยวหลงทางนะเรา” “เจ๊ไม่ต้องเป็นห่วงน้องมันไปหรอกน่า ลูน่าพูดภาษาอังกฤษอย่างกะพ่นไฟอยู่ละ” ชายหนุ่มหัวใจสาวน้อยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “โอ้ย ยังไงมันก็อันตรายอยู่ดีดูน้องเขาสิตัวแค่เนี้ย! ไม่ใช่เหมือนเธอหรอก!” บทสนทนาของเขาทั้งคู่เรียกเสียงหัวเราะจากพนักงานคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงร่างบางที่ถูกกล่าวถึงด้วย “งั้นลูน่าขอตัวก่อนนะคะพี่ๆก็กลับกันดีๆนะคะ” ว่าจบก็โค้งหัวให้น้อยๆก่อนจะหมุนตัวเดินห่างออกมาจากกลุ่ม ร่างบางเดินลัดเลาะไปตามถนนเรื่อยๆตามแสงไฟของร้านค้ามากมายข้างทาง มือเล็กก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายนั่นถ่ายนี่พลางเดินดูของอย่างเพลินหูเพลินตา..โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัวว่ามีเงาของใครบางคนกำลังตามเจ้าหล่อนอยู่ห่างๆและดูเหมือนว่ากำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ.. “หือ..” จู่ๆขาเล็กก็หยุดเดินเสียดื้อๆราวกับว่าเธอจะเริ่มรู้สึกตัวส่งผลให้เจ้าของเงานั่นหยุดชะงักทันมี “...” “... หิวข้าวจังแหะ สงสัยต้องหาอะไรกินแล้วหละ” คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองเบาๆโดยมีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา.. ดวงตาคมภายใต้ฮู้ดที่ปกปิดใบหน้าจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่เริ่มออกเดินอีกครั้งและแน่นอนว่าขายาวก็รีบก้าวตามไปอย่างไม่รอช้า “ยัยนี่เดินไวชะมัด.. ตุ๊บ! อ้ะ!” ร่างหนาพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะชนเข้ากับวัตถุบางอย่างเดินสวนเขามา “ข..ขอโทษค่ะ” หญิงสาวที่เดินสวนมารีบก้มหัวขอโทษขอโพยก่อนเงยขึ้นมาเผชิญหน้ากับร่างหนาของใครบางคนที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อโค้ดตัวหนาไหนจะฮู้ดที่ปิดหน้าปิดตานั่นอีก “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มรีบกระชับฮู้ดไว้อย่างเดิมแต่ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหนหญิงสาวตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นรั้งไว้เสียก่อน “อ แอช.. แอชตันใช่ไหมคะ!?”    “ชู่ว.. ใช่ครับผมเอง” มือหนายอมลดฮู้ดออกจากใบหน้าก่อนส่งยิ้มหวานให้อย่างอัธยาศัยดี “งื้อออออออออออออ >////////‘ฉันคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่จะฝากหัวใจฉันไว้กับนาย!’ . . . . . .
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม