บทที่ 5
ปากอิ่มสีระเรื่อของคัทลียาอยู่ใกล้มาก เนื้อตัวของเธอก็กำลังเสียดสีอยู่กับแขนของเขา แววตาคู่สวยไม่ได้แค่ฉายประกายของความสำนึกผิดแต่ยังมีอะไรบางอย่างระยิบระยับอยู่ภายในนั้น
“พักผ่อนสักนิด อย่าเคลื่อนไหวมากเดี๋ยวก็จะดีขึ้น”
ไกรสูรย์รีบตัดบทและเลื่อนมือออกจากข้อเท้าของหญิงสาว ร่างสูงลุกขึ้นยืนแม้รู้สึกเสียดายและยังได้กลิ่นหอมอวลไอของเนื้อสาว เขาเดินออกไปยืนหน้ากระท่อมกับความรู้สึกรุ่มร้อนที่เริ่มปะทุขึ้นในใจ
คัทลียามองตามคุณอาหนุ่มของเธอด้วยแววตาเป็นประกาย เมื่อครู่เธอรู้สึกว่าไกรสูรย์ตัวสั่นเล็กน้อย ซึ่งไม่ต่างจากเธอ มีบางอย่างคุกรุ่นอยู่ภายในใจของเด็กสาววัยย่างสิบเก้า บางอย่างที่กำลังเรียกร้องโหยหา
เธอนั่งอยู่บนผืนผ้าใบที่ไกรสูรย์ปูรองบนพื้นไว้ให้เป็นเวลานานนับชั่วโมงโดยไม่ยอมล้มตัวลงนอนทั้งที่ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมากกว่าก่อนมาถึงกระท่อมนี่
คัทลียาชะเง้อมองไปนอกประตูที่ทำไว้อย่างหยาบ ๆ ซึ่งเปิดอ้าอยู่ก่อนตัดสินในที่สุดเดินกะเผลกออกไปก็พบว่าไกรสูรย์ยืนกอดอกพิงฝาใกล้กับแคร่ไม้อยู่ที่ข้างนอกนั่น
“คุณอาไกรสูรย์ไม่ง่วงหรือคะ?”
หญิงสาวถามขึ้น เสียงของเธอทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยแววตาบอกความประหลาดใจเช่นกัน
“ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ หนูนิด...แล้วนั่นหายเจ็บเท้าแล้วหรือถึงเดินออกมาข้างนอกได้”
คัทลียายิ้มให้เขาแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ใกล้มากจนอาหนุ่มของเธอรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาทั้งที่อากาศหนาว
“หนูนิดเป็นห่วงคุณอาไกรสูรย์นี่คะ หนูนิดอยากขอโทษคุณอาค่ะที่ทำให้ต้องวุ่นวายแบบนี้”
เด็กสาววางฝ่ามืออุ่นลงบนแขนของเขา เหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นวาบเข้าจับความรู้สึกที่แอบซ่อนในส่วนลึก ไกรสูรย์แทบไม่อยากหันไปสบนัยน์ตาหวานคู่นั้นแม้แต่น้อย เพราะมันจะทำให้เสียสมาธิ แต่แล้วเขาก็ต้องเสียความตั้งใจเมื่อเด็กในปกครองขยับมายืนตรงหน้าและยื่นดวงหน้าหวานเข้าไปใกล้เขา
“คุณอา...ยังโกรธหนูนิดอยู่หรือเปล่าคะ?”
เธอถามเสียงหวานและยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ไม่ใช่แค่หัวใจของไกรสูรย์ที่เต้นรัวเร็ว แม้แต่คัทลียาก็ยังรู้สึกว่ายืนได้ไม่มั่นคง เธอตื่นเต้นเวลาอยู่ใกล้คุณอาหนุ่ม และยิ่งได้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นชัด ๆ ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านสุดระงับ เธออยากรู้ว่ารสชาติของริมฝีปากหยักหนาบนหน้าคร้ามเข้มนั้นจะหวานสักปานไหน
“คุณอาไกรสูรย์คงยังโกรธหนูนิดใช่ไหมคะ ถึงได้ไม่ยอมมองหน้าหนูนิดเลย คุณอาคงรังเกียจใช่ไหมคะที่หนูนิดมาอยู่ที่นี่”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นนะหนูนิด”
คราวนี้เขาจ้องหน้าเด็กสาวตรง ๆ พลางคลายแขนที่กอดไว้กับอกลงและเผลอจับไหล่บางของเธอไว้แน่น ร่างกายของเขาเหมือนมีไฟร้อนปะทุอยู่ข้างใน
นอกจากบรรยากาศท่ามกลางป่าเขาที่เป็นใจให้ต้องมาเผชิญหน้ากับคัทลียาเด็กสาววัยสิบเก้าซึ่งเธอเป็นสาวสะพรั่งในระยะชิดใกล้อย่างนี้ก็ยังมีความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นความคิดของเขาให้ร้อนร่มอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าอย่างนั้นบอกหนูนิดมาซีคะ ว่าทำไมคุณอาไกรสูรย์ต้องทำหน้าตาบึ้งตึงเวลาเห็นหน้าเวลาพูดคุยกับหนูนิดด้วย มันทำให้หนูนิดคิดว่า...”
“แล้วเธออยากให้ฉันทำหน้ายังไง”
เขาแทรกขึ้นและสบนัยน์ตาเป็นประกายกับตาคู่สวยบนดวงหน้าแสนหวาน ไกรสูรย์ยอมรับว่าเขากำลังทรมานกับความพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ความคิดเตลิดไปไกลเวลาอยู่ใกล้เด็กในปกครองของเขา แต่ก็ดูเหมือนมันยากลำบากขึ้นทุกทีเมื่อคัทลียาเบียดร่างกายอันกลมกลึงนั้นเข้ามาแนบชิด เธอยิ้มกับเขา เป็นรอยยิ้มอันเจิดจรัสของเด็กสาวในวัยที่ทุกอย่างอิ่มเอมและเปล่งปลั่ง
“ยิ้มกับหนูนิดสักนิดสิคะ...หนูนิดอยากเห็นคุณอาไกรสูรย์ยิ้ม”
ชายหนุ่มเหมือนช็อคโกแล็ตที่ถูกความร้อนจนเริ่มหลอมละลาย รอยยิ้มพิมพ์ใจของคัทลียาใช่แต่ตะทำให้เขาหวั่นไหว แต่มันยังดูเชิญชวนเมื่อเธอเผยอเรียวปากจิ้มลิ้ม แต่แล้วเขาก็ตัดบทเสียดื้อ ๆ
“ไปพักผ่อนเถอะหนูนิด พรุ่งนี้เราจะได้ออกจากป่านี่แต่เช้า”
คำพูดของเขาทำให้เรียวปากอิ่มบนใบหน้าหวานราบเรียบลง คัทลียารู้สึกน้อยใจเล็ก ๆ เธอทำท่าจะผละออกจากตัวเขาแต่แล้วร่างน้อยกลับถูกช้อนไว้ในอ้อมแขนของคนตัวโต
“อุ๊ย!...คุณอาคะ”
“ฉันจะพาเธอไปนอนยังไงล่ะ”
เขากล่าว พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นพร่าขณะโอบอุ้มร่างอ้อนแอ้นกลับเข้าไปในกระท่อม ปิดประตูที่ทำอย่างหยาบ ๆ และพาคัทลียาไปวางบนผืนผ้าใบที่เขาปูไว้ข้าง ๆ กองไฟที่ควันของมันลอยล่องออกไปทางช่องไม้ด้านบน แต่เมื่อไกรสูรย์ทำท่าจะปล่อยมือ หญิงสาวกลับกอดเกี่ยวคอเขาไว้ด้วยแขนเรียว
“คุณอาไกรสูรย์คะ...ถามจริง ๆ เถอะค่ะ คุณอารังเกียจหนูนิดใช่ไหมคะ?”
คนถูกถามอย่างคาดคั้นมองหน้าสวยที่ดวงตาคู่นั้นรื้นน้ำขึ้นมา ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจของเขาก็ยิ่งไหวหวั่น ไกรสูรย์ไม่ยอมตอบคำถามนั้นแต่กลับก้มหน้าลงไปหาและประกบริมฝีปากหยักหนาปิดเรียวปากจิ้มลิ้มที่เจ้าของมีอาการตระหนก
คัทลียาไม่อยากเชื่อว่าคนที่ไม่ค่อยพูดจาอย่างไกรสูรย์จะจูบเธออย่างดูดดื่มและนี่คือจูบแรกของเด็กสาวที่ไม่เคยพานพบเรื่องแบบนี้มาก่อน จากความตระหนกตื่นกลับกลายเป็นความตื่นเต้นและวาบหวามรันจวนใจ ร่างกาย ของคัทลียาเหมือนถูกสุมด้วยเปลวร้อนเมื่อปากและลิ้นของเธอถูกรุกรานจากชายหนุ่มที่เธอเรียกเขาตามฐานะของผู้ปกครองตามเจตจำนงของมารดาว่า คุณอา