ตอนที่ 1
นักรบสายมู
ภายในตำหนัก สำนักงาน สถานที่ทำการ หรือบ้านไม้โบราณก็ตามแต่จะเรียกกัน ในตอนนี้แลเห็นชายในชุดดูภูมิฐานผู้นั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งไม้กลางบ้านทรงไทยหลังนี้ กำลังขีดเขียนบางอย่างลงบนกระดานดำแผ่นเล็กในมือ เขามองมันสลับกับนับนิ้วไปมาอยู่แบบนั้นนานหลายนาที โดยมีหญิงวัยกลางคนผู้เปรียบเหมือนตู้ทองเคลื่อนที่กำลังนั่งรอฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับผู้คนจำนวนหนึ่ง
"ฤกษ์ยามที่เอ็งต้องการ เร็วสุดก็วันที่เก้า อีกสามเดือนข้างหน้า นากจากนี้ก็ไม่มีแล้ว ต้องรออีกทีปีหน้านู้นล่ะ"
"อีกตั้งสามเดือนเลยรึอาจารย์ ช่วยเคลียร์คิวขยับมาเป็นเดือนหน้าไม่ได้เหรอเจ้าคะ"
"บ๊ะ! นี่มันฤกษ์ยามนะเว้ย ไม่ใช่คิวงาน หรือต่อแถวซื้อของจะได้ขยับเปลี่ยนกันได้" สาวคนฟังหน้ามุ่ยลงทันทีโดยที่มิวายยังอ้อมแอ้มเถียงกลับไปอีก
"โธ่ ก็ฉันใจร้อนนี่จ๊ะ อยากจะถึงวันแต่งเร็วๆ นี่ รอมาตั้งนานแล้ว"
"เฮ้อ แล้วเอ็งจะไปทุกข์ใจไปทำไมว่ะ มันก็แค่ฤกษ์ยามที่เอ็งจะเอาไว้ประกาศบอกคนอื่นเขาเท่านั้นว่าตัวจะมีผัว ขี้คร้านข้าว่าป่านนี้เอ็งคงจับเจ้านั้นทำผัวมาแล้วกี่รอบก็ไม่รู้กระมัง"
อาจารย์ปรัชญ์ ที่ชาวบ้านนับหน้าถือตาทางด้านไสยศาสตร์และการดูดวงเอ่ยหยอกล้อดั่งคนคุ้นเคยกันดี ฝ่ายสาวใหญ่ผู้เต็มไปด้วยสายเส้นทองเต็มตัวนั้นเมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย ก็พลันบิดกายไปมาราวกับเป็นเด็กสาวแรกรุ่นกำลังสะเทิ้นอาย ทั้งที่อยู่ในวัยใกล้ตะบันหมากเต็มทีเรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาเพื่อนชาวบ้านที่มารวมตัวกันอย่างฮือฮา
บรรยากาศบนบ้านเรือนไทยหลังใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในละแวกนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเป็นกันเอง แม้จะต่างคนต่างมาด้วยความทุกข์ในใจ ทว่าเมื่อมาเจอเพื่อนร่วมชะตากรรมที่คล้ายกัน ก็ทำเอาความทุกข์ถูกผ่อนคลายลงไปได้อย่างน่าประหลาด เสียงพูดคุยผสานเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ ก่อนจะพลันเงียบเสียงลงโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อปรากฏร่างของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
ร่างสูงใหญ่กำยำของคนมาใหม่ก้าวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงยังกลุ่มคนผู้นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ใบหน้าราบเรียบทว่าให้ความดุดันเข้ากันได้อย่างดิบเถื่อนกับรอยเคราบริเวณกรอบปาก และรอยแผลเป็นจางๆ บนนั้น ดวงตาราวกับเหยี่ยวจ้องจะจับกินเหยื่อในสายตาของกลุ่มคนตรงหน้า
"อาจารย์ ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย"
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามพานทำให้คนบริเวณนั้นสะดุ้งออกมา และเมื่อได้ยินว่าการมาของเขาไม่ได้เกี่ยวกับ 'พวกตน' เหมือนอย่างกำลังหวาดกลัวในใจ
จึงไม่มีใครคิดจะรอช้ารีบยกมือไหว้ลาคนเป็นอาจารย์ (?) แล้วถอยร่นไปทันทีด้วยความรวดเร็ว ชนิดที่ว่าหากกระโจนลงหน้าต่างของบ้านไปได้ ก็คงทำไปแล้ว
"แหม นายหัว มาแบบนี้ทีไร คนอื่นก็แตกตื่นหนีกันหมดทุกทีเลยนะ" คนมีอายุมากกว่าเอ่ยทักทายชายร่างสูงที่กำลังทรุดตัวลงนั่ง พับเพียบเรียบร้อยขัดกับบุคลิกภายนอกอย่างคุ้นชิน
"ผมก็มาตามปกตินะอาจารย์ ไม่รู้จะกลัวกันทำไม"
"เฮ้อ ก็คงกลัวคุณกันนั่นแหละ เอ้า! ว่าแต่มาวันนี้มีอะไรให้ช่วยล่ะ"
"ผมจะย้ายค่ายมวยของตัวเองไปที่ใหม่ ให้มันใหญ่กว่าเดิม เลยอยากรบกวนอาจารย์ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมครับ ว่ามันจะราบรื่นแล้วก็จะดีขึ้นหรือเปล่า"
คนฟังพยักหน้าหงึกหงักคล้ายเข้าใจก่อนเริ่มขีดเขียนบนกระดานส่วนตัวอีกครั้ง โดยมีชายร่างโตที่กำลังนั่งพับเพียบราบเรียบกับพื้นอย่าง 'นักรบ' กำลังรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ
และใช่ ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูออกแนวไปทางโหดจนคนนึกขนหัวลุก แถมยังมีดีกรีเป็นถึงเจ้าของค่ายมวยชื่อดังในละแวกนี้อย่าง 'ค่ายมวยไกรสรสีห์' ทว่าหากพูดถึงเจ้าพ่อสายมูเตลูแล้วละก็เขาคงได้รีบยกมือขึ้นจนสุดแขนเสนอตัวก่อนใครเพื่อนเลย
เพราะไม่ว่าจะกระทำการอันใด นักรบก็มักจะดูดวง ดูฤกษ์ยามก่อนทุกทีราวกับต้องการจะเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะสนิทสนมและนับถือในตัวอาจารย์ปรัชญ์คนนี้มากพอดู เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะทายทักประการใด มันก็จะเกิดขึ้นจริงกับเขาเสมอ
"ดวงของคุณตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องการงาน ทรัพย์สินเงินทอง หรือด้านอื่นๆ มันจะออกมาในทิศทางที่ดีเกือบทั้งหมดเลยล่ะ ยิ่งคุณได้ย่านค่ายไปยังตรงที่หมายตาไว้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีเลย เพราะตรงนั้นมันคือทำเลทองของคุณเลยล่ะ"
คนฟังเมื่อได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มขึ้นมาอย่างถูกอกถูกใจ แต่เพียงครู่ก็พลันขมวดปมที่คิ้วขึ้นมาเล็กๆ กับบางอย่างในประโยคนั้น
"เมื่อกี๊ อาจารย์บอกว่าเกือบทั้งหมด งั้นก็แสดงว่ามีเรื่องที่ไม่ค่อยดีอยู่ด้วยใช่ไหมครับ" อาจารย์ปรัชญ์พยักหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ
"ช่วงสามเดือนนี่ ให้ระวังเรื่องผู้หญิงหน่อยก็ดี เพราะผู้หญิงจะนำความเดือดร้อนมาให้คุณ ถ้ายังไงเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง"
นักรบเมื่อได้ฟังแบบนั้นก็พลันเผลอลูบแขนตัวเองทันทีเพราะเกิดอาการขนลุกขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ พลันหวนคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองสามวันก่อนหน้าอย่างช่วยไม่ได้
คืนนั้นเขาบังเอิญไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งในผับ ซึ่งแน่นอนชายโสดแบบเขาย่อมเกิดความต้องการเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นเมื่อพูดคุยกันถูกคอสุดท้ายทั้งคู่ก็ตกลงไปต่อกันที่โรงแรมใกล้ๆ ทว่า...ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ปลดปล่อยสารคัดหลั่งตามความต้องการ ก็พาลเกือบได้ขึ้นสวรรค์ของจริง เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักลงไหล่ทาง หากแต่ก็ยังนับว่าเป็นโชคดีนัก ที่ตัวเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย
"โหอาจารย์ ยังกับตาเห็นเลยครับ นี่ผมเพิ่งรอดตายมาหวุดหวิดเลย บรึ๋ยขนลุก!"
เขาว่าพลางลูบแขนตัวเองไปมาพลางบอกกับตัวเองว่า ครั้งต่อไปเขาต้องทำตามคำเตือนของคนอายุมากกว่า อย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ตนต้องดวงตกเพราะเพศตรงข้ามแน่นอน หลังจากที่พูดคุยกับอาจารย์ผู้นับถือต่ออีกสักหน่อย เจ้าของค่ายมวยชื่อดังก็เอ่ยลาเพื่อพาตัวเองไปยังสถานที่ต่อไป...นั่นก็คือโรงกลั่นเหล้าข้าวขึ้นชื่อนั่นเอง
"อ้าว นายหัว สวัสดีครับ แหม วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ได้ครับเนี่ย" มงคลเอ่ยทักทายคนมาใหม่ด้วยรอยยิ้มกว้างตามประสาคนอารมณ์ดี
"คุณนั่นเอง ไม่ยักรู้นะว่าคุณเป็นเจ้าของโรงกลั่นที่นี่" นักรบเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรกว่าปกติ เพราะเขาจำชายสูงวัยคนนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าเคยไปดูมวยที่สนามแทบทุกครั้งที่มีการจัดชก
"ก็แค่โรงกลั่นเล็กๆ เองครับ"
"หื้ม แต่ผมว่าไม่เล็กนะ แบรนด์ดังขนาดนี้" มงคลเกาท้ายทอยออกมาอย่างขัดเขินเล็กน้อย เมื่อถูกกล่าวชมในระยะประชิดตัวเช่นนี้ ก่อนจะเอ่ยถามความสงสัยออกไป
"ว่าแต่คุณจะมาสั่งเหล้าหรือครับ"
"ครับ พอดีจะเอาไปเลี้ยงคนงานที่มาสร้างสนามมวยแห่งใหม่ให้น่ะ อ้อ ใกล้ๆ นี่เองนะ ว่างๆ คุณก็แวะไปสิ"
"แหม ผมไม่พลาดอยู่แล้วครับ ว่าแต่คุณต้องการเท่าไหร่ดี"
สองหนุ่มต่างวัยพูดคุยตกลงกันถึงเรื่องจำนวนของที่ต้องการอีกสักพัก ก่อนชายสูงอายุจะแยกตัวออกไป เพื่อออกบิลใบสั่งของให้กับเขา ทว่าในระหว่างที่กำลังรออยู่นั้น เสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้หญิงคนหนึ่งก็พลันดังขึ้นมา
"เฮ้ยๆ เข็นกันให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง เดี๋ยวสินค้าเสียหายใครจะรับผิดชอบ"
แม้จะเหมือนดุทว่าคนงานหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นกลับส่ายหน้าไปมาราวไม่อยากจะถือสา แล้วเข็นรถเลี่ยงไปเลย กระนั้นแม่สาวจอมโวยวายที่เหมือนกับเอ่ยพูดด้วยอาการลิ้นแข็งก็ยังไม่หยุดส่งเสียงน่ารำคาญเสียที ในมือของเธอ ถือขวดใบหนึ่งสีน้ำตาลชากระดกจรดเข้าปากอยู่เป็นระยะ
แน่นอนทุกอย่างล้วนประจักษ์แก่สายตาของนักรบเสียยิ่งกว่าหนังโฟร์ดี หนุ่มวัยสามสิบกว่าถึงกับลอบส่ายหน้าออกมาพลางบ่นพึมพำ
"ผู้หญิงอะไรวะ ดื่มตั้งแต่ตะวันยังตรงหัวเลย" เขาคิดแค่นั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปเสียทางอื่นพลางพยายามไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอ ที่ดังใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่ง....
"ว๊าย!"
สาวน้อยขี้โวยวายร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างของคนปะทะเข้ากับใครคนหนึ่ง
ร่างกายเกิดอาการทรงตัวไม่อยู่ขึ้นมากับแรงกระทบ จนเหมือนว่าจะล้มลงไปกองกับพื้น ร้อนถึงนักรบที่เป็นฝ่ายถูกชนต้องรีบคว้าไว้ดั่งสุภาพบุรุษ ดวงตาฉ่ำเยิ้มเพราะความร้ายกาจของสุรากลั่นที่เธอดื่มกะพริบขึ้นลงถี่ๆ กับภาพชายหนุ่มผู้กำลังประคองรับเธอไว้
'หล่อจัง เนื้อคู่ชัดๆ'
สาวน้อยร่ำร้องในใจพร้อมส่งรอยยิ้มหวานไปให้อีกฝ่ายเต็มที่ ราวกำลังจะใช่เสน่ห์ของตนให้เกิดประโยชน์
ในขณะที่คนได้รับกลับยิ้มเจื่อนมาให้ แล้วเบือนหน้าไปเสียอีกทาง อย่างเนียนๆ พลางตะโกนก้องในใจไม่ต่างกันว่า...
'เหม็นเหล้าชิบ!'