เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 3

1399 คำ
เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 3 ตลอดเวลาที่อยู่ร้านส้มตำฉันรู้สึกสนุกมาก ได้กินของอร่อยและพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน จวบจนกินเสร็จก็เตรียมแยกย้ายกันกลับไปพักและโชคดีที่เราจะได้หยุดสองวัน ฉันเดินออกมาที่นอกร้านพร้อมกับเพื่อนๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ชายเดินออกมาจากร้านพอดี โดยที่ข้างกายของพี่ชายนั้นมีพี่อีกคนหนึ่งเดินตามออกมาด้วยท่าทางนิ่งเงียบ ส่วนสูงของพวกเขาทั้งสองคนทำให้การขยับกายเพียงน้อยนิดนั้นดูดีเป็นอย่างมาก ส่วนสูง หุ่น ผิวกายต่างรับกับรูปหน้าหล่อเหลาของพวกเขาอย่างหาสิ่งมาลบล้างไม่ได้ “วุ้นกลับบ้านกัน” พี่ว่านเอ่ยบอกเมื่อเดินเข้ามาหยุดยืนข้าง ๆ ฉัน “พี่กินเสร็จแล้วเหรอ?” “เรียบร้อย เด็ก ๆ จะกลับเลยไหม?” ท้ายประโยคพี่ว่านไม่ลืมที่จะเอ่ยถามเพื่อนของฉันอีกสามคนที่ยังยืนอยู่ใกล้ ๆ ฉัน “กลับเลยครับพี่” “กลับเลยค่ะพี่ว่าน” เพื่อน ๆ ของฉันตอบพี่ว่าน ก่อนจะโบกมือลาและแยกย้ายกันกลับในที่สุด ส่วนฉันเดินตามพี่ชายเพื่อไปยังจุดจอดรถ โดยที่ด้านหลังยังมีเพื่อนพี่ชายเดินตามมาอยู่เช่นเดิม “ลืมบอก นี่เพื่อนพี่ชื่อกุมภา จะกลับพร้อมกับเรานะ มันอยู่คอนโดฯ เดียวกับเด็ก” เดินมาจนถึงรถพี่ว่านที่เพิ่งนึกขึ้นได้แล้วรีบบอกฉันว่าวันนี้เราไม่ได้กลับด้วยกันสองคนแต่มีเพื่อนของเขามาด้วย “ได้ค่ะพี่” ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไม่ได้คิดมากอยู่แล้วที่มีเพื่อนพี่ชายนั่งรถกลับด้วย “โอเค ขึ้นรถได้แล้ว” พี่ว่านบอกกับฉันก่อนจะเปิดประตูด้านหน้าให้ฉันได้นั่งข้างกับเจ้าตัว ตามด้วยเพื่อนตัวสูงของพี่ชายที่เปิดประตูด้านหลังก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนรถ “ตอนเย็นจะไปที่ร้านหมูกระทะเหรอ?” จู่ ๆ เพื่อนพี่ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เอ่ยถามฉัน ที่มั่นใจว่าถามตัวเองเป็นเพราะว่าตอนนี้ในรถมีเพียงแค่ฉันกับพี่เขาเท่านั้น ส่วนเจ้าของรถโผล่มาสตาร์ตรถเสร็จก็รีบเดินไปยังร้านน้ำร้านหนึ่งทันที “ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?” “เปล่า ลองถามดู” “อ้อ ค่ะพี่” แม้จะไม่เข้าใจแต่ฉันก็ยอมรับคำและนั่งเงียบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูอะไรไปเรื่อย “ตอนที่อยู่ในร้าน คนพวกนั้นพูดแบบนั้นให้ตลอดเลยเหรอ?” ไม่ถึงหนึ่งนาทีเพื่อนพี่ชายก็เอ่ยถามฉันขึ้นมาอีกครั้ง และเป็นคำถามที่ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเขา “ค่ะ มันก็น่าพูดไหมล่ะพี่ดูสภาพหนูสิคะ แต่ว่าหนูเองก็เริ่มชินแล้วนะคะ ไม่ได้อะไรแล้ว” ตอบพี่กุมภาอย่างที่ตัวเองคิด อีกอย่างฉันไปบังคับให้ใครมาชอบฉันไม่ได้สักหน่อย ก็แล้วแต่พวกเขาจะมองหรือคิดยังไง “อย่าว่าตัวเองแบบนั้น อย่าไปฟังคำพูดที่ไม่ดีของคนอื่นจนทำให้ตัวเองความสุขลดลงนะ” พี่กุมภาเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อได้ยินแล้วกลับรู้สึกอบอุ่นใจอยู่ไม่น้อย “ค่ะพี่” “เอาเบอร์มาเราให้พี่หน่อย เผื่อชวนไปกินของอร่อย” พี่กุมภาถามมือก็ยื่นโทรศัพท์ของเจ้าตัวมาให้ ฉันรับมาก่อนจะบันทึกเบอร์ให้เพื่อนพี่ชาย เมื่อส่งโทรศัพท์กลับคืนไปพี่ว่านก็เปิดประตูรถขึ้นมาพร้อมกับน้ำสามแก้ว แก้วกาแฟถูกส่งไปยังเบาะด้านหลังที่เพื่อนของเขานั่งอยู่ จากนั้นแก้วที่มีน้ำสีม่วง ๆ ก็ถูกส่งมาให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ” “สบายมาก เอาละกลับคอนโดฯ กันเถอะ” พี่ว่านดูดน้ำในแก้วของตัวเองเสร็จก็วางแก้วแล้วพาเราออกเดินทางเพื่อกลับคอนโดฯ ที่ฉันพักอยู่ ส่วนคอนโดฯ ของพี่ชายอยู่อีกที่แต่ไม่ได้ไกลจากฉันมากนัก พี่ว่านกับเพื่อนของเจ้าตัวอย่างพี่กุมภาคุยเรื่องงานกลุ่มอะไรสักอย่างที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนฉันเมื่อมีของโปรดก็นั่งดูดน้ำไปหลายอึกอย่างมีความสุขไม่ได้คุยหรือเอ่ยแทรกประโยคสนทนาของหนุ่ม ๆ ทั้งสองคนเลยสักนิด เมื่อถึงคอนโดฯ เราต่างเข้าลิฟต์ตัวเดียวกัน แต่ฉันกับพี่ชายออกจากลิฟต์ก่อนพี่กุมภา เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับพี่ชายสองคน คนเป็นพี่ชายก็ชวนคุยเรื่องลดน้ำหนักอีกครั้ง “ไม่สนใจเหรอเด็ก มันดีต่อตัวเด็กมากเลยนะ” พี่ว่านที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยโน้มน้าวอีกครั้ง และบอกไม่ได้เช่นเดียวกันว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่พี่ชายเอ่ยแนะนำแบบนี้ “หนูรู้ค่ะ แต่ตอนนี้...” “โอเค ๆ พี่ไม่บังคับครับ แต่ให้รู้ไว้ที่บอก ที่อยากให้ลดน้ำหนัก เพราะพี่กับทุกคนเป็นห่วงเด็กนะ” “ขอบคุณนะคะ” ฉันรับปากก่อนจะส่งยิ้มอ้อนผู้เป็นพี่ชาย ทั้งยังเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กอดแขนอ้อนอย่างที่ชอบทำ นั่งเล่นกับพี่ชายสักพักใหญ่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปร้านหมูกระทะของแม่ ฉันชอบไปที่นั่นเพราะนอกจากจะได้ช่วยแม่ทำงานแล้วฉันยังได้กินหมูกระทะอร่อย ๆ อย่างที่ชื่นชอบอีกด้วย “หนูพร้อมแล้วค่ะ” เอ่ยบอกพี่ว่านที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา “งั้นก็ไปกัน พี่โทร. บอกแม่แล้วว่าจะพาเราเข้าไป” พี่ว่านตอบฉันพร้อมกับขยับลุกขึ้นนั่งจากนั้นถึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเดินนำออกจากห้อง ฉันเดินรั้งท้ายพี่ชายจัดการปิดประตูล็อกห้องเรียบร้อยก็หันไปส่งยิ้มอ้อนคนเป็นพี่ชายที่ยืนรออยู่ทันที “พี่หว่าหวาบอกว่างแล้วให้โทร. หาด้วยนะอย่าลืม” พี่หว่าหวาที่พี่ว่านเอ่ยถึงคือที่สาวคนโตของเราเองค่ะ พี่หว่าหวาทำงานเป็นหมอที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ กับมหา’ลัยที่เราเรียนอยู่นี่แหละ แต่เพราะเวลาว่างไม่ตรงกันทำให้เราใช้วิธีการส่งข้อความหรือโทร. เพื่อพูดคุยกันมากกว่า อีกอย่างเวลากลับบ้านก็กลับไม่ตรงกันด้วย จะว่าไปก็คิดถึงพี่หว่าหวาเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ได้กอดพี่สาวนานเท่าไหร่แล้วนะ “หนูโดนดุอีกแน่เลย” คล้ายกับจะฟ้องพี่ชาย เงยหน้ามองก็เห็นว่าพี่ชายหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างขบขันอีกด้วย “ไม่หรอก เวลาพี่หวาเตือนเด็กต้องฟังด้วยนะรู้ไหม” “รู้ หนูรู้แต่หนูไม่ได้ทำตาม” ท้ายประโยคฉันตอบพี่ชายอย่างซุกซน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดื้อจนไม่ฟังทุกอย่างสักหน่อย เรื่องไหนที่ผู้ใหญ่เตือนฉันเองก็พร้อมที่จะรับฟังและทำตาม แต่ก็แบบขอซนหน่อย ซนนิดหน่อยเท่านั้นเอง “พี่จะตีให้” “พี่กล้าตีหนูเหรอ? ถ้าตีเป็นรอยแดงเลยนะ หนูจะร้องไห้เลยนะ” กอดแขนพี่ว่านทั้งยังมองอ้อนเบะปากคล้ายกับจะร้องไห้ กะพริบตามองปริบ ๆ จนคนเป็นพี่ชายส่ายหน้าเอือมระอากับความขี้อ้อนของฉัน “ก็รู้ว่าพี่ไม่กล้าตีก็ดื้อน้อย ๆ หน่อย อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าแอบกินช็อกโกแลตก่อนนอนน่ะ” “...” “พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ายิ่งกินสิวจะยิ่งขึ้นนะ” พี่ว่านเตือนมือก็ยื่นไปเปิดประตูรถยนต์ให้ฉันได้ขึ้นไปนั่ง ฉันไม่ได้ตอบอะไรพี่ชายกลับไป แต่เลือกที่จะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเบา ๆ เพราะน้ำหนักตัวเยอะเวลาจะลุกจะนั่งก็มักจะโดนแซวโดนล้อนั่นอยู่ตลอด นั่นจึงทำให้ฉันติดที่จะทำอะไรเชื่องช้าอย่างน้อยก็เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนคนอื่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม