รถคันหรูสีดำเงาวับจอดที่หน้าร้านอาหารในเวลาหกโมงเย็น วันนี้คนค่อนข้างคึกคักและแทบทุกโต๊ะมีเครื่องดื่มมึมเมาค่อนข้างเยอะ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าวันนี้เงินเดือนหลายคนออก อีกส่วนอาจจะเพราะว่าอยู่ในที่ทำเลดีมากเพราะที่นี่ยู่ใกล้กับที่นี่มีออฟฟิศสำนักงานหลายแห่ง หอพักก็ค่อนข้างเยอะมาก ห่างออกไปอีกนิดคือมหาวิทยาลัยชื่อดัง ใบหน้าหล่อทอดสายตามองเงียบๆอยู่เกือบห้านาทีถึงเปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหาร เลือกโต๊ะนั่งมุมดีๆก่อนจะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดู
“รับอะไรดีคะเสี่ยโชค?”
“ว่างไหม?”
“ไม่ว่างค่ะ วันนี้คนเยอะมาก”
“ร้านปิดห้าทุ่มนี่ ออกไปดื่มกันไหม?”
“เสี่ยมาอารมณ์ไหนเนี่ย?”
“สรุปว่างไหม?”
“ไม่ว่างค่ะ”
“โอเค เสี่ยจะได้ชวนเด็กคนอื่นแทน”
“เรื่องนี้เพลาๆมั้งเถอะ หนูกลัวเสี่ยโชคจะติดโรคตายก่อน”
“ปากเสีย!”
“สรุปเอาอะไรคะ?”
“วีนัส”
“คะ?”
“มีแฟนรึยัง?”
“ยังไม่มีค่ะ เสี่ยจะรับอะไรคะ เดี๋ยวหนูต้องไปรับเมนูโต๊ะอื่นต่อนะ”
“เอาข้าวสวย ต้นแซ่บกระดูกอ่อนแล้วก็ผัดฉ่าทะเล”
“แค่นี้ใช่ไหมคะ?”
“เบียร์ด้วย”
“งั้นเสี่ยรอสักครู่นะคะ”
“วีนัสเดี๋ยวก่อน”
“อะไรอีกคะ?”
“มานั่งกินด้วยกันสิ วันนี้เสี่ยมาคนเดียวแล้วน่าจะกินไม่หมดหรอก”
“แล้วทำไมไม่โทรชวนเด็กๆของเสี่ยมากินด้วยล่ะคะ?”
“มีที่ไหนเล่า!”
“เอาไว้ถ้าว่างจะมานั่งกินเป็นเพื่อนค่ะ แต่ไม่ช่วยจ่ายค่าข้าวหรอกนะ หนูไม่มีเงิน”
“งั้นเอาข้าวสวยมาสองจานเลย แล้วหนูอยากกินอะไรเพิ่มไหม?”
“อืม…ไม่ดีกว่าค่ะ แค่นี้ก็จะกินไม่หมดแล้ว”
“เอาเมนูไปส่งแล้วมานั่งนี่สิ เสี่ยมีเรื่องต้องคุยด้วยเยอะ”
“เรื่องอะไรคะ?”
“ตั้งแต่เข้ามหาลัยหนูหายหน้าหายตาไปเลยไง”
“หนูก็ไปเรียนไหมล่ะ!”
“วีนัส”
“อะไรอีกคะเสี่ยโชค! หนูจะเอาเมนูไปส่งให้แม่ครัวเนี่ย เสี่ยจะกินข้าวไหม หรือเสี่ยจะเอาอะไรอีกก็รีบสั่งมาสิ เสี่ยมัวแต่พูดไปเรื่อยมันเสียเวลาทำงานของหนูนะ!”
“เสี่ยว่ากระโปรงมันสั้น!”
“หนูจะใส่บิกินี่มาเสิร์ฟอาหารมันก็เรื่องของหนูค่ะ นั่งรออยู่นี่แหละเดี๋ยวเอาเมนูไปส่งแล้วจะมานั่งให้เสี่ยโชคสัมภาษณ์จนร้านปิดเลย”
“ถ้าห้านาทียังไม่มาเสี่ยจะเดินไปตาม”
“บ้า!”
“เสี่ยพูดจริงๆ”
“หนูว่าวันนี้เสี่ยมาแปลก กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่าเนี่ย?”
“พูดมาก!”
“เอ้า! ทีเสี่ยชวนคุยตั้งนานหนูยังไม่ว่าอะไรเลย”
“รีบไปได้แล้วเสี่ยหิวข้าว”
“โอเค”
“แล้วรีบมาด้วยล่ะ! เสี่ยอยากกินต้มแซ่บกระดูกอ่อนแล้ว มันน่าจะอร่อยถึงใจดี”
“กระดูกติดคอตายเมื่อไรจะสมน้ำหน้าให้!”
โชคนั่งรอไม่นานวีนัสก็เดินมานั่งด้วยพร้อมกับเบียร์เย็นๆชื่นใจ เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เธอเรียนอยู่มัธยมปลายได้แล้วมั้ง พอพี่สาวแต่งงานเธอก็ไปเช่าคอนโดอยู่คนเดียวตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป ร้านอาหารนี้มีพี่สาวของเธอเป็นเจ้าของนั่นเลยทำให้เราได้เจอกันตลอดเพราะเขาเป็นลูกค้าคนแรกๆที่มาอุดหนุน จนมาถึงตอนนี้ที่เป็นลูกค้าประจำที่มากินแทบทุกวัน
ตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มไม่เห็น
รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่เด็กปากแจ๋วหายไป
“เสี่ยมีอะไรก็พูดก็ถามมาเลย”
“แค่กินเบียร์จำเป็นต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ไหม?”
“ก็เมื่อกี้เสี่ยโชคกวนอะ!”
“แล้วนี่กระโปรงมันจะสั้นเกินไปไหม เสื้อก็ไม่รู้ว่าจะใส่รัดรูปไปไหน”
“ไปหาผู้ชายแถวนี้มั้ง”
“แรด!”
“พูดเล่น!”
“พรุ่งนี้ไปเรียนกี่โมง เสี่ยมาแถวนี้พอดีไปกินข้าวกันไหม?”
“ไม่ว่างหรอก”
“ก็ไม่เป็นอะไร เสี่ยมากับเด็กพอดีเลยอยากให้เด็กมีเพื่อนคุยเฉยๆเลยชวนหนู แล้วเรียนมาตั้งสองปีแล้วหาแฟนได้รึยัง หรือว่าจนป่านนี้แล้วยังไม่มีใครเอา?”
“เห็นแบบนี้ก็มีคนมาจีบอยู่นะ”
“ใครจีบ!?”
“ก็…รุ่นพี่ไง เสี่ยเป็นอะไรเนี่ยทำไมต้องโมโหด้วย”
“เปล่า! แค่อยู่ดีๆก็นึกถึงขโมยน่ะ มันชอบมาตอนเจ้าของเผลอตลอด”
“ติดกล้องวงจรเลยแล้วแจ้งตำรวจจับมันเลย”
“เสี่ยจะเล่นงานมันเองดีกว่า”
“โหดอะ!”
“สรุปคือยังไม่มีแฟนที่แปลว่ายังไม่เอาใครใช่ไหม?”
“อื้ม หนูโสดและสวยมาก”
“หลงตัวเอง!”
“เสี่ยอย่ามาหลงคนอย่างหนูแล้วกัน! บอกไว้เลยนะว่าหนูจะสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดตัวแน่”
“เสี่ยรวยพอแล้วไม่โง่รักเด็กหน้าตาขี้เหร่แบบหนูหรอก”
“ชิ! แก่แล้วตาถั่วก็งี้แหละ”
“เดาว่าคนที่มาจีบวีนัสคงจะตาบอดมากกว่า หรือไม่ก็ดวงตกมากแน่ๆถึงมาชอบคนอย่างหนูได้เนี่ย!”
“ดวงตกบ้าอะไรเล่า! ต้องเป็นคนที่โชคดีมากเท่านั้นแหละที่จะได้หนูเป็นเมีย!”
“ใครเขาจะเอาเด็กกะโปโลมาเป็นเมียกัน!”
“ปากเสียที่สุด!”
นี่ป็นการกินข้าวเย็นที่รู้สึกว่าอร่อยดีทั้งที่ไม่ค่อยมีคำพูดดีๆเท่าไร ยัยเด็กปากดีคุยจ้อไปเรื่อยเหมือนผีเจาะปากมาพูดแต่ก็แปลกที่ทำให้รู้สึกว่าเรื่องเครียดทั้งหมดหายไป แต่มันก็มีบางเรื่องที่ทำให้คิ้วกระตุกบ่อยๆนั่นคือมีคนมาจีบวีนัสนี่สิ
พวกนั้นมันตาบอดรึไงถึงมาจีบเธอ
ไอ้พวกไม่มีสมอง