ผู้กลับจากความตาย
“คนไข้ไม่ตอบสนอง ความดัน ชีพจร หัวใจลดฮวบเลย”
ชายหนุ่มผิวเหลืองซีดเซียวเปลือกตาปรือค้าง ม่านตาสีดำขลับไร้การตอบสนองต่อแสงไฟ มีท่อช่วยหายใจสอดผ่านหลอดลมกับหน้ากากออกซิเจนครอบไปครึ่งใบหน้า กายท่อนบนมีรอยแผลผ่าตัดพาดกลางอกก็เต็มไปด้วยสายระโยงระยางค์วัดที่ใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความกดดันเพิ่มทวีคูณเมื่ออัตราการเดินของหัวใจกลายเป็นเส้นตรงเรียบ จึงต้องฉีดยากระตุ้นและเตรียมใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
“เคลียร์!”
สิ้นเสียงคำสั่ง ร่างโปร่งกระตุกแรงจนตัวลอยหลังอุปกรณ์กู้ชีพทาบลงบนอก ทว่าสองครั้งติดกันก็ยังไม่มีการตอบสนองใด ๆ
“เคลียร์!”
“ยัง ยังไม่ขึ้นค่ะ” พยาบาลผู้ช่วยแจ้งตามค่าที่เห็น แม้ชายหนุ่มได้รับการทำ CPR เบื้องต้นมาแล้วก็ตาม แต่หนนี้อาการเฉียบพลันและสาหัสเกินกว่าจะยื้อไว้ได้
ไม่กี่วินาทีให้หลัง
ตื๊ด~
เสียงแจ้งเตือนแหลมบาดหูลากยาวหลายวินาทีพร้อมเส้นกราฟยาวเป็นเส้นตรงบนจอแสดงผลเครื่องวัดสัญญาณชีพ ทั้งความดัน หัวใจและชีพจรมีค่าเท่ากับศูนย์ กระบวนการยื้อชีวิตสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้
“คนไข้ชายชื่อธามไท อายุสิบเก้าปีเสียชีวิต เวลา…” แพทย์วัยกลางคนพยายามอ่านชื่อพลางเหลือบ มองนาฬิกาบนผนังห้อง “ห้าทุ่มยี่สิบสามนาที” เขาพึมพำออกมาและบันทึกลงบนแฟ้มประวัติเป็นตัวเลขได้ว่า 23.23 น.
“ญาติคนไข้มาหน้าห้องแล้วค่ะหมอ” พยาบาลเข้ามาแจ้งความเคลื่อนไหว
“โอเคครับ เดี๋ยวหมอไปแจ้งเอง” แม้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี แต่ไม่คุ้นชินการแจ้งข่าวร้ายเสียที
คืนนี้อาจจะเป็นคืนที่เวลาหน่วงช้าที่สุดในรอบปีของครอบครัวลี้พิบูลย์กิจ
กลุ่มคนที่ออกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉินบอกให้รู้ว่าหนุ่มผู้บอบบางเติบโตในครอบครัวใหญ่และเป็นที่รักของทุกคนเพียงใด ขนาดอาเหล่าม่าอายุเฉียด 90 ปียังยอมนั่งรถเข็นตามมารอดูอาการเหลนโดยมีลูกหลานคนอื่น ๆ คอยปลอบโยนอย่างใกล้ชิด
“อาเต๋าเต้ย อาเต๋าเต้ยของอั๊ว ถ้าอีหายดีอั๊วจะทำปลาเต๋าเต้ยตัวโต ๆ นึ่งซีอิ๋วให้อีกิน อีต้องตื่นมาหาอั๊ว ฮือ~ ขอบารมีพระโพธิสัตว์คุ้มครองอีด้วยเถอะ” นางสะอึกสะอื้นพลางยกมือไหว้ปรก ๆ ภาวนาถึงองค์เทพประจำบ้านไม่หยุด
“อิคคิวแข็งแรงขึ้นมากนะคะอาม่า เดี๋ยวเจ้าอิคคิวก็ออกมาค่ะ” หลานสะใภ้หรือแม่ของเหลนปาดน้ำตาตัวเองขณะปลอบขวัญหญิงชราที่ดวงตาบวมแดง
‘คิวเอ๊ย เข้มแข็งไว้นะเพิ่งจะปลูกถ่ายหัวใจมาได้ไม่นาน อยู่ใช้หัวใจดวงใหม่ก่อนนะ อย่าเจ้าของเก่าเขาเสียน้ำใจล่ะ’ คนเป็นพ่อคิดในใจด้วยท่าทีนิ่งสงบ มือหนาบีบไหล่ปลอบลูกสาวคนโตเบา ๆ และไม่ละสายตาจากไฟห้องฉุกเฉินที่สว่างเมื่อมีเคสฉุกเฉิน
หลายนาทีต่อมามันก็ดับลง
“ไฟดับแล้ว ไฟดับแล้วทุกคน เดี๋ยวเจ้าคิวก็ได้ออกมาแล้ว” หนึ่งในนั้นชี้นิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลงในบัดดล
ไม่นานเกินรอประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก แต่มีเพียงนายแพทย์สีหน้าเรียบนิ่งปรากฏตัวตามลำพัง แค่ภาษากายก็บ่งชี้ว่ามีข่าวไม่สู้ดีนัก
“อาจารย์คะ อาจารย์คะ น้องชายของหนูเป็นไงบ้างคะ”
“ผมต้องแจ้งว่าคนไข้เสียชีวิตแล้วครับ” เสียงร่ำไห้ก็ดังขึ้นภายหลังจากนั้น อาเหล่าม่าปล่อยโฮอย่างไม่เก็บกั๊ก หลานสะใภ้ที่อยู่เคียงข้างถึงกับเป็นลมล้มพับทันที หลายคนกอดคอร้องไห้กันระงม
ความสูญเสียฉับพลันทันด่วนเกินรับได้
“ช่วยไม่ทันจริง ๆ เหรอคะอาจารย์ ไอ้คิวอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอคะ” พี่สาวคนรองน้ำรื้นขอบตาแดงถามด้วยเสียงสั่นครือ
“น่าจะเกิดจากภาวะอวัยวะภายในล้มเหลวเฉียบพลัน ส่วนสาเหตุยังสรุปไม่ได้ต้องรอผลชันสูตรครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ เสียใจด้วยนะครับนิสิต”
ตระกูลลี้พิบูลย์กิจรู้มาตลอด 19 ปีว่าธามไทป่วยเป็นโรคหัวใจชนิดหายากตั้งแต่กำเนิด มิหนำซ้ำยังเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งอีก แต่ฟ้าลิขิตให้เขาถูกรับเลี้ยงโดยเจ้าของธุรกิจเชียงกงผู้มั่งคั่ง ธามไทได้รับความรักเต็มล้นและเติบโตมาเป็นอย่างดี แม้ผู้เป็นพ่อจะถูกคนรอบข้างหัวเราะเยาะว่าจะอุปการะลูกบุญธรรมทั้งทีทำไมไม่เลือกคนที่สมประกอบกว่านี้
คนตาถั่วได้ของมีตำหนิมาไม่พอยังต้องเสียเงินรักษาพยาบาลไม่จบไม่สิ้น
แต่ทุกการกระทำมีเหตุผลเสมอ
“เฮียคิวไปหาอาเหล่ากงแล้วเหรอป๊า ไหนเฮียบอกจะติวหนังสือให้ไง เฮียคิวผิดสัญญาเปอร์อีกแล้ว ชิ! นิสัยนะเฮีย” บุตรชายคนสุดท้องตัดพ้อต่อว่าด้วยน้ำตาอาบแก้ม
“รอบนี้เฮียคิวคงสู้ต่อไม่ไหวแล้วจริง ๆ ล่ะ” ชายผู้เก็บความรู้สึกมาตลอดเอ่ยน้ำเสียงสั่น ยกมือถูหน้าแดงก่ำครั้งแล้วครั้งเล่า
ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวกลับมีบางคนนั่งสัปหงกไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วยังชักสีหน้าเบื่อหน่ายตั้งแต่ออกจากบ้าน
แต่ไหนแต่ไรมา...หลานบุญธรรมไม่เคยน่ารักในสายตาอาหญิงคนนี้ ยิ่งช่วงนี้ต้องเลิกงานดึกทุกคืนจนแทบไม่มีเวลานอนแล้วยังมาเจออะไรกลางดึกแบบนี้อีก
มันยิ่งน่าหงุดหงิด
‘ไปสบายแล้วนะคิว ดีเหมือนกัน หลังจากนี้ทุกคนรวมทั้งฉันจะได้ไม่วุ่นวายเพราะแกอีก ที่ผ่านมาอโหสิกรรมให้โกด้วยนะ…’ เธอคิดในใจขณะปลายตามองญาติที่ร่ำไห้จนน้ำตาแทบจะกลายเป็นแม่น้ำแยงซีเกียง ครู่ต่อมาทุกคนเริ่มตั้งสติได้ก็หันหน้ามาพูดคุยถึงสิ่งต้องจัดการหลังจากนี้
ระหว่างนั้นพลังงานลี้ลับที่รับรู้ได้ว่ามีร่างกายมนุษย์ที่เพิ่งหมดอายุขัยหมาด ๆ อยู่ไม่ไกล มันกำลังพุ่งตัวมายังห้องฉุกเฉินด้วยความเร็วยิ่งยวด อาหญิงผู้เบื่อหน่ายผุดลุกก็ปะทะกับลมประหลาดที่เย็นบาดผิวจนขนลุกซู่เข้าอย่างจัง นาทีนี้ไม่มีใครสังเกตุเห็นประตูบานคู่ที่สั่นกระเพื่อมเหมือนโดนผลัก
ชั่วอึดใจเดียวมีเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกมาจากหลังประตู นายแพทย์คนเดิมและพยาบาลวิ่งหน้าตั้งหายเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“ญาติคนไข้รอก่อนนะคะ…” พยาบาลฉุกเฉินแจ้งกับหัวหน้าครอบครัว
ไฟห้องฉุกเฉินสว่างขึ้นอีกครั้ง
เรื่องพรรณนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ…คนไข้ฟื้นจากความตาย!