>ยังไม่ได้แก้คำผิด
หลังจากประธานแกฉอดกับคุณน้ำหวานไป ตอนแรกผมนึกว่าพี่แกจะอารมณ์ไม่ดีแล้วมานั่งหน้าดุระหว่ากินข้าวเที่ยงกับผมซะอีก ทว่าผมคิดผิด
คุณเพลิงเอกดูจะอารมณ์ดีขึ้นมากหลักจากลงจากรถแล้วพาผมเข้าร้านอาหาร จากสีหน้าตอนแรกที่บูดบึ้งกลายเป็นว่าหน้าตึงๆนั้นพลันคลายลงไปหลายส่วน
ผมว่าก่อนหน้านี้พี่แกน่าจะโมโหหิว เลยฉอดทุกคนตอนนั้นที่ทำให้พี่แกไม่พอใจ แต่พอจะมีของกินตกถึงท้อง อารมณ์ฉุนเฉียวก่อนหน้าเลยดีขึ้นมา
ความหิวของประธานเป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ
ผมปล่อยให้ท่านประธานแกสั่งอาหารไป ถึงพี่แกจะหันมาถามผมว่าอยากกินอะไรก็เถอะ แต่ร้านนี้เป็นร้านอาหารเยอรมัน ซึ่งผมอ่านไม่ออกเลยให้คุณเพลิงเอกเขาเลือกให้แทน
พออาหารมาเสิร์ฟ พวกเราก็เริ่มลงมือกินมื้ออาหารตรงหน้า แต่เหมือนประธานเขาจะสังเกตเห็นอะไรสักอย่าง เขาเลยเงยหน้าจากจานอาหารมาถามผม
"คุณบี๋เป็นอะไรครับ หรือคุณบี๋แพ้กุ้ง?"
เขาว่าพลางมองจานกุ้งล็อบสเตอร์ของผม พร้อมกันนั้นก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆให้ ก่อนจะตอบคำถามคนตรงหน้า
"ผม..ไม่ชอบค่อยกินอาหารทะเลน่ะครับ..แต่กินได้ครับ ไม่ได้แพ้ แค่ไม่ชอบ "
เสียงช่วงหลังๆดูเบาไปถนัดตา แต่มันก็ดังพอที่คู่สนทนาจะได้ยิน
แปลกหรอ อื่ม แปลกมั้ง เพราะท่านประธานที่นั่งอยู่ตรงข้ามถึงกับเปลี่ยนสีหน้าไปเลย
แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่ชอบอาหารทะเลอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ไม่ชอบเพราะมันไม่อร่อยหรอกนะครับ
มีปมกับพวกอาหารทะเลน่ะ
หลังจากผมบอกเขาไป ทางฝั่งท่านประธานเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกทั้งยังดูโล่งใจขึ้นด้วย เขาคงจะกังวลว่าตัวเองจะสั่งของที่ผมแพ้มาให้ผมกิน เห็นดังนั้นเขาจึงดึงจานผมออกแล้วสลับจานสเต็กของตัวเองมาให้ผมแทน
"แลกกับผมละกัน ผมพึ่งหั่นกินไปได้2คำ คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย"
เหอะๆ จะว่าไปคุณก็เอาแต่นั่งมองผม จะเอาเวลาไหนไปกินของตัวเองล่ะ
ผมพยักหน้าให้เขาหงึกๆ ก่อนที่เราสองคนจะหันมาสนใจมื้ออาหารกันที่สลับกันเรียบร้อย คุณเพลิงเอกเขาใช้การหั่นที่อาหารไม่ได้โดนน้ำลายลงไปตรง ผมเลยสามารถกินได้อย่างไม่ยากนัก
ส่วนทางของผมก็พอกัน กินไปได้แค่คำสองคำซ้ำยังตัดออกมาน้อยมากซะด้วย และแล้วมื้ออาหารที่เราทั้งสองฝ่ายพอใจก็ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
แล้วถ้าถามว่าทำไมถึงรู้ว่าพอใจทั้งสองฝ่าย ก็ตอนกินจานของผม คุณเขามีสีหน้าพอใจแปลกๆ
สงสัยจะชอบกินกุ้งล่ะมั้ง
"ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วยนะครับคุณเพลิงเอก"
"เช่นกันครับ "
หลังจากจบมื้ออาหารช่วงเที่ยงกับคุณประธานไป ช่วงค่ำผมก็ยังต้องตามท่านประธานมาดินเนอร์กับคู่ค้าธุรกิจรายใหม่อีก
บอกเลยว่าตอนนี้ผมอยู่กับประธานบ่อยกว่าอยู่ห้องตัวเองอีก
คู่ธุรกิจของประธานในคราวนี้เป็นนักธุรกิจรายใหญ่มีเส้นสายมากมายทั้งบนดินและใต้ดิน
โดยปกติแล้วประธานแกจะไม่ค่อยไปยุ่งกับพวกธุรกิจสีเทาสีดำเท่าไหร่นัก แต่ด้วยครั้งนี้ค่อนข้างคุ้มค่ากับการลงทุน คุณประธานเลยตกลงคบค้าสมาคมด้วย ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ให้อีกฝ่ายเป็นสปอนเซอร์หลักของบริษัทแต่อย่างใด
เพราะถ้าให้อีกฝ่ายเป็นหุ่นส่วนหลักหามีปัญหาขึ้นมาคงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากจนน่าปวดหัวเลยทีเดียว
"จริงสิคุณเพลิงเอก ผมขอแนะนำให้รู้จัก นี่ลูกสาวผมเองชื่อ แอนนา"
"สวัสดีค่ะคุณเพลิงเอก แอนนานะคะ"
หลังจากทางฝั่งนั้นทำการแนะนำตัวลูกสาวให้รู้จัก ประธานของผมก็ทำเพียงพยักหน้ารับแล้วแนะนำตัวไปตามมารยาท
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดจะมีคนมาทาบทามลูกบ้านตัวเองให้ประธาน คุณเพลิงเอกคนนี้มักต้องเจอกับเหตุการณ์ทำนองนี้หลายครั้งหลายคราว เนื่องด้วยหน้าที่การงานของประธาน อิทธิพล ชาติตระกูลและธุรกิจของคุณเพลิงเอก มันไม่ยากเลยที่จะมีเหล่าคุณหนูคุณชายถูกทาบทามให้มารู้จักกับพี่แก
แต่เอาจริงๆ แค่หน้าหล่อๆนั่นก็กินขาดแล้ว
'ครืด ครืด..'
"ขออภัยด้วย ผมน่าจะมีงานด่วน ยังไงคุณเพลิงเอกคุยกับลูกสาวผมก่อนได้นะครับ ผมขอตัวก่อน"
สิบสอง รึเปล่า หมายถึงจำนวนคนที่ใช้มุกนี้ในการเปิดทางให้ลูกๆของตัวเองได้สานสัมพันธ์กับท่านประธานน่ะ
มุกเดิมมุกซ้ำ มุกที่เอามาใช้ได้ทั่วบ้านทั่วเมือง คุณพ่อรับบทคนมีงานแล้วทิ้งลูกสาวตัวเองไว้ให้ผู้ชาย หวังให้ทั้งสองคุยกันแล้วสปาร์คกัน ตู้มต้าม
"คุณเพลิงเอกคะคือว่า..แอนมีเรื่องจะปรึกษาน่ะค่ะ"
"ครับ?"
เธอว่าด้วยท่าทีเขินอายพลางก้มตัวเล็กน้อย พร้อมกับช้อนสายตามองเพลิงเอก คุณแอนนาจัดว่าเป็นผู้หญิงคนนึงที่สวยแบบเซ็กซี่มากๆ หน้าคมตาเฉี่ยว จมูกโด่ง ปากอวบอิ่มถูกป้ายด้วยลิปสีแดงแปร๊ดด อีกทั้งหน้าอกหน้าใจที่บะเร้อนั่นอีก นี่มันแม่เสือสาวพร้อมล่าชัดๆ
"เอ่อ..มันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัว คุณเลขาช่วยออกไปก่อนได้มั้ยคะ"
สาวสวยตวัดตามองผมอย่างคาดคั้น ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะดูเหมือนยิ้มเพราะมุมปากถูกยกขึ้น แต่สายตานั่นมันไม่ใช่เลย
มองแรงขนาดนี้ อย่างให้เจอข้างนอกนะโดนหล่อนโดนฉันทึ้งหัวหลุดแน่
แม้ในใจจะกู่ร้องให้ผมลุกไปจิกหัวนังผู้หญิงตรงหน้านี้แค่ไหน สิ่งที่ผมทำได้ก็มีเพียงก้มหัวแล้วเตรียมจะลุกไปข้างนอก ปล่อยให้หนุ่มสาวได้คุยกัน แต่ก่อนจะได้ลุกไปไผนคนข้างตัวก็จับผมให้นั่งลงที่เดิมซะก่อน
"มีอะไรจะพูดก็พูดมาครับ ไม่ต้องกลัวว่าเลขาของผม จะเอาไปพูดที่ไหน ผมไม่อยากมีความลับกับคุณบี๋"
คุณเพลิงเอกแกว่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนกับสิ่งที่พี่แกพูดมันก็เป็นแค่เรื่องปกติ
ผมมองอีกคนตาปริบๆ บางทีคุณเพลิงเอกก็ชอบพูดอะไรแปลกๆ ถึงผมจะพอเข้าใจก็เถอะ แต่คนมันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองนี่นา
อ่า..หรือว่าแซ่บๆแบบคุณแอนนาจะไม่ใช่สเปคพี่แก
แต่ขอโทษนะคุณพี่ พอดีหนูแซ่บกว่าอี่เจ๊คนนีเยอะ คนอะไรล่อผู้ได้ไร้เสน่ห์สิ้นดี
ว่าแล้วก็หันไปยิ้มมุมปากให้เจ๊แกสักที
หมั่นไส้
"อะ..อ้อ..งั้นไม่เป็นไรค่ะ"
คุณคนสวยว่าพลางทำสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ในสายตานั้นก็แอบมองจิกผมไปด้วย หลังจากเจ๊แกรู้ว่าพยามเล่นกับประธานแล้ว พี่แกไม่เล่นด้วยเจ๊แกจึงเปลี่ยนเรื่อง แล้วหันไปคุยเรื่องสารททุกข์สุกดิบแทนเพื่อกู้หน้า
การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ส่วนใหญ่จะเป็นคุณแอนนาที่ชวนคุย ส่วนประธานแกถามคำตอบคำ ตอบแค่คำถามที่สาวเจ้าแกถามและไม่ได้สนใจถามกลับ
พอเวลาผ่านไปสักพักที่ทั้งคู่คุยกันไปมาได้หลายประโยค ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของคนด้านข้าง ประธานดูหายใจแรงขึ้นอีกทั้งใบหน้ายังมีเหงื่อผุดขึ้นมาเป็นเม็ด ทั้งๆที่เราก็นั่งอยู่ในห้องแอร์ที่ค่อนข้างเย็น
และเหมือนคุณเพลิงเอกแกจะสังเกตถึงอาการแปลกๆของตัวเอง เขาจึงจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขม็งแล้วถามเสียงเข้มออกมา
"คุณ..ใส่อะไรลงไปในเครื่องดื่มผม"
"ค๊ะ ไม่หนิคะ คุณเพลิงเอกเป็นอะไรรึเปล่า หน้าคุณดูแดงๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"
ไม่ว่าเปล่าคุณแอนนาแกก็โน้มตัวเข้าหาท่านประธาน ทำเอาหน้าอกใหญ่ๆนั่นเด่นขึ้นมาในม่านสายตาทันที แต่ก่อนที่คุณคนสวยจะยื่นมือมาหาประธาน ผมที่อยู่ตรงนั้นก็เอื้อมมือไปปัดแขนผู้หญิงคนนั้นออกก่อน
อย่าคิดว่าจะได้แดกประธานที่ฉันเฝ้าประคบประหงม(?)ง่ายๆนะว๊อย
ผู้หญิงตรงหน้าตวัดตามองผมอย่างไม่พอใจ แต่ผมก็จ้องกลับไปอย่างไม่หลบตา
นังงูพิษนี่ กล้าดียังไงมาวางยาท่านประธานของผม!
แม้ก่อนหน้านี้จะมีผู้หญิงหลายคนพยามจะเข้าหาท่านประธาน แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ทำถึงขั้นวางยาแบบนี้
แล้วตอนนี้เองประธานของผมก็ดูไม่ไหวแล้วด้วย
"ท่านประธานไหวมั้ยครับ"
"คุณ..คุณบี๋.."
คนตรงหน้าผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อีกทั้งยังมีอาการหอบเบาๆตามมาด้วยอีกต่างหาก
แย่แล้ว
"เดี๋ยวผมช่วยพยุงไปส่งที่รถครับ"
"เดี๋ยวสิคะ! จะทิ้งฉันไว้แบบนี้หรอ"
"คุณไม่เห็นหรอครับว่าตอนนี้ท่านประธานไม่ได้อยู่ในสถานะที่พร้อมคุย"
"ถ้าอย่างนั้น..ก็ให้ฉันช่วยดีมั้ยคะ"
สาวเจ้าว่าพลางลุกมาหาผมที่กำลังพยุงท่านประธานอยู่แต่ก่อนเธอจะเข้าถึงตัว ประธานก็พูดเสียงเย็นขัดไว้ก่อน
"ไม่ต้องยุ่ง! คุณบี๋ครับ รีบพาผมไปได้แล้ว"
ผมที่ได้รับคำสั่งก็รีบพาท่านประธานออกจากตรงนั้นทันที โดยที่ปล่อยให้คุณแอนนายืนค้างเติ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของเจ้าหล่อนแม้แต่น้อย
เหอะๆ เล่นกับใครไม่เล่นนะคุณผู้หญิง คราวหน้าก็อย่าหาทำล่ะ
แต่ผมว่าคงไม่มีคราวหน้าแล้วมั้ง..
เพราะการกระทำครั้งนี้คงทำให้ประธานตัดขาดกับบริษัทนั้นทันทีอย่างไม่ต้องคิด
"คุณ..คุณบี๋ครับ"
"ท่านประธานยังไหวมั้ยครับ"
"ไม่..แฮ่ก..ไม่ไหวครับ.."
ตอนนี้ผมสามารถพาสาระร่างของคุณเพลิงเอกมาที่รถได้แล้ว แต่เหมือนอาการของคุณเขาจะหนักกว่าก่อนหน้านี้มาก ใบหน้าแดงก่ำมีเม็ดเหงื่อผุดเต็มใบหน้า อีกทั้งตรงกลางลำตัวที่แข็งขืนดึงดันจะออกมาจากกางเกงนั่นอีก
ทะลุได้คงทะลุออกมาแล้ว
"คะ..คุณบี๋..ครับ"
"คะ..ครับ?"
ประธานที่ตอนนี้ถูกผมแบกมาปล่อยที่เบาะหลังรถรั้งตัวผมที่กำลังจะหมุนตัวไปทางด้านคนขับเอาไว้ เขาดึงผมดข้ามาด้านหลังรถกับตัวเอง ก่อนเอื้อมตัวไปปิดประตูรถแล้วดึงผมเข้าหา
ผมที่ค่อนข้างจะเจนสนามพอรู้ชะตากรรมตัวเอง แต่ก็ยังอดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของท่านประธาน
"คุณบี๋ครับ.. ช่วยผมหน่อยได้มั้ย "