EP.7 งานเต้นรำ
“ยังไม่หิวเลยค่ะท่านชีค ความจริงดื่มน้ำหวานไปแก้วหนึ่งแล้วค่ะ” หญิงสาวชูแก้วขึ้นโชว์เขา ดวงตาเป็นประกายระยับ
ชีคหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำหวานที่เธอว่าคงเป็นแอลกอฮอล์สีสวยเป็นแน่ ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้ว่าเป็นเครื่องดื่มของมึนเมา ปล่อยไปแบบนี้น่าจะดีกว่า อย่างน้อยเจ้าน้ำสีสวยๆ นั่นก็ทำให้เธอกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขามากขึ้น...นับว่าเป็นข้อดีทีเดียว
“เรื่องชุดขอบคุณมากคะท่านชีค แล้วดิฉันจะค*****นค่าชุดให้” เธอยอมรับว่าชุดนี้สวยมาก แล้วสีฟ้าน้ำทะเลก็เป็นสีโปรดของเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าเขารู้กันแน่ว่าเธอชอบสีอะไร
“ไม่ต้องหรอก ฉันตั้งใจให้เธอ แล้วอีกอย่างฉันคิดว่าไม่มีใครใส่ชุดนี้ได้สวยเท่าเธออีกแล้วเพชรไพลิน” เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเนิ่นนาน ต่างฝ่ายต่างมองสบตากันจนเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากผู้ประกาศบนเวทีดังขึ้นนั่นล่ะ ทั้งสองจึงละสายตาออกจากกัน
“ฉันคงต้องขอตัวสักครู่ เธออย่าเพิ่งกลับจะได้ไหม”
สายตาอ้อยอิ่งราวกับไม่อยากจากไปทำให้หญิงสาวมิอาจปฏิเสธ เธอพยักหน้าน้อยๆ แล้วมองตามร่างสูงที่เดินเป็นสง่าตรงไปยังเวที แขกเหรื่อมากมายล้วนมีชื่อเสียง ดารานักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยก็มาร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
“สวัสดีครับ มาคนเดียวหรือครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง เดินเข้ามาทักทายเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร หญิงสาวจึงยิ้มตอบกลับไป
“ค่ะมาคนเดียว”
“เหมือนผมเลย ผมก็มาคนเดียว หากไม่รังเกียจผมขอยืนด้วยคนได้ไหมครับ” ท่าทางสุภาพไม่มีท่าทีล่วงเกินทำให้หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธ
“เชิญค่ะ” หญิงสาวพูดน้อยและไม่คิดชวนคุยก่อน เพราะสายตาของเธอจับจ้องไปที่ร่างสูงบนเวทีเท่านั้น
“ผมชื่อธัญธรณ์นะครับ คุณคงเคยได้ยิน” ชายหนุ่มชวนคุย
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วปฏิเสธออกไป
“ขอโทษด้วยคะที่ดิฉันไม่รู้จักคุณ อย่าหาว่าเสียมารยาทเลยนะคะ”
เธอไม่ค่อยอ่านข่าวตามหน้าซุบซิบไฮโซสักเท่าไหร่ จึงไม่รู้จักเขาจริงๆ ดังนั้นคนที่เธอรู้จักส่วนใหญ่จึงเป็นพวกดาราหรือนักการเมือง เพราะเห็นหน้าค่าตาในทีวีอยู่เนืองๆ
ลูกนายตำรวจใหญ่ถึงกับหน้าม้านแต่ก็ยังยิ้มสู้ “ไม่เป็นไรครับ บางทีการที่คุณไม่รู้จักผมอาจจะเป็นการดีกว่า แต่หากผมอยากรู้จักคุณ คุณคงไม่รังเกียจ”
ธัญธรณ์คาสโนว่าอันดับต้นๆ ของเมืองไทยทอดเสียงนุ่มอย่างมีชั้นเชิง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันชื่อเพชรไพลินค่ะ” หญิงสาวยิ้มขันให้กับตัวเอง น่าแปลกสองวันมานี้ทำไมถึงมีผู้ชายมาบอกว่าอยากรู้จักเธอถึงสองคน มันเกิดอะไรขึ้นนะ
ธัญธรณ์หันไปหยิบเครื่องดื่มจากบริกรแล้วยื่นค็อกเทลสีหวานให้หญิงสาว ก่อนจะยื่นแก้วไปตรงหน้าเธอ
“เครื่องดื่มครับคุณเพชรไพลิน แด่มิตรภาพของเรา” เขายกแก้วขึ้นดื่มทันที ส่วนหญิงสาวรับมาถือไว้ แต่มิได้ยกขึ้นดื่ม
“คุณรู้ตัวหรือเปล่าครับ ว่าใครๆ ต่างก็มองคุณด้วยความสนใจ อย่างพวกเพื่อนผมที่มุมนู้นพวกนั้นอยากรู้จักคุณทุกคน” คาสโนว่าหนุ่มผายมือไปอีกมุมหนึ่ง ชายหนุ่มสองสามคนจับกลุ่มคุยกันอยู่ เมื่อเห็นว่าเธอหันไปจึงยกแก้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย
“ไหนคุณธัญบอกว่ามาคนเดียวไงคะ” เธอเอ่ยถามช้าๆ ไม่ได้มีท่าทีสนใจหรือขวยเขินกับคำเอ่ยชมกลายๆ ทั้งยังมีนัยยะว่าสนใจเธออย่างเปิดเผย
ธัญธรณ์เก้อไปเล็กน้อยแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามแล้วชวนคุยเรื่องอื่นไปเสียอย่างนั้น เพชรไพลินจำต้องตอบคำถามชายหนุ่ม แต่ก็ตอบไปอย่างไม่กระตือรือร้นนัก เป็นเหตุให้คาสโนว่ารู้สึกเสียเชิง จึงยิ่งอยากเอาชนะใจสาวสวยตรงหน้า
“เต้นรำกับผมสักเพลงนะครับคุณเพชรไพลิน” ชายหนุ่มหันมาหาหญิงสาวแล้วส่งมือให้เธอ เมื่อกลางห้องจัดเลี้ยงถูกเนรมิตให้เป็นฟลอร์เต้นรำ บทเพลงบรรเลงขับขานหลายคู่จับจูงกันออกไปโลดแล่นตามเสียงเพลง หญิงสาวไม่ได้วางมือลงบนมือของเขา เธอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตั้งท่าปฏิเสธ
“ได้โปรดอย่าปฏิเสธผมเลยครับคุณเพชรไพลิน ให้เกียรติเต้นรำกับเพื่อนสักเพลงนะครับ” เขาปวารณาตนเองเป็นเพื่อนของหญิงสาว ซึ่งนั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกอึดอัด อยากจะปฏิเสธแล้วเดินหนีไปเสีย แต่ก็ติดที่มารยาททางสังคมที่เธอต้องรักษามันเอาไว้
“คือฉัน...”
“เพชรไพลินจะเต้นรำกับฉัน”
จู่ๆ มือหนาก็ยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอดีใจสักแค่ไหน ที่เขาเข้ามาช่วยเธอเอาไว้ เพราะเธอเริ่มอึดอัดกับความช่างพูดและหูตาแพรวพราวของธัญธรณ์เหลือเกิน ดังนั้นเธอจึงวางมือลงบนมือหนาอย่างไม่ลังเล
“ขอโทษด้วยนะคะคุณธัญธรณ์” หญิงสาวยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินออกไปกลางฟลอร์เต้นรำพร้อมกับชีคมุซตาฮ์ซาน
ธัญธรณ์มองตามอย่างหัวเสีย อุตสาห์ยืนจีบอยู่เป็นนานสองนานแต่สุดท้ายชีคมุซตาฮ์ซานกลับคว้าเอาไปอย่างง่ายดาย
“ไงว่ะธัญ ไหนบอกจีบใครไม่เคยพลาด” เพื่อนชายที่ยืนอยู่อีกมุมเดินตรงเข้ามาถากถางชายหนุ่มทันที พรางหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเห็นเป็นเรื่องขัน ทว่าธัญธรณ์กลับรู้สึกว่าตนเองถูกลบเหลี่ยมเข้าอย่างจัง
“ใครจะไปสู้ไอ้แขกนั่นได้ มันรวยกว่าฉันตั้งกี่ร้อยกี่พันเท่า ผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างนั้น ฉันไม่จีบให้เปลืองน้ำลายหรอกโว้ย” เมื่อเสียหน้าก็พาลด่าว่าเพชรไพลินเอาเสียดื้อๆ