ผมยาวสลวยปลิวสยายโต้กระแสลมแรงที่พัดผ่านด้วยแรงขับเคลื่อนของเรือสปีดโบ๊ทที่แล่นฝ่าคลื่นน้ำของท้องทะเลสีฟ้าใส และยังพัดเอาหยดน้ำตาที่ไหลรินของเนื้อแพรให้เหือดแห้งตามไปด้วย หญิงสาวนั่งนิ่งเงียบมาตลอดทาง ไม่มีสักคำถามใดได้หลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเลย แม้ความตั้งใจแรกนั้นอยากที่จะสักถามอะไรบางอย่างกับชายฉกรรจ์ทั้งสองก่อนจะขึ้นรถมา
แต่บัดนี้มันกลับหดหายไปจนหมดสิ้น หลงเหลือไว้เพียงแค่หยาดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาให้หญิงสาวได้เช็ดเกลี่ยเป็นระยะๆ เท่านั้น ร่างบอบบางสะดุ้งขึ้นเมื่อหนึ่งในสองชายชุดดำเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเนื้อแพรแล้วพูดขึ้นว่า
“อีกไม่นานก็จะถึงเกาะมาหยาแล้ว คุณก็จะได้พบกับเจ้านายของพวกเรา”
“อ้อ...ค่ะ”เนื้อแพรตอบสั้นๆ ก่อนจะตัดสินใจถามชื่อของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเพื่อที่จะได้เรียกชื่อของเขาได้ถูก
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”
เสียงหวานเอ่ยถามอย่างสุภาพและให้เกียรติ
“ฉันชื่อวิชัย”เสียงเข้มเอ่ยตอบพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก
“เธอล่ะชื่ออะไร แล้วอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ หน้าตาดูเด็กจัง”
“ฉันชื่อเนื้อแพรค่ะ อายุ 21 ปี”
“21 ปี อายุก็ยังน้อย ท่าทางก็นุ่มนิ่ม แต่ไม่น่าริอ่านเข้าบ่อนเลยนะเราน่ะ”
“เข้าบ่อน!”
เนื้อแพรทวนคำของวิชัยซ้ำทันทีที่เขาพูดจบ รู้สึกตกใจไม่น้อยกับข้อกล่าวหาของชายตรงหน้า ก่อนพูดแก้ต่างให้ตัวเองทันที
“ฉันหรือคะเข้าบ่อน ไม่! ไม่จริง! ฉันไม่เคยเข้าบ่อนเลยสักครั้งนะคะ เที่ยวกลางคืนฉันก็ยังไม่เคยไปเลยคะ”
หญิงสาวยืนยันเสียงหนักแน่น มองจ้องหน้าสบตากับวิชัยอย่างไม่ยอมหลบสายตา จนวิชัยเกิดสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
‘รู้สึกแปลกๆ ยังไงพิกลเสียแล้วสิ วิชัยเอ๋ย...นี่แกไปรับถูกคนหรือเปล่าวะเนี่ย แต่เราก็สอบถามแล้วนี่หว่าว่าเป็นน้องสาวของนายพีรยุทธใช่ไหม เจ้าตัวเองก็ตอบว่าใช่ แล้วมันจะรับมาผิดตัวได้ยังไงกันล่ะวะ แต่ลองถามใหม่ดีกว่า กันพลาด’นายวิชัยคิดในใจ
“ตกลงแล้วเธอเป็นน้องสาวของนายพีรยุทธจริงๆ หรือเปล่าล่ะ หรือว่าไม่ใช่แล้วมาแอบอ้าง” วิชัยถามแกมขู่เสียงเข้ม
“จริงสิคะ ฉันเป็นน้องสาวคนเล็กของคุณยุทธจริงๆ ค่ะ ฉันชื่อเนื้อแพร ทวีขจรไพศาลตามที่บอกคุณวิชัยไปแล้ว”
“น้องสาวคนเล็ก นี่เธอมีพี่สาวด้วยเหรอ”วิชัยรีบถามสวนกลับไปทันควัน
“ใช่ค่ะ แพรมีพี่สาวค่ะ”
วิชัยอยากจะกระโดดลงน้ำทะเลเสียเดี๋ยวนั้นทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ไม่เห็นคุณเลอสรรบอกกับเขาเลยว่านายพีรยุทธมีน้องสาวสองคน บอกแต่เพียงว่าให้มารับตัวน้องสาวของลูกหนี้รายนี้เพื่อเป็นการใช้หนี้แทนเงินที่ติดค้าง แต่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เพราะนามสกุลก็เหมือนกัน ยังไงซะผู้หญิงคนนี้ก็เป็นน้องสาวของนายพีรยุทธ จะรับคนไหนมาค่ามันก็เท่าเดิมอยู่แล้ว แต่ยังไงซะเขาก็ต้องกลับไปถามคุณเลอสรรให้ได้ว่าคนที่ให้ไปรับชื่อว่าอะไร ใช่ชื่อเนื้อแพรหรือเปล่า เพราะถ้าหากรับมาผิดเขาจะได้รีบพาไปส่งคืน ไม่งั้นเป็นเรื่องขึ้นมาแน่ๆ
วิชัยกวาดสายตามองรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่เลยทีเดียว ก่อนจะสรุปกับตัวเองในใจว่า ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาสะสวยมากทีเดียว สวยกว่าผู้หญิงทุกคนที่ถูกจัดมาเป็นเครื่องบรรณาการของคุณอัศนีซะอีก นึกๆ แล้วก็น่าเสียดายถ้าหากว่าเธอคนนี้เป็นคนดีและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขพวกนี้ แต่กลับต้องมาเป็นแพะรับใช้หนี้ให้กับคนอย่างนายพีรยุทธแทนซะอีก น่าสงสารที่ต้องเกิดมาเป็นน้องของคนเลวๆ แบบนี้ ดูๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารผู้หญิงคนนี้ยังไงไม่รู้ แล้ววิชัยก็ต้องหยุดความคิดทุกอย่างลงเมื่อเรือสปีดโบ๊ทได้นำพวกเขาทั้งสามมาส่งเทียบท่าทางเดินคอนกรีตที่ทอดยาวผ่านน้ำทะเลสีฟ้าใส ก่อนจะถูกเชื่อมต่อกับถนน
“เอ้า...ส่งมือมา”วิชัยกระโดดขึ้นมาบนท่าเทียบเรือก่อนเป็นคนแรก แล้วยื่นมือให้กับเนื้อแพรเพื่อให้หญิงสาวได้ใช้เป็นที่ยึดเพื่อให้มีแรงส่งตัวเองขึ้นมาบนฝั่งได้ เมื่อขึ้นมาบนฝั่งแล้วเนื้อแพรก็รีบถามวิชัยในสิ่งที่อยากรู้ทันที
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ...คุณพอจะทราบไหมคะว่าฉันจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อใช้หนี้ให้กับเจ้านายของคุณนานเท่าไหร่ และฉันมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
เนื้อแพรถามหนุ่มใหญ่ตรงหน้าออกไป เพื่อต้องการความชัดเจนของเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากที่รู้จากนางผกากรองมาแล้วว่าจะต้องมาใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้รายนี้ในฐานะอะไร
“จะนานเท่าไหร่ฉันเองก็ไม่สามารถบอกกับเธอได้หรอก เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับคุณอัศนีเท่านั้นที่จะบอกกับเธอได้ ส่วนฐานะของเธอถ้าอยากรู้ฉันจะบอกให้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะนางบำเรอของเจ้านายฉันที่เป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้น่ะสิ ยังอยากจะรู้อะไรอีกล่ะ รีบตามมาเร็วๆ เถอะน่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว”
ก่อนจะคว้าจับมือหญิงสาวเพื่อดึงร่างบอบบางให้ขึ้นมาจากเรือ แล้วเดินจ้ำอ้าวนำหน้าหญิงสาวไปทันทีจนเนื้อแพรต้องรีบวิ่งตามหลังวิชัยไปติดๆ ก่อนก้าวขึ้นไปนั่งยังรถออฟโรดล้อใหญ่ยักษ์ที่มาจอดรอรับพวกเขาอยู่นานแล้ว
“แล้วนี่เรากำลังจะไปที่ไหนกันต่อคะ”
เสียงหวานไม่วายถามอีก แล้วก็ได้ยินเสียงเข้มของวิชัยพูดบอกสถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายทางให้ได้ยิน
“ไปบ้านไม้ธารา”
ในเวลาต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!!
“เข้ามา” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยอนุญาต
วิชัยเปิดประตูเข้ามาในทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตให้เข้าไปได้ ก่อนจะโค้งให้อย่างนอบน้อมให้กับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนดูแฟ้มเอกสารอยู่ภายในมือ แล้วเงยหน้ามองสบตาวิชัยก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ พร้อมกับเอ่ยถามถึงงานที่ให้ไปจัดการ
“เรียบร้อยดีไหมวิชัย”
“เรียบร้อยครับ ไม่มีปัญหา แล้วคุณเลอสรรล่ะครับนาย”
วิชัยถามหาหุ้นส่วนอีกคนของเจ้านายอย่างร้อนใจขึ้นทันที หนุ่มใหญ่อยากถามข้อมูลบางอย่างของผู้หญิงที่ให้ไปรับมา อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
“ทำไมเหรอ? มีอะไรด่วนหรือเปล่า บอกฉันก็ได้นะวิชัย ตอนนี้เลอสรรคงจะไม่ว่างหรอก เพราะว่ากำลังส่งส่วยให้กับคู่ขารายใหม่ที่เกิดปิ๊งกันเมื่อช่วงบ่ายนี้เอง หรือว่างานที่ให้ไปทำมีปัญหาขึ้นมา”
เสียงห้าวทุ้มของเจ้านายเย็นเยียบขึ้นมาในทันที พร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่ลุกขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของวิชัย ทิ้งระยะห่างกันเพียงคืบเท่านั้น
“ผมขอโทษครับนาย คือผม...ผม...ผมไม่แน่ใจว่าไปรับมาถูกคนหรือเปล่า” วิชัยพูดเสียงตะกุกตะกัก
“แล้วทำไมถึงคิดว่าไปรับมาผิดคน” อัศนีถามกลับเสียงเรียบ
“ก็จากที่คุยในเรือครับนาย แต่ผมก็ถามย้ำแล้วนะครับว่าใช่น้องสาวของนายพีรยุทธหรือเปล่า เจ้าตัวก็บอกว่าใช่ บอกว่าเป็นน้องสาวคนเล็ก ผมก็เลยว่าจะมาถามเกี่ยวกับรายละเอียดของคนที่ให้ไปรับกับคุณเลอสรรซะหน่อยครับเจ้านาย”
“หึ หึ หึ จะกังวลไปทำไมกันล่ะวิชัย ในเมื่อเลอสรรให้ไปรับน้องสาวของนายพีรยุทธมาที่นี่เพื่อเป็นการชำระหนี้ให้กับฉัน จะน้องสาวคนโตหรือคนเล็กมันก็คือน้องสาวเหมือนกันแหละ อย่าไปซีเรียสกับมันมากนักเลย”
อัศนีพูดไปยิ้มไป ดวงตาสีสนิมวิบวับอย่างคนที่กำลังจะได้ของเล่นถูกใจ
“แต่นายครับ ผู้หญิงคนนั้นอาจไม่ใช่คนที่เราต้องการตัวนะครับนาย” วิชัยรีบท้วงขึ้นทันที
“แล้วยังไง ฉันจะเอาซะอย่างใครหน้าไหนมีปัญหามิทราบ”
เสียงห้าวทุ้มของอัศนีโวยขึ้นอย่างมีอารมณ์
วิชัยเองเมื่อเห็นเจ้านายเริ่มมีอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาจึงได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำหรือเอ่ยทักท้วงห้ามปรามใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าหากยิ่งพูดจะยิ่งเป็นการก่อสุมเชื้อไฟให้ลุกไหม้เหมือนไฟบรรลัยกัลป์ที่พร้อมจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ไปได้ในพริบตา
อัศนีเองก็เหมือนว่าจะรู้ตัวเมื่อเห็นวิชัยยืนสำรวมนิ่ง ไม่เอ่ยทักท้วงเขาอีก ดีกรีความร้อนแรงในอารมณ์ของชายหนุ่มจึงค่อยๆ ลดลงและกลับเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบออกมา แต่มันก็คือการสั่งงานนั่นเอง
“คืนนี้ฉันจะพัก ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน แต่ถ้าคืนนี้เลอสรรมาก็บอกให้รับช่วงต่อจากนายได้เลย”
“ครับนาย” วิชัยรับคำทันที
“ตอนนี้นายให้ผู้หญิงคนนั้นพักอยู่ที่ไหน” เจ้าของดวงตาสีสนิมเหล็กเอ่ยถาม
“ตอนนี้ผมให้พักอยู่ที่บ้านไม้ธาราครับ”
“แล้วอย่าลืมให้ใครจัดอาหารไปให้ด้วยล่ะ คืนนี้ฉันอาจจะไปดึกสักหน่อย คงต้องเคลียร์งานแฟ้มนี้ให้เสร็จซะก่อน นายเองก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ประมาณสามทุ่มค่อยกลับมาดูแลความเรียบร้อยที่บ่อนก็แล้วกัน”
พูดจบก็ยกมือโบกให้เป็นสัญญาณว่าให้ออกไปได้แล้วเพราะเขาจะทำงานต่อ
“ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยครับนาย”วิชัยบอกเจ้านายของเขาอย่างแข็งขัน
ในขณะเดียวกัน
บ้านไม้ธารา
“ที่นี่แหละที่พักของเธอ อยู่ได้ไหม”
“อ้อ ค่ะ อยู่ได้ค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ ฉันชื่อเนื้อแพรนะคะ เรียกแพรเฉยๆ ก็ได้ค่ะ แล้วพี่ชื่ออะไรหรือคะ”
หญิงสาวพนมมือไหว้อย่างสวยงามพร้อมกับเอ่ยถามอย่างอยากที่จะผูกมิตร จนกาหลงยกมือรับไหว้แทบจะไม่ทัน ด้วยคิดไม่ถึงว่านางบำเรอคนใหม่ที่เพิ่งมาถึงจะยกมือไหว้ขอบคุณกับคนงานธรรมดาอย่างเธอ
“ฉันชื่อกาหลง เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ แล้วนี่เธอหิวหรือยังล่ะ จะได้ให้ในครัวเขายกอาหารมาให้”
กาหลงเอ่ยถามออกไปอย่างนึกถูกชะตากับหญิงสาวตรงหน้าอยู่ไม่น้อย รูปร่างหน้าตาก็ช่างอรชรอ้อนแอ้น ดูไม่จองหองเหมือนคนก่อนๆ ที่ต้องมาใช้หนี้ให้กับคุณอัศนี ดูยังไงก็ไม่น่าที่จะเป็นพวกชอบเข้าบ่อนเล่นพนันไปได้ แต่ก็ไม่แน่ บางทีสิ่งที่เห็นอยู่นี่อาจเป็นการสร้างภาพให้ดูน่าสงสารก็เป็นได้
“ยังเลยค่ะ แต่ไม่ต้องให้ใครยกมาให้หรอกค่ะ เดี๋ยวฉันไปทานในครัวก็ได้”
“หูย ไม่ได้หรอก เธอเพิ่งมาใหม่ ยังไม่มีคำสั่งจากเจ้านายเธอจะออกไปไหนมาไหนข้างนอกไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจไหม” กาหลงเอ่ยสั่งเสียงเฉียบ
“อ้อ...ค่ะ แล้วที่นี่เป็นรีสอร์ทที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักอย่างนั้นเหรอคะ”
เนื้อแพรเอ่ยถามอย่างอยากรู้ เพื่อเธอจะได้ขอต่อรองทำงานอย่างอื่นแลกกับการใช้หนี้เป็นนางบำเรอให้กับเจ้าของเกาะแห่งนี้
กาหลงเองได้แต่กลอกตาไปมากับคำถามของหญิงสาวตรงหน้า นี่แน่ใจนะว่าเป็นผู้หญิงที่จะมาเอาตัวเองแลกกับหนี้ของเจ้านายเธอจริงๆ แล้วทำไมเหมือนกับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้บ้างเลยล่ะ ถ้าเป็นลูกค้าของเกาะจริงก็จะต้องรู้เรื่องว่าที่นี่เป็นสถานที่แสวงโชคที่ใหญ่ที่สุด มีลูกค้ามากหน้าหลายตาทั้งชายหญิง ถ้าเป็นผู้หญิงหากติดหนี้มากๆ เข้าแล้วไม่มีเงินจ่ายก็จะยอมเอาตัวเข้าแลก
บ้านไม้ธาราแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่เผด็จสวาทลูกหนี้ผู้หญิงของคุณอัศนีไปโดยปริยาย แล้วนี่มันอะไร อยู่ๆ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมาบอกว่าบนเกาะนี้เป็นรีสอร์ทไปซะได้ แต่จะว่าไปส่วนหนึ่งของที่นี่ก็เป็นรีสอร์ทจริงๆ นั่นแหละ ถึงจะมีไว้ให้นักเสี่ยงโชคจองพักก็ตามเถอะ แต่รายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากบ่อนกาสิโนเป็นหลัก ก่อนจะเอ่ยท้วงในความเข้าใจของหญิงสาวตรงหน้า
“เดี๋ยวๆ นี่เธอ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าบนเกาะนี้เขาทำมาหากินอะไรกัน อย่ามาอำกันเล่นหน่อยเลย เคยมาแล้วแท้ๆ ยังจะมาแกล้งถามกันได้” กาหลงพูดอย่างจับผิด
“ฉันไม่ได้แกล้งถามนะคะพี่กาหลง ฉันไม่รู้จริงๆ และฉันก็ยังไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้ง”
“ไม่เคยมาเลยสักครั้ง มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน” กาหลงพูดเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ
“จริงๆ ค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะมาใช้หนี้แทนพี่ชายและพี่สาวของฉันตามที่คุณท่านสั่งมา แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากที่จะขอเป็นทำงานแลกกับการที่จะต้องมาเป็นนางบำเรอให้กับเจ้าของเกาะแห่งนี้แทน”
เนื้อแพรยิ้มบางให้กับกาหลง ก่อนจะเปิดปากเล่ารายละเอียดบางอย่างให้กับหญิงสาวตรงหน้าฟัง เผื่อว่าจะพอมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง
“สรุปว่าเธอไม่เคยมาที่นี่ แต่คุณท่านอะไรของเธอน่ะส่งตัวให้มาใช้หนี้แทนพี่ชายกับพี่สาว และเธอเองก็รู้ว่าจะต้องมาใช้หนี้ด้วยวิธีไหนใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เฮ้ย! นี่มันซื่อ หรือว่ามันโง่กันวะเนี่ย สร้างเรื่องหลอกกันหรือเปล่าเธอน่ะ”กาหลงร้องออกมาเสียงหลงในสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าเฉลยออกมาให้ได้ยิน
“ไม่ซื่อ และก็ไม่โง่หรอกค่ะพี่กาหลง แล้วก็ไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาด้วยค่ะ แต่เรียกว่าเป็นการทดแทนบุญคุณน่าจะเหมาะกว่า”
เนื้อแพรเอ่ยบอกเสียงเรียบ ไม่มีความรู้สึกใดๆ ออกมากับน้ำเสียงที่กล่าวออกมาเลยสักนิด จนกาหลงเองก็ทำหน้าไม่ถูกเมื่อรับรู้เรื่องราวที่หญิงสาวบอกเล่าให้ฟัง
“เอาๆ จะมาด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่นะ พี่ก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก เพราะคนที่จะตัดสินใจทุกอย่างได้ก็คือคุณอัศนี เจ้าของเกาะมาหยาที่นี่เท่านั้น ก็ขอให้เธอโชคดีก็แล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวจะให้ใครยกอาหารมาให้ก็แล้วกัน อ้อ อย่าลืมที่บอกล่ะว่าห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากคุณอัศนีน่ะ”
กาหลงไม่วายกำชับย้ำอีกครั้ง ก่อนเดินออกไปจากบ้านไม้ธารา ทิ้งให้เนื้อแพรเดินสำรวจภายในห้องนอนนั้นเพียงลำพัง
บ้านไม้ธาราหลังนี้ปลูกสร้างโดยยกพื้นสูงขึ้นมาเพียงเล็กน้อย มีบันไดทางขึ้นเพียงสามขั้น มีระเบียงยื่นออกมาหันหน้าเข้าหาทะเลสีฟ้าใสเพื่อให้ได้รับลม ภายในห้องถูกจัดเรียงด้วยโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เตียงนอนขนาดคิงส์ไซส์ และมีห้องน้ำในตัวอยู่ภายในเสร็จสรรพ แถมติดแอร์เอาไว้ให้พร้อม ก่อนจะเปิดประตูออกมาด้านนอกเพื่อออกมายืนรับลมทะเลในยามเย็น
เวลานี้ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ลำแสงสีทองใกล้จะจากลาไป เพื่อที่จะให้ดวงจันทร์ในยามค่ำคืนได้ปรากฏแสงสีนวลแห่งราตรีขึ้นมาแทนที่ ไม่นานแสงไฟตามทางเดินก็ถูกเปิดขึ้นเพื่อให้ตลอดทางเดินที่ทอดมายังที่พักของเนื้อแพรนั้นมองเห็นได้อย่างสะดวก หญิงสาวมองทอดไปยังทะเลเบื้องหน้า มันช่างหดหู่ยิ่งนัก เมื่อเวลาที่หญิงสาวจะต้องก้าวขึ้นสู่แดนประหารนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ
ร่างบอบบางขยับเคลื่อนหันจะกลับเข้าภายในบ้าน ก็เป็นเวลาเดียวกับที่มีใครคนหนึ่งเดินถือถาดอาหารมุ่งตรงมายังบ้านที่หญิงสาวพักอยู่ และเสียงเรียกชื่อเธอที่เอ่ยออกมาก็ทำให้ใบหน้าหวานนั้นมีรอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้น
“เนื้อแพร”วิชัยเอ่ยเรียกหญิงสาวขึ้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้
“ฉันเอาข้าวมาให้”
“ขอบคุณ...คุณวิชัยมากนะคะที่กรุณา คราวหน้าไม่ต้องนะคะ เดี๋ยวแพรจะขออนุญาตเจ้านายของคุณวิชัยไปทานในครัวเองค่ะ”
เนื้อแพรเอ่ยบอกเสียงหวาน แต่กับวิชัยนั้นถึงกับทำหน้าเหวอ เพราะไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้หญิงสาวจะมีแรงลุกไปทานที่ครัวอย่างที่ตั้งใจไว้ได้หรือเปล่า
“อะ...เอ่อ...ก็แล้วแต่นะ ฉันก็แค่แวะมาดูความเรียบร้อย นี่ก็ว่าจะไปพักเหมือนกัน แล้วอย่าลืมกินข้าวล่ะ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน ฉันไปก่อนนะ”
พูดจบก็เดินกลับหลังลงบันไดไปทันที พลางนึกในใจว่า ‘ก็ขอให้เธอโชคดีก็แล้วกันนะเนื้อแพร ขอให้คุณอัศนีเมตตาเธอมากๆ ก็แล้วกัน’
“ขอบคุณคุณวิชัยอีกครั้งนะคะ”
เนื้อแพรตะโกนขอบคุณไล่หลังวิชัยตามไปอีกครั้ง มีเพียงการยกมือโบกไปมาของวิชัยเป็นสัญญาณให้หญิงสาวได้เห็นเท่านั้น ก่อนที่เนื้อแพรจะนั่งลงจัดการกับอาหารที่หนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์หน้าตาท่าทางน่ากลัวแต่ภายนอก แต่ภายในนั้นกลับดูเป็นคนที่มีจิตใจดีนั้นยกมาให้
“ข้าวผัดกุ้ง นี่คืออาหารมื้อแรกของเธอนะเนื้อแพร รับกินซะ เธอจะได้มีแรงสู้กับทุกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายอย่างไร เธอจะต้องรับให้ได้นะ จำเอาไว้”หญิงสาวพูดกับตัวเองอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะลงมือจัดการกับข้าวผัดกุ้งรสชาติแสนอร่อยในทันที