เพียงไม่นานข่าวเรื่องลูกหนี้ของอัศนีที่เดินทางเข้ามาใช้หนี้ให้แก่เขาเพียงแค่วันเดียวก็ได้ขึ้นแท่นไปนั่งทำงานที่ฝ่ายบัญชีก็แพร่สะพัดไปทั่ว และพวกที่อยากรู้ส่วนมากก็คือพวกผู้หญิงที่แอบวาดวิมานในอากาศอยากจะเป็นเจ้าสาวของอัศนีเสียเหลือเกิน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อุ่นเรือน หญิงสาวหน้าตาคมขำ รูปร่างเนื้อนมไข่ จริตจะก้านแพรวพราว จนผู้เป็นแม่อย่างนางอิ่มต้องคอยปรามอยู่เสมอ
“กรี๊ดดดด! ฉันไม่เชื่อ! พวกแกโกหก! อย่ามาหลอกนังอุ่นเรือนคนนี้ซะให้ยากเลย คุณอัศนีไม่มีวันที่จะเอาผู้หญิงพรรค์นั้นมายกย่องเชิดชูออกหน้าออกตาหรอก นังนั่นน่ะอย่างเก่งก็เป็นได้แค่นางบำเรอของคุณอัศนีเท่านั้นแหละ จำเอาไว้ด้วย”
อุ่นเรือนพูดอย่างใส่อารมณ์ พลางยกมือขึ้นชี้หน้าเพื่อนสาวพนักงานที่นั่งหั่นผักเป็นลูกมือให้กับนางอิ่มอยู่ด้วยกันอย่างเอาเรื่อง
“อ้าวอีนี่ พูดจาไม่เข้ารูหูเลย ก็พวกพนักงานข้างบนเขาเล่ากันมาแบบนี้ คุณอัศนีน่ะพาคุณผู้หญิงคนนั้นไปกินข้าวที่ห้องอาหาร พวกข้างบนเขาเห็นกันเขาก็พากันพูดไปทั่วทั้งตึก ฉันจะไปโกหกแกหาสวรรค์วิมานอะไรล่ะ แกพูดให้ดีๆ นะนังอุ่นเรือน ไม่อย่างนั้นวันนี้แกจะไม่ได้กินน้ำพริกตอนเย็นแน่ๆ”ชบาแว้ดขึ้นอย่างไม่ยอมเช่นกัน
“ไม่รู้ล่ะ ก็แกเป็นคนฟังเขามาเล่าอีกต่อนึง มันอาจจะมีเสริมมีแต่งขึ้นมามากกว่าที่เป็นจริงก็ได้นี่”อุ่นเรือนยังคงต่อว่าไม่ยอมหยุด
“นี่แกเอาปากหรือเอาอะไรพูดออกมาวะเนี่ยนังอุ่น ฉันจะไปเสริมไปแต่งทำไม ก็ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นน่ะเขาสวยอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ ผิวพรรณก็นวลเนียนอย่างกับไข่ปอก ไม่ได้กระดำกระด่างหน้าตาบ้านๆ อย่างกับใครบางคนแถวๆ นี้นี่หว่า ช่างไม่ได้เจียมตัวเองเล๊ย จริงไหมพวกเรา ฮะ ฮะ ฮะ”
พูดจบชบาก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน สาวๆ ที่นั่งฟังทั้งสองเถียงกันก็พลอยขำไปกับคำพูดของชบาไปด้วย
และนั่นยิ่งทำให้อุ่นเรือนใบหน้าถมึงทึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกเสียหน้าถูกเพื่อนรุ่นพี่ว่าแหนบเอาให้ ก่อนจะคว้าถาดเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะเหวี่ยงขว้างใส่เฉียดร่างของชบาที่นั่งหั่นผักอยู่ไปไม่ถึงคืบ ชบาถึงกับร้องเรียกชื่ออุ่นเรือนเสียงหลงขึ้นมาอย่างตกใจ
“นังอุ่นเรือน!”
“ทำไม! มึงเรียกชื่อกูทำไมห๊ะนังชบา”
“ถึงขนาดขึ้นมึงขึ้นกูเลยเหรอนังอุ่นเรือน ได้! ถ้าอย่างนั้นกูก็จะจัดให้ มา! มึงเข้ามาเลย”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวกวักมือเรียกให้อุ่นเรือนเข้ามาหาอย่างเอาเรื่องเต็มที่
ฝ่ายอุ่นเรือนเมื่อเห็นชบาท้าทายเช่นนั้นก็รีบปรี่เข้าไปหาหมายจะตบปากของเพื่อนร่วมงานที่มีอายุมากกว่าตนเองเพียงไม่กี่ปี กระดูกไม่ต่างกันเท่าไหร่ ยังไงซะคนอย่างอุ่นเรือนสู้ได้สบายอยู่แล้ว ก่อนที่ทั้งคู่จะตบตีกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร ดึงทึ้งผมกันจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
พวกเชียร์ก็เชียร์ไป พวกที่รีบวิ่งกลับเข้าไปภายในครัวด้านหลังที่นางอิ่มกำลังปรุงอาหารอยู่นั้นก็รีบเข้าไปตามให้มาช่วยห้ามทัพ จากกลุ่มเล็กๆ ก็เริ่มขยายวงใหญ่มากขึ้น และแน่นอนในไม่ช้าเสียงเชียร์ก็จะต้องดังไปให้คนบนตึกได้ยินอย่างแน่นอน
“กรี๊ดดดด! มึงปล่อยผมกูนะอีชบา ปล่อยยย!!”
“กูไม่ปล่อย! มึงอยากหาเรื่องกูก่อนทำไมล่ะ ตบนี้ให้กับความปากดีของมึงอีอุ่นเรือน”
เพี๊ยะ! ฝ่ามืออรหันต์กระหน่ำลงไปทันที
“โอ๊ย! มึงกล้าตบกูเหรออีชบา! กรี๊ดดดด กูไม่ยอม มึง! ตายยยยย!”
พูดจบอุ่นเรือนที่เพิ่งถูกชบาตบจนล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นก็ดีดตัวเด้งดึ๋งขึ้นมาอย่างเร็วแล้วพุ่งเข้าใส่ร่างของชบาอย่างไม่ทันตั้งตัว จนทั้งคู่ล้มลงไปที่พื้นพร้อมๆ กัน แล้วอุ่นเรือนก็อาศัยจังหวะที่ตัวเองนั้นอยู่บนร่างของชบาตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
เพี๊ยะ!!!! อุ่นเรือนตบหน้าของชบาได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนที่ชบาจะกระชากแขนของอีกฝ่ายให้มาอยู่ใต้ร่าง แล้วขึ้นคร่อมร่างเนื้อนมไข่ของอุ่นเรือนเอาไว้
“เมื่อกี้มึงตบหน้ากู คราวนี้กูขอเอาคืนบ้างก็แล้วกันนะ”
พูดจบฝ่ามือของชบาก็ฟาดลงไปที่ใบหน้าของอุ่นเรือนทั้งซ้ายทั้งขวาอย่างไม่ยั้ง
“อ้าวเฮ้ยพวกเอ็ง ทำไมไม่ห้ามพวกมันไว้ รีบเข้าไปแย่งพวกมันออกจากกันสิโว้ย เจ้าชด เจ้านวย เร็วสิรีบจับนังสองคนนี่มันแยกออกจากกันเร็วๆ ป่านนี้คงมีใครไปรายงานคุณอัศนีแล้วมั้งนี่”
นางอิ่มที่ถูกตามให้ช่วยออกมาห้ามศึกร้องตะโกนโหวกเหวกขึ้น และประโยคที่เอ่ยชื่อของเจ้าของเกาะก็ทำให้สองสาวที่กำลังตบดีกันอย่างเมามันส์ก็มีอันต้องหยุดชะงักลงทันทีโดยที่เจ้าชดและเจ้านวยยังไม่ทันได้เข้าไปห้ามทัพเลย
“ปล่อย! ไม่ต้องมาจับ”
อุ่นเรือนยังไม่วายแว้ดใส่เจ้าชดที่เข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น
“เออ ไม่จับก็ได้วะ คนมีน้ำใจจะช่วยดันมาว๊ากใส่กันซะนี่”
เจ้าชดต่อว่าออกไปตรงๆ ก่อนจะเดินออกไปนั่งมองอยู่ห่างๆ ปล่อยให้อุ่นเรือนลุกขึ้นมาจากพื้นเอง ผิดกับชบาที่มีอำนวยเข้าไปช่วยพยุงร่างให้ลุกขึ้น
“ขอบใจจ้ะพี่นวย ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ แค่หมาบ้ามันกัดเท่านั้นเองจ้ะ”
ชบาพูดขอบใจอำนวยที่เข้ามาช่วยพยุงร่างให้ลุกขึ้น พร้อมกับช่วยปัดฝุ่นตามเนื้อตัวให้อีกด้วย
“แกว่าฉันเป็นหมาเหรอนังชบา แก!!!”
อุ่นเรือนพูดพร้อมกับปรี่เข้าไปหาชบาอีกครั้ง แต่ก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงด่าที่ดังสวนขึ้นมาทันที
“เก่งนักนะเอ็งนังอุ่นเรือน เก่งๆ แบบนี้เดี๋ยวข้าจะได้ไปรายงานกับคุณอัศนีให้ไล่เอ็งออกไปให้พ้นๆ จากเกาะนี้ซะเลย”
“แม่!!! นี่ฉันลูกแม่นะ แม่ต้องเข้าข้างฉันสิ ฉันโดนนังชบามันตบก่อนนะ แทนที่แม่จะช่วยฉันเอาเรื่องไปฟ้องคุณอัศนีให้ไล่นังชบามันออก แม่กลับจะไปบอกให้คุณอัศนีมาไล่ฉันออกไปจากเกาะแทนซะนี่ นี่แม่เห็นฉันเป็นลูกอยู่หรือเปล่านี่”
อุ่นเรือนตัดพ้อนางอิ่มออกมาทันทีที่เห็นแม่ตัวเองไม่เคยเข้าข้างลูกคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ข้ารักความยุติธรรมโว้ย ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น และเพราะว่าเห็นเอ็งเป็นลูกน่ะสิถึงได้พยายามห้ามปรามอยู่นี่ไงเล่า คุณอัศนีน่ะเขาเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของเกาะที่นี่ พวกเราทุกคนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็มาทำงานกินเงินเดือนของคุณอัศนีเขาใช่ไหม แล้วทำไมจะต้องมานั่งทะเลาะกับไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ด้วยล่ะวะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากมีเรื่องหรอกนะป้าอิ่ม แต่นังอุ่นเรือนน่ะมันบ้า มันยังฝันละเมอเพ้อพกอยู่ตลอดว่าคุณอัศนีน่ะเขาจะเอามาทำเมีย ทั้งๆ ที่เขาน่ะไม่เคยชายตาแลมันเลยสักนิดเดียวน่ะ” ชบาไม่วายพูดแขวะ
“อ๊ายยย นังชบา! แก”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะนังอุ่นเรือน ฉันบอกให้แกหยุด”
อุ่นเรือนทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาชบา แต่ก็ถูกเสียงของนางอิ่มห้ามไว้ เจ้าตัวได้แต่ฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดอย่างขัดใจที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะเสียงของนางอิ่มที่ร้องห้ามนั้นดังและเข้ม แถมใบหน้ายังจ้องมองเขม็งมาที่ตนนั้นก็ทำให้เสียวสันหลังวาบได้เป็นอย่างดี ถ้าหากทำให้แม่โกรธขึ้นมาละก็มีหวังถูกจับส่งขึ้นฝั่งไปอยู่กับพ่อกับยายแน่ๆ อุ่นเรือนจริงจำต้องยอมจำนนทั้งๆ ที่อยากเข้าไปตบหน้าของชบาที่ยังพูดปากดีอยู่ใจแทบขาด
“ก็ได้ หยุดก็ได้ นี่เป็นเพราะแม่ขอหรอกนะฉันถึงยอมน่ะ”
นางอิ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมา สุดแสนจะระอากับพฤติกรรมของลูกสาว เรื่องงานการที่ได้รับมอบหมายอะไรมาอุ่นเรือนทำไมมีขาดตกบกพร่อง จะเสียอยู่ก็แต่เรื่องของคุณอัศนี ทำตัวเป็นหมาหวงก้างไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนเข้าใกล้ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ไปห้ามคุณอัศนีได้
แต่ก็ยังไม่วายทำตัวจุ้นจ้าน นี่ดีนะที่คุณอัศนีไม่เอาเรื่องเอาความเพราะเห็นอุ่นเรือนมาตั้งแต่ 10 ขวบ คิดเห็นเป็นลูกเป็นหลาน นางเองบอกสอนเท่าไหร่อุ่นเรือนก็ไม่ยอมจำ เฮ้อ! เมื่อไหร่มันจะเลิกหวังสักทีนะ นางอิ่มได้แต่คิดในใจ
“ไปๆ เอ็งสองคนไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวซะไป จะได้หาหยูกหายาทาแขนทาขากันซะ แล้วก็เลิกแล้วต่อกันซะด้วยล่ะ กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆ ไปๆ ถือซะว่าป้าขอก็แล้วกันนะชบา”
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะติดใจเอาความอะไรหรอกจ้ะป้าอิ่ม ยังไงป้าก็ช่วยๆ ปรามมันด้วยก็แล้วกัน อย่าให้มันฝันสูงนัก ตกลงมาน่ะมันเจ็บ”
พูดจบชบาก็เดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นทันที ก่อนจะหันกลับมายิ้มเย้ยให้กับอุ่นเรือนได้เจ็บใจเล่นอีกครั้ง
“หืม! นังชบา! ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ถ้ากูได้เป็นเมียคุณอัศนีเมื่อไหร่ละก็กูจะไล่มึงออกจากเกาะมาหยานี่ทันทีเลยเชียว มึงคอยดู!”
อุ่นเรือนกล่าวอาฆาต ก่อนจะสะบัดร่างเดินกลับไปที่ห้องของตนเหมือนกันบ้าง
นางอิ่มที่มองตามร่างของลูกสาวไปจนลับตาแล้วได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างหนักใจในตัวอุ่นเรือน ก่อนสลัดความหนักใจทั้งหมดนั้นทิ้งไป แล้วสั่งให้ลูกมือที่หั่นผักหั่นหมูอยู่ให้เร่งมือกันเพราะใกล้เวลาที่จะเปลี่ยนกะที่สองเข้ามาทุกทีแล้ว