บทที่ 9 เซี่ยห้าวไห่ขึ้นเขาล่าสัตว์

2075 คำ
ทุก ๆ เดือนเหล่านายพรานหรือชาวบ้านที่ว่างงานจะรวมตัวขึ้นเขาเพื่อไปล่าสัตว์ บริเวณที่จะไปล่าสัตว์เต็มไปด้วยความอันตราย ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตได้หากถึงยามคับขัน เซี่ยห้าวไห่จึงปล่อยลูกชายให้ดูแลพี่สาวและน้องสาวอยู่ที่บ้านแทน ไม่มีวันเวลาแน่ชัดว่าเดือนนี้จะไปวันไหน เดือนหน้าไปวันนี้ดีหรือไม่ หากวันไหนสภาพอากาศดี และเหมาะสำหรับเดินเขา ทุกคนที่ไปจะเรียกรวมตัวกันทันที บางเดือนไปสิ้นเดือนและกลับมาอีกเดือนหนึ่งก็ไปต่อทันที บางเดือนก็ไปช่วงกลางเดือน ต้นเดือนบ้าง ปลายเดือนบ้าง เซี่ยซูเหยาชวนเซี่ยซูเจี๋ยเตรียมของให้เซี่ยห้าวไห่ก่อนที่บิดาของพวกนางจะออกเดินทางหลายวัน โชคดีที่ช่วงนี้ได้ไก่ป่ามาหลายตัว ไก่ป่าถูกชำแหละเนื้อเป็นชิ้นใหญ่ หมักด้วยเกลือและสมุนไพรดับกลิ่นคาวที่เซี่ยซูเหยาเป็นคนหมัก ก่อนจะถูกนำไปตากแห้ง เมื่อแห้งดีแล้วนำไปย่างครึ่งหนึ่ง เซี่ยซูเหยาให้พี่ชายไปซื้อข้าวมาเตรียมไว้แล้วจึงห่อใส่ใบตองพร้อมกับไก่ตากแห้งที่ย่างจนแห้ง ส่วนไก่ตากแห้งที่เหลือก็นำใส่ห่อของไปด้วยอีกที นอกจากเนื้อไก่ตากแห้งแล้ว เซี่ยซูเหยายังทำปลาตากแห้งให้เซี่ยห้าวไห่อีกด้วย นางรู้ว่าต่อให้เขาได้สัตว์ตัวใหญ่มายังไงก็ต้องแบ่งคนที่เข้าไปด้วย ไม่ก็เก็บไว้ขายและนำกลับมาที่บ้าน ของพวกนี้หากเข้าป่าที่มีอากาศชื้นยังไงก็อยู่ได้ไม่นาน ไปครั้งหนึ่งไม่แน่ชัดว่าไปกี่วัน ทว่าไปเร็วสุดเพียงหนึ่งสัปดาห์ และกลับช้าสุดเพียงสิบห้าวัน เซี่ยห้าวไห่เคยกล่าวไว้ว่าอันตรายมีรอบด้าน บางคนไปจนหลับตาเดินเข้าออกได้ ทว่าบางคนกลับไม่สามารถมีชีวิตออกมาได้ จึงรอให้เซี่ยซูเหยียนมีประสบการณ์มากกว่านี้ ครั้งนี้เห็นว่าจำนวนนายพรานที่ไปรวมถึงเซี่ยห้าวไห่มีเพียงห้าคน และชาวบ้านที่ว่างงานต้องการไปล่าสัตว์อีกเพียงสี่คน จำนวนคนนับว่าอันตรายมาก ทว่าบิดสของนางกลับกล่าวว่าแบบนี้ก็ดี ไม่วุ่นวาย เซี่ยซูเหยามองข้าวของที่เตรียมเอาไว้ บิดาของนางมีย่ามที่ใส่อุปกรณ์และอาวุธอย่างพวกมีดและขวาน ส่วนข้าวของเครื่องใช้มีเพียงเสื้อที่ใส่ไปและสำรองไว้อีกหนึ่งชุด นอกจากนั้นก็มีตะกร้าขนาดใหญ่ที่มีของที่นางเตรียมให้ แต่ก่อนยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์มีเพียงเซี่ยซูเจี๋ยที่เตรียมของให้ และของกินมีเพียงข้าวและผักลวกหรือผักดองเท่านั้น อีกทั้งยังมีข้าวสารเพียงหยิบมือทว่าใช้รับประทานได้นานสำหรับเซี่ยห้าวไห่ ยามนี้มันต่างออกไป เซี่ยซูเหยารู้ตัวว่านางไม่ป่วยอีกจึงไม่ห่วงเรื่องที่นำเงินมาใช้จ่าย ยังไงเงินพวกนี้ก็เก็บไว้ให้นางรักษาตัว “ท่านพ่อระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ” “ข้าจะดูแลพี่สาวกับน้องสาวให้ดีขอรับ” “อาเหยารอท่านพ่อกลับมานะเจ้าคะ” สามพี่น้องกล่าวบอกพ่อของพวกเขาอย่างเป็นห่วง การขึ้นเขาล่าสัตว์เป็นอันตรายอย่างมาก หากพลาดพลั้งไปเพียงนิดอาจเอาชีวิตไม่รอด “อาเจี๋ย อาเหยียน อาเหยา ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อ พวกเจ้าดูแลรักษากายให้ดี” “เจ้าค่ะ” “ขอรับ” เหล่านายพรานและชาวบ้านที่รวมตัวขึ้นเขาไปล่าสัตว์เริ่มเดินออกไปกันแล้ว เซี่ยซูเหยาก้มหน้า แม้นางจะมาอยู่ที่นี่ไม่นาน ทว่านางก็ผูกพันธ์กับเขาไปไม่น้อย อีกอย่างคงเป็นความสัมพันธ์พ่อลูกของเซี่ยซูเหยาคนก่อนอีกด้วย ในใจของนางจึงเป็นห่วงเขา เซี่ยซูเจี๋ยลูบผมน้องสาวด้วยความเอ็นดู ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อาเหยามาส่งท่านพ่อไปล่าสัตว์ แรก ๆ นางก็เป็นเหมือนน้องสาว ทว่ายามนี้นางชินไปเสียแล้ว “กลับกันเถอะ พี่จำได้ว่ากระดูกไก่ยังเหลืออยู่ จะทำน้ำแกงบำรุงร่ายกายให้เจ้า” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องสาว พลางหันไปเรียกน้องชาย แม้ร่างกายของเซี่ยซูเหยาจะไม่มีอะไรให้เป็นห่วง ทว่านางป่วยมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้ที่บ้านต้องกัดก้อนเกลือ การบำรุงน้องสาวก็ต้องทำต่อไป “ขอรับ” “เจ้าค่ะ” ลับหลังสามพี่น้องบ้านเซี่ยเดินกลับบ้าน ชาวบ้านที่ออกมาส่งสามี ออกมาส่งลูกชายต่างซุบซิบกันอย่างอิจฉา ว่ากันว่าตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กของบ้านเซี่ยฟื้นจากไข้จับ นางก็เป็นตัวนำโชคในการเข้าป่าของบ้านเซี่ย ส่วนสามพี่น้องบ้านเซี่ยไม่มีใครสนใจเรื่องอื่น ทั้งสามคนกลับบ้านด้วยความอารมณ์ดี บิดาขึ้นเขาไปล่าสัตว์เซี่ยซูเหยียนจึงไม่ต้องไปรับจ้าง อยู่บ้านดูแลพี่สาวและน้องสาวรอเซี่ยห้าวไห่กลับมา เซี่ยซูเหยาเดินเข้าห้องนอนที่เพิ่งเปลี่ยนไม้ไผ่ไปไม่กี่วันก่อน ห้องนอนของนางจึงมีกลิ่นหอมของไม้ไผ่ ไม่เพียงเท่านั้น ในห้องโถง ห้องนอนของเซี่ยซูเจี๋ย ห้องนอนของเซี่ยห้าวไห่และเซี่ยซูเหยียนก็ใช้ไม้ไผ่เช่นเดียวกัน ตอนแรกจะมีไม้ไผ่แค่ห้องของนาง ทว่าเซี่ยซูเหยามองดูแล้วใช้ไม้ไผ่จะสะอาดและลดกลิ่นอับชื้นมากกว่า ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเซี่ยซูเหยาก็ถอนหายใจออกมานับไม่ถ้วน ลำพังแค่นางเดินก็เหนื่อยมากแล้ว เห็นทีคงต้องใช้เวลาที่เซี่ยห้าวไห่ไปล่าสัตว์เพิ่มการออกกำลัง เซี่ยซูเหยาจะเข้าป่าอีกครั้ง นางรอไม่ไหวแล้ว นางจะมัวอาลัยอาวรณ์ชีวิตเก่านางได้อย่างไร นางตายจากอาป๊า หม่าม้า เฮียนรา และตี๋เล็กไปนานแล้ว ชีวิตใหม่ที่ได้มานางจะสานต่อชีวิตของเซี่ยซูเหยาก็แล้วกัน ชาติก่อนนางกับครอบครัวคงทำบุญมาน้อย ทว่ายามนี้ที่บ้านยากจน นางต้องพาครอบครัวร่ำรวยให้ได้ เซี่ยซูเหยาหยิบกำไลไข่มุกที่นางบังเอิญเห็นวันที่ทำความสะอาดขึ้นมาดูด้วยความสงสัย สกุลเซี่ยเป็นสกุลชาวบ้านมานับร้อยปี ปักหลักอยู่ที่เมืองเฟิงทั้งหมด หากจะออกจากเมืองเฟิงต้องละทิ้งสกุล และเท่าที่จำได้เซี่ยห้าวไห่เคยกล่าวกับนางว่าเชื้อสายสกุลเซี่ยไม่มีผู้ใดละทิ้งสกุล ทว่าสกุลเซี่ยไม่มีใครร่ำรวย แต่ละครอบครัวหากไม่ลำบากก็พอใช้ กำไลไข่มุกที่มีเซี่ยซูเจี๋ยกล่าว่าบิดาของนางเคยสวมให้ในวันที่นางเกิด และถอดออกหลังผู้เป็นมารดาเสียชีวิต กำไลไข่มุกวงนี้มองด้วยตาเปล่าก็ไม่ธรรมดา ทว่าบิดาของนางได้มาจากไหน นี่เป็นสิ่งที่นางสงสัยและอยากรู้ หากไปถามก็คงไม่บอกนางแน่ มารดาของพวกนางไม่ใช่คนมีฐานะตามที่รู้มา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีกำไลไข่มุก หากเป็นกำไลไม้ก็จะไม่สงสัย นางกลัวว่าภายภาคหน้าจะเป็นอันตราย “อาเหยา!” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาสอดกำไลไข่มุกใส่ช่องตู้โตว ที่เซี่ยซูเจี๋ยเย็บให้ พี่สาวของนางเคยเห็นทว่านางควรจะเก็บไว้ บางทีมันอาจเป็นของมารดาที่ทุกคนไม่ต้องการให้กล่าวถึง “พี่สาวทำน้ำแกงกระดูกไก่ให้แล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาเดินตามพี่สาวออกจากห้องนอนของตัวเอง พลางปิดประตูเอาไว้ เซี่ยซูเจี๋ยเอาตะกร้าผ้าไปซักที่ลำธารและให้เซี่ยซูเหยียนดูแลน้องสาวคนเล็ก ระหว่างที่นางไม่อยู่ เซี่ยซูเหยียนเลยใช้โอกาสนี้จักตอกสานของบิดารอ ส่วนเซี่ยซูเหยาทำได้เพียงท้าวคางมองเจ้าเสี่ยวเฮยที่วิ่งไล่งับแมลง ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู เจ้าเสี่ยวเฮยมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นเกือบสองเท่าภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ และนางเดาว่าในอนาคตเจ้าเสี่ยวเฮยจะใหญ่กว่าแม่หมาป่าตัวนั้น ว่าแล้วก็อดนึกถึงไม่ได้ “วันก่อนอาเหยาบังเอิญเจอฝาแฝดเซี่ยตอนกลับมาเอาของให้พี่สาว พวกเขากล่าวว่าเพราะอาเหยาป่วย พี่ชายจึงไม่ได้เรียน” เซี่ยซูเหยากล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างนางกับพี่ชาย สิ่งที่นางกล่าวออกไปไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เซี่ยซูเหยาเจอฝาแฝดเซี่ยจริง ทว่าสิ่งที่พวกเขากล่าวคือเพราะเซี่ยซูเหยาเป็นตัวซวยของสกุลเซี่ย มารดาตาย ป่วยตั้งแต่เกิด และทำให้สกุลเซี่ยมีมลทิน “ไม่จริง! อาเหยาอย่าไปฟังพวกมันนะ” เซี่ยซูเหยียนกล่าวด้วยความร้อนรน เรื่องนี้คนในบ้านไม่มีใครพูดถึง ขอเพียงแค่น้องสาวยังมีชีวิตอยู่พวกเขายอมทำทั้งหมด ทว่าบ้านเซี่ยสายรองกลับพูดทำร้ายจิตใจอาเหยา! ท่านพ่อกลับมาคงต้องบอกแล้ว “อาเหยารู้เจ้าค่ะ ทว่าเป็นเพราะอาเหยาจริง ๆ ที่ทำให้พี่ชายไม่ได้เรียน” เซี่ยซูเหยาเอ่ยด้วยความไม่จริงจังนัก หากเป็นลูกหลานของเหล่าขุนนาง บุตรชายหรือเหล่าทายาทจะเข้าเรียนตั้งแต่ยังเล็ก ทว่าด้วยความเจริญของแคว้นหนาน ชาวบ้านสามารถส่งลูกหรือส่งหลานเข้าไปเรียนในสำนักศึกษาของเมืองได้ เมืองเฟิงมีสำนักศึกษาเช่นเดียวกับหลายเมือง ไม่มีค่าใช้จ่าย มีเพียงค่าอาหารการกินและที่พักเท่านั้นหากต้องการพักในสำนักศึกษา หากนางสามารถเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ได้ บางทีอาจส่งพี่ชายเข้าไปเล่าเรียนได้ อายุของพี่ชายนางยังสามารถเข้าเรียนได้ ทว่าหากผ่านไปอีกสองปียังไม่เข้าเรียนก็ไม่สามารถเรียนได้แล้ว “อาเหยาอยากให้พี่ชายไปเรียนหรือ” เซี่ยซูเหยาถอนหายใจก่อนพยักหน้า เซี่ยซูเหยียนเป็นเด็กฉลาด นางกล่าวไม่กี่ครั้งเขาก็จำได้และรับรู้ว่านางก็การสิ่งใด “ทว่าค่าใช้จ่ายมันไม่น้อย” เซี่ยซูเหยียนส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เห็นว่าเซี่ยหยุนหรงผู้นั้นหมดไปวันละหลายร้อยอีแปะที่ยังไม่รวมกับค่าห้องพัก เซี่ยซูเหยียนหาเงินได้เพียงวันละไม่กี่อีแปะจะเข้าไปเรียนได้อย่างไร ที่สำคัญเพียงค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ละวันก็เยอะแล้ว “อาเหยารู้” เซี่ยซูเหยาก้มหน้า นางมีเวลาหนึ่งปีในการทำกิจการเหลาอาหาร หรือแม้แต่การเปิดร้านเล็ก ๆ ที่สามารถส่งพี่ชายไปเรียนได้ นางไม่เชื่อว่าค่าใช้จ่ายมันจะเยอะถึงเพียงนั้น บ้านหลิวที่อยู่ห่างจากบ้านของพวกนางไม่ไกลก็ส่งหลานชายไปเรียน นอกจากค่าห้องพักสามตำลึงเงินต่อเดือนก็มีเพียงค่ากินที่ไม่ถึงเดือนละหนึ่งตำลึงเงิน อีกทั้งบ้านนั้นก็ไม่ได้ร่ำรวย “เอาเถอะ พี่จะพยายามหาเงินไปเรียนให้ได้” เซี่ยซูเหยียนลูบผมน้องสาวอย่างเอ็นดู เหลือเวลาเพียงปีกว่า ๆ เขาก็ไม่สามารถไปเรียนได้แล้ว เซี่ยซูเหยียนจึงไม่ได้รับปากน้องสาวว่าจะไปเรียน ทว่าเขาบอกจะพยายาม นั้นคือสิ่งที่เซี่ยซูเหยาหวัง หมายความว่าหากมีเงิน พี่ชายของนางก็จะยอมไปเรียนใช่หรือไม่ เซี่ยซูเหยายิ้มกว้างก่อนจะโผล่กอดพี่ชายอย่างไม่สนใจว่าตัวเองเป็นสตรี เซี่ยซูเหยียนคล้ายกับเฮียนรามาก ไม่รับปากว่าจะสำเร็จทว่าก็จะพยายามทำให้ได้ เซี่ยซูเหยาผละออกจากพี่ชายเมื่อพี่สาวกลับมาถึงบ้าน รีบเดินไปช่วยเซี่ยซูเจี๋ยตากผ้า เสื้อผ้าของนางเซี่ยซูเจี๋ยก็ยังไม่อนุญาตให้นำไปซักเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม