บทที่ 4

1128 คำ
บทที่ 2 ณ สนามบินคาตาเนียบนเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี นาราภัทรถอนหายใจยาว เมื่อลงจากเครื่องบินมาเหยียบแผ่นดินของเกาะซิซิลีได้ในที่สุด ในตอนแรกนั้นเธอคิดว่าต้องไปพบกับคู่หมั้นของพี่สาวที่มิลาน หรือที่ไหนสักแห่งของเมืองใหญ่ๆ ในประเทศอิตาลี หญิงสาวไม่นึกว่าจะต้องเดินทางมายังเกาะซิซิลี ซึ่งเธอแทบจะไม่รู้จักเอาซะเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมายังที่แห่งนี้ “พี่เพิร์ลไปเรียนที่มิลาน แต่ทำไมถึงรู้จักและหมั้นกับนายคนนี้ได้นะ” นาราภัทรบ่นกับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าจะต้องถ่อสังขารนั่งเครื่องบินจากประเทศไทยนานนับสิบๆ ชั่วโมงมาไกลถึงที่นี่ และนอกจากจะต้องทรมานกับการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานๆ แล้ว ก่อนจะเดินทางมายังเกาะซิซิลี เธอถูกผู้อำนวยการโรงเรียนตำหนิจนหูชา ที่จู่ๆ ก็ลางานอย่างกะทันหัน ‘พอไปถึงสนามบินคาตาเนียแล้ว นาราเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ ซึ่งแท็กซี่ทุกคันรู้จักที่นี่ดี’ นาราภัทรนึกถึงคำพูดของพี่สาวที่บอกกับเธอเมื่อตอนมาส่งขึ้นเครื่องบิน หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อม ตรงไปยังจุดเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งมีนับสิบๆ คันรอให้บริการ หญิงสาวเลือกเดินทางไปยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์เป็นอันดับแรก แทนการหาโรงแรมที่พัก เผื่อว่าหากการทำหน้าที่ส่งจดหมายและแหวนหมั้นเป็นไปอย่างราบรื่น นายริคคาร์โด้ยอมรับฟังเหตุผลและรับแหวนหมั้นคืนอย่างง่ายดาย เธอก็จะได้เดินทางกลับมายังสนามบินคาตาเนีย และบินกลับประเทศไทยทันที “อัลซาโค้ร์...คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ หวังว่าเราจะออกเสียงถูกต้อง และแท็กซี่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้นะ” เจ้าของใบหน้างดงามบอกกับตนเอง ขณะเดินตรงไปยังแท็กซี่คันแรกที่มีคิวรับลูกค้ารายต่อไปคือเธอ พร้อมกับออกเสียงเรียกชื่อคฤหาสน์แห่งนี้ “อัลซาโค้ร์ ไปคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ด้วยค่ะ” นาราภัทรบอกกับคนขับแท็กซี่ จากนั้นก็เปิดประตูรถ และกำลังจะเข้าไปนั่งด้านหลังรถ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำปฏิเสธห้วนๆ จากคนขับ “ไม่ไป” ร่างบางชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ ก่อนจะหันมาถามแท็กซี่อย่างงุนงง “อะไรนะคะ ไม่ไปหรือคะ” “ใช่ ไม่ไป” คนขับแท็กซี่ตอบเสียงห้วนๆ อีกครั้ง นาราภัทรไม่แน่ใจว่าเธอออกสำเนียงเรียกชื่อคฤหาสน์ที่ว่าด้วยสำเนียงผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า แท็กซี่คันนี้จึงไม่ยอมไปส่งเธอ เพราะเท่าที่ทราบมา แท็กซี่ในต่างประเทศไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผู้โดยสาร “ฉันจะไปที่คฤหาสน์ อัล...ซาโค้ร์ ของริคคาร์โด้ ไปส่งฉันที่นี่ด้วยค่ะ” คราวนี้นาราภัทรออกเสียงเรียกชื่อคฤหาสน์และชื่อเจ้าของคฤหาสน์อย่างช้าๆ และเน้นคำ เผื่อว่าคนขับจะฟังออกได้อย่างชัดเจน และขณะเรียกชื่อของเจ้าของคฤหาสน์ หญิงสาวไม่ได้สังเกตเลยว่าคนขับแท็กซี่มีสีหน้าถอดสี เผยอาการหวาดกลัวให้เห็น “ไม่ไป ได้ยินไหมว่าไม่ไป” เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับนาราภัทร ไม่ใช่แค่ปฏิเสธแต่ปากเท่านั้น เขายังเดินหนีไปรับผู้โดยสารคนอื่นแทนด้วย “บ้าจริงๆ แท็กซี่ที่นี่ปฏิเสธผู้โดยสารได้ด้วยหรือ” ถ้าอยู่ในประเทศไทย นาราภัทรเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่นึกว่าจะถูกแท็กซี่ที่นี่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร “ไม่ไปส่ง ก็ไม่ง้อ” นาราภัทรสะบัดหน้าใส่คนขับ ก่อนจะเดินไปหาคันอื่นแทน ทว่าพอเดินไปถึงแท็กซี่คันที่อยู่ถัดไป หญิงสาวไม่ทันได้บอกว่าให้ไปส่งที่ไหน ก็ถูกปฏิเสธในทันที   “อัลซาโค้ร์ ผมไม่ไป” คนขับอีกคันซึ่งได้ยินนาราภัทรคุยกับแท็กซี่คันแรก ชิงปฏิเสธก่อนที่ผู้โดยสารสาวจะบอกให้ไปส่งยังที่หมาย “อะไรกัน ทำไมถึงปฏิเสธผู้โดยสารอีกแล้ว” นาราภัทรเริ่มบ่นด้วยความโมโห ใบหน้างดงามบูดบึ้งทันที เมื่อแท็กซี่คันที่สองไม่ยอมไปส่งยังที่หมาย นาราภัทรก็ลากกระเป๋าไปหาแท็กซี่คันต่อไป แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมไปส่งเธอยังคฤหาสน์...อัลซาโค้ร์ ทั้งหิว ทั้งเหนื่อยจากการนั่งเครื่องนานเป็นสิบๆ ชั่วโมง คิดว่าจะได้เดินทางต่อไปยังคฤหาสน์ของผู้ชายที่ชื่อริคคาร์โด้ง่ายๆ แต่พอถูกปฏิเสธคันแล้วคันเล่า นาราภัทรก็เริ่มหงุดหงิดระคนอารมณ์เสีย “บ้าจริงๆ ทำไมไม่มีใครไปส่งที่บ้านของนายริคคาโด้ร์ ไอ้คฤหาสน์อัลซาโค้ร์ มันเป็นคฤหาสน์ผีสิงหรือยังไง ถึงไม่มีมนุษย์หน้าไหนไปส่งฉัน” และคำบ่นแกมพรุสวาทของนาราภัทร ก็ทำให้ผู้ชายหล่อเหลาในชุดสูทสีดำสนิท ใส่แว่นตาดำ ซึ่งยืนเฝ้ามองเธออยู่นานแล้ว ตั้งแต่ได้ยินว่าให้แท็กซี่ไปส่งยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์ ถึงกับหัวเราะฮึๆ อยู่ในลำคอด้วยความขบขำที่หญิงสาวเข้าใจตั้งฉายาให้กับคฤหาสน์ราคาร้อยล้านของตระกูลอัลซาโค้ร์ ว่าเป็นคฤหาสน์ผีสิง! เสียงหัวเราะที่ดังอยู่ข้างหลัง เรียกให้นาราภัทรหันขวับไปมองในทันที เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเยาะหยันเธออย่างแน่นอน จึงตวาดแว้ดใส่อย่างไม่นึกเกรงกลัว “หัวเราะอะไรไม่ทราบ” มาคอส อัลซาโค้ร์ ยักไหล่ ทำหน้ายียวนใส่หญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะตอบกวนๆ ด้วยน้ำเสียงยียวนกลับไป “ก็หัวเราะคุณ ที่ไม่มีใครยอมไปส่งยังคฤหาสน์อัลซาโค้ร์” “มันน่าหัวเราะตรงไหน กับอีแค่ไม่มีใครยอมไปส่งที่คฤหาสน์ผีสิงนั่น” มาคอสแทบสำลักกับคำพูดในตอนท้ายของหญิงสาว ที่บังอาจเรียกคฤหาสน์ของตระกูลอย่างเสียหาย แต่ถึงแม้หญิงสาวนัยน์ตากลมโตจะเรียกคฤหาสน์ของตระกูลอัลซาโค้ร์ว่าอย่างไร เขาก็ไม่นึกโกรธ เพราะกำลังให้ความสนใจและอยากรู้ว่าหญิงสาวคนนี้จะไปที่คฤหาสน์ของพวกเขาทำไม และเพราะได้ยินเธอผู้นี้พูดถึงการเดินทางไปยังคฤหาสน์ ทำให้เขาต้องอยู่เฝ้าดูด้วยความสนใจ “จริงๆ ก็ไม่น่าหัวเราะสักเท่าไรหรอก ที่ไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมไปส่งคุณ จะว่าไปผมสงสารคุณซะมากกว่า เพราะเท่าที่ผมยืนดูอยู่ รู้สึกว่าคุณจะเรียกแท็กซี่สิบคันได้แล้วมั้ง” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม