เซี่ยซูเหยากอดเข่านั่งมองเจ้าเสี่ยวเฮย ที่นางเก็บกลับมาด้วย นางอ้อนบิดาเกือบครึ่งวันเพื่อขอเลี้ยงลูกหมาป่าตัวสีขาว
เสี่ยวเฮยมีขนสีขาวแต่ที่ไม่ได้ตั้งว่าเสี่ยวไป๋ เพราะเซี่ยซูเหยานึกถึงแม่หมาป่ากับบรรดาพี่น้องของเสี่ยวเฮยที่มีขนสีดำ นางเลยตั้งชื่อนี้ให้เสี่ยวเฮย
ถึงเซี่ยซูเจี๋ยไม่ต้องการให้น้องสาวเลี้ยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกหมาป่ายังเด็กมันช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น และนางก็ไม่ได้ใจดำ
“ท่านพ่อ อาเหยาอยากกินปลาย่าง” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยห่าวไห่ที่นั่งสานตะกร้า
เซี่ยห้าวไห่สามารถทำได้หลายอย่าง ล่าสัตว์ รับจ้างทั่วไป หรือสานตะกร้าเขาก็สามารถทำได้ วันนี้เขาไม่ได้เข้าป่าเพราะเพิ่งเข้าไปเมื่อวานและของที่ได้มาก็กลัวจะกินไม่ทัน อีกทั้งไม่มีใครจ้างงาน
“ทำไมไม่บอกพี่สาวทำให้ล่ะ”
“อาเหยาอยากทำเองเจ้าค่ะ”
ยามที่เซี่ยห้าวไห่อยู่บ้านเขาจะจับตานางตลอดเวลา และไม่ต้องการให้นางทำอะไรที่เหนื่อย เซี่ยซูเหยาจึงต้องขอบิดาก่อน ส่วนพี่สาวนั้นอนุญาตแล้ว
“อืม ให้พี่สาวช่วยทำด้วยนะ”
เซี่ยซูเหยาพยักหน้า อันที่จริงตอนนี้พี่สาวคงล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้ว นางเลยรีบเดินไปยังหลังบ้านเพื่อหาหนิงเหมิงเฉ่ามายัดไส้ตัวปลา ที่จริงไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ ทว่าถ้าใส่มันจะได้กลิ่นที่หอมและน่ารับประทาน
พอได้หนิงเหมิงเฉ่ามาแล้วเซี่ยซูเหยาก็นำไปล้างในน้ำสะอาด แล้วเดินไปหาพี่สาวที่นั่งรออยู่ ปลาสองตัวไม่ได้ถูกขอดเกล็ดแต่ถูกล้างน้ำจนสะอาด ถูกวางในชามที่มีในบ้าน
เซี่ยซูเหยานำเกลือมาโอบรอบตัวปลาบาง ๆ และยัดหนิงเหมิงเฉ่าใส่ท้องปลาที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ปลาย่างเกลือทำง่ายกว่าไก่ย่างสมุนไพรมาก พอหมักปลาเสร็จเซี่ยซูเหยาก็เขี่ยไฟที่พี่สาวจุดไว้ให้
ไฟต้องอ่อนเพื่อให้เนื้อปลาข้างในมันสุก ก่อนจะยกตัวปลาลงมาย่างเตาถ่านที่เตรียมไว้ เซี่ยซูเหยารีบไปล้างมือให้สะอาด ปล่อยให้เซี่ยซูเจี๋ยดูปลาต่อ
นอกจากปลาย่างเกลือแล้วยังมีน้ำจิ้มรสเปรี้ยวที่เซี่ยซูเหยาจะให้เซี่ยซูเจี๋ยทำ เพราะการโขลกล่าเจียวมันต้องใช้แรงมาก เซี่ยซูเหยากลัวว่าจะปวดแขนหากตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ และเซี่ยซูเหยาก็นำข้าวสารที่เหลือในบ้านเกือบหนึ่งจินมาหุงทั้งหมด พรุ่งนี้ค่อยไปซื้อใหม่
ส่วนเจ้าเสี่ยวเฮยเซี่ยซูเหยาเอาน้ำต้มข้าวที่มีให้ผสมกับเนื้อปลาที่ต้มเอาไว้ ให้แค่เนื้อปลาเท่านั้นส่วนก้างปลาเซี่ยซูเหยาให้เซี่ยซูเหยียนเอาไปฝั่งกลบดินไกลบ้าน เดี๋ยวเจ้าเสี่ยวเฮยจะไปขุดเจอ เนื่องจากตัวยังเล็กจึงไม่ควรที่จะกินของแข็ง
“อาเหยา ละเอียดแล้ว” เซี่ยซูเจี๋ยร้องเรียก
เซี่ยซูเหยาที่นั่งเฝ้าเตาถ่านลุกขึ้นยืนและเดินตรงมายังเซี่ยซูเจี๋ยที่โขลกล่าเจียวให้ สมาชิกในบ้านมีสี่คนและแต่ละคนก็ชอบน้ำจิ้มมาก เลยต้องทำเยอะเป็นพิเศษ
ตักล่าเจียวใส่ชามเตรียมเอาไว้ ส่วนผสมอย่างอื่นที่ใช้ทำน้ำจิ้มก็ถูกเตรียมเอาไว้แล้วเช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องรอปลาย่างสุกเสียก่อน เซี่ยซูเหยาถึงจะปรุงน้ำจิ้ม
วันนี้เซี่ยซูเหยียนถูกชาวบ้านมาตามให้ไปช่วยเก็บฟืน เขาไปตั้งแต่เช้าแล้วคาดว่าตอนกลางวันคงต้องกลับมา ที่เซี่ยห้าวไห่ไม่ได้ไปด้วยเพราะคนที่มาจ้างต้องการแค่คนเดียว และต้องเป็นเซี่ยซูเหยียน
ระหว่างรอปลาสุกเซี่ยซูเหยาก็นั่งเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยที่หน้าบ้าน เนื่องจากมันเป็นหมาป่าที่มีขน เซี่ยซูเจี๋ยให้เลี้ยงได้แต่มีข้อแม้ว่าไม่ให้เอาเข้าในบ้าน อุ้มเล่นในบ้านได้แต่ต้องนำมานอนนอกบ้าน
ยามกลางวันคนอยู่ไหนลูกหมาป่าก็อยู่นั่น ทว่าพอถึงเวลานอนมันจะถูกอุ้มไปนอนในครัว เซี่ยซูเหยาไม่ไว้ใจคนนอกที่จะเข้ามาในบ้านและกลัวทำร้ายเจ้าเสี่ยวเฮย
เอ๋ง
“เสี่ยวเฮย!”
เซี่ยซูเหยารีบอุ้มลูกหมาป่าที่นางเผลอเหยียบหางมันไป นางหมุนตัวจะกลับไปดูปลาย่างเกลือพอดีที่มันวิ่งมาหา จึงเผลอเหยียบมันไป
หงิก หงิก
เซี่ยซูเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก มองเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งสานตะกร้าอย่างลังเล ทว่าสุดท้ายก็อุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยไปด้วย
ต้องบอกก่อนว่าทุกคนในบ้านอนุญาตให้นางเลี้ยงเจ้าเสี่ยวเฮยได้ ทว่าต้องดูแลเองจะไม่เข้ามายุ่ง ไม่ว่าจะพาไปฉี่ อาบน้ำ หรือแม้แต่อาหารของมัน ซึ่งเซี่ยซูเหยาก็เข้าใจ
“หอมมาก”
เซี่ยซูเจี๋ยที่เฝ้าปลาย่างเกลืออยู่กล่าวขึ้นมาเมื่อเห็นนางเดินมาหา เซี่ยซูเหยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ปลาย่างเกลือส่งกลิ่นหอมยั่วยวนทั่วบริเวณหลังบ้าน
“สุกหรือยังเจ้าคะ”
ใกล้ได้เวลาอาหารมื้อกลางวันแล้ว เซี่ยซูเหยากลัวว่ามันจะไม่ทัน ลำพังสำหรับนางและพี่สาวไม่มีปัญหา ทว่าเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนต้องออกแรง
นางเลยต้องรีบทำมื้ออาหารกลางวัน
“ใกล้แล้ว รออาเหยียน กลับมาคงจะสุกทัน” เซี่ยซูเจี๋ยพยักหน้าตอบ
“วันนี้พี่ชายจะได้ค่าจ้างเท่าใดหรือเจ้าคะ”
ถ้าจำไม่ผิดคนที่มาเรียกไปจะเป็นคนที่นำฟืนเข้าไปขายในเมือง คนที่ขายฟืนให้เขาจะได้คนละห้าอีแปะต่อฟืนหนึ่งมัด ส่วนที่เขาเอาไปขายมัดละเท่าไรไม่มีใครรู้ ช่วยไม่ได้ที่เขามีรถม้าและรู้จักแหล่งขายฟืน
“น้อยสุด 10 อีแปะ มากสุดคงไม่เกิน 20 อีแปะ”
บางทีเซี่ยซูเจี๋ยก็อดสงสารน้องชายไม่ได้ บ้านอื่นลูกชายบางคนอาจถูกส่งไปเรียนในสำนักศึกษาในเมือง แต่เซี่ยซูเหยียนไม่มีโอกาสแม้แต่อ่านหนังสือ ฟืนแต่ละมัดก็ไม่ใช่น้อยทว่าก็ทำอะไรไม่ได้
เซี่ยซูเหยาพยักหน้าพลางคำนวณในใจ เวลาหาฟืนกลับมาบ้าน เซี่ยซูเหยียนได้ไม่ต่ำกว่าสามมัดในเวลาสั้น ๆ ทว่านางเห็นเขาเหนื่อยมาก
‘ท่านอาสาม!’
‘ท่านอาไม่ได้ไปทำงานหรือ?”
เซี่ยซูเหยาที่ยกปลาขึ้นมาใส่ถาดชะงักเมื่อได้ยินเสียงจากทางหน้าบ้าน มีคนเรียกบิดาของนางว่าท่านอา คงไม่พ้นหลาน ๆ ในสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยาหันหน้าไปมองพี่สาว
“พี่จะเอาเข้าไปเก็บในบ้าน อาเหยานั่งรอตรงนี้ก่อน” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องสาว
“เจ้าค่ะ”
ถึงขนาดที่เซี่ยซูเจี๋ยนำปลาย่างเกลือเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน คนมาใหม่คงไม่ธรรมดา เซี่ยซูเหยาลังแลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮยออกมาที่หน้าบ้าน
บริเวณหน้าบ้านบิดาของนางหยุดสานตะกร้าต่อแล้วนั่งนิ่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ เซี่ยซูเหยาถึงหันไปมองบุคคลที่มาใหม่ทั้งสอง
คนแรกเป็นสตรีนาม เซี่ยหลินยุ่น คนที่สองเป็นบุรุษนาม เซี่ยหยุนหรง ทั้งคู่เป็นฝาแฝดวัยสิบสี่หนาว ลูกสาวและลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนางซือหลิงที่ตามใจลูกมาก ทั้งคิดว่าเด็กแฝดคือผู้มีบุญมาเกิด อีกทั้งยังทำให้นางซือหลิงเป็นคนโปรดของแม่สามี
เด็กสองคนนี้เหมือนจะเคยแกล้งเซี่ยซูเจี๋ยกับเซี่ยซูเหยียนหากนางจำไม่ผิด และพี่สาวกับพี่ชายของนางไม่เคยบอกบิดา เพราะไม่ต้องการให้เขาลำบากใจ ผิดกับเซี่ยซูเหยาคนก่อนที่เกลียดคนทั้งคู่
“ท่านพ่อ”
เซี่ยซูเหยาเดินไปหาเซี่ยห้าวไห่ที่นั่งอยู่ ในอ้อมแขนของนางยังมีเจ้าเสี่ยวเฮยที่สะลึมสะลือ พลางมองไปยังตัวปัญหาที่มาใหม่
น่าแปลกที่ทั้งคู่หน้าตาดีมาก ไม่เหมือนกับคนเป็นแม่ที่ไม่หน้าตาดี ทว่าก็เทียบไม่ได้กับพวกนางสามพี่น้อง มารดาของพวกนางมีใบหน้าที่งดงาม ต่อให้ได้บิดามาแต่ก็มีความสวยงามและหน้าตาดีจากมารดามาอย่างลงตัว ยิ่งกับนางแล้วไม่ต้องกล่าวถึง
“โอ้ นี่อาเหยาหายป่วยแล้วรึ!” เสียงเด็กหนุ่มที่กำลังแตกหนุ่มเอ่ยขึ้น ใบหน้าของเขาปรากฎแววตารังเกียจออกมา
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาจ้องมองไปยังคนที่จ้องมองนางด้วยความรังเกียจ คิดว่าจะมองนางด้วยสายตาแบบนั้นได้คนเดียวหรืออย่างไร ที่นี่เป็นบ้านของนาง นางไม่กลัวพวกเขาหรอก อีกทั้งนางยังมีบิดาอยู่
“หลินยุ่น หยุนหรง หลานทั้งสองมีธุระอะไรถึงมาหาอา”
เซี่ยห้าวไห่ไม่ใช่คนโง่ นาน ๆ ที บ้านเซี่ยสายอื่นจะมาหาเขา หรือบางทีหากไม่เกิดเรื่องก็ไม่มีใครมา และหลายวันก่อนมารดาของพวกเขาเพิ่งมาที่นี่
“ท่านอาสาม ท่านแม่ของข้าไปทำธุระในตำบล นางให้ข้ากับพี่สาวมากินข้าวที่นี่ เห็นได้ปลากลับมาเยอะ” เซี่ยหยุนหรงกล่าวเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
“ไม่!”
เซี่ยซูเหยารีบปฏิเสธ นางไม่ต้องการให้คนนอกมารับประทานของที่พวกนางหามาอย่างเหนื่อย ๆ ลำพังอาหารพวกนี้ก็จะไม่พออยู่แล้ว ถ้ามีคนมาเพิ่มพี่ชายของนางจะกินอิ่มได้อย่างไร
“อาเหยา”
“อาสามเจ้าคะ! พี่ชายของนางพูดอยู่ นางพูดแทรกได้อย่างไร?”
แม้ท่าทางของเซี่ยหลินยุ่นจะเรียบร้อยและอ่อนหวานมากแค่ไหน ทว่ามันก็ขัดตาเซี่ยซูเหยามาก เป็นเพียงหญิงชาวบ้านทว่าทำตัวราวกับเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์
“ทำไมข้าจะพูดไม่ได้ ที่นี่บ้านข้า”
เซี่ยซูเหยากำลังคิดหาทางที่จะไล่สองพี่น้องกลับออกไป จะปล่อยเจ้าเสี่ยวเฮยลงไปวิ่งไล่กัดก็ทำไม่ได้ มันยังเล็กอยู่เกรงว่าจะถูกถีบกลับมาได้
“นี่!”
เซี่ยหลินยุ่นปรี่เข้ามาหาเซี่ยซูเหยา แต่ก็รีบผละออกโดยเร็วเมื่อเห็นว่ามีตัวอะไรในอ้อมแขนของเซี่ยซูเหยา
“กรี๊ดดด”
เซี่ยซูเหยารีบปล่อยเจ้าเสี่ยวเฮยลงบนแคร่ไม้ไผ่พลางใช้มืออุดหู เสียงแหลมสูงที่กรีดร้องมาเมื่อครู่มันทำนางปวดหูไม่น้อยเลยทีเดียว
“หลินยุ่น!”
“หยุนหรง สัตว์หน้าขนนั่น!”
แม้เป็นเสียงกระซิบทว่าก็ไม่สามารถเล็ดรอดจากหูของเซี่ยซูเหยาได้ ดูเหมือนว่าเซี่ยหลินยุ่นจะไม่ชอบสัตว์หรือไม่ก็กลัว
“ท่านอาสาม ท่านเอาตัวนี้มาเป็นภาระทำไม!”
“สัตว์เลี้ยงของอาเหยา” เซี่ยห้าวไห่ตอบ
หลานทั้งสองคนนี้ไม่เคยเคารพเขาด้วยความจริงใจสักครั้ง เพราะถูกเลี้ยงมาด้วยความแค้นที่ไม่สามารถเป็นสายหลักของสกุลได้ เซี่ยห้าวไห่ก็ไม่ชอบเช่นเดียวกัน เขารู้ว่าทั้งสองแกล้งลูก ๆ ของเขา แต่เขาเงียบเพราะเด็ก ๆ ไม่เอาเรื่องนี้มาบอก
“แต่พวกข้าจะมากินข้าวที่นี่!”
“แล้วอย่างไร แม่ของพวกเจ้าไม่ทำอาหารไว้ให้อย่างนั้นหรือ” เซี่ยซูเจี๋ยที่เพิ่งเดินออกมาถาม
“ใช่”
“หึ!”
ใครเชื่อก็โง่แล้ว ในบ้านสกุลเซี่ยสายรองเด็กแฝดถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ งานบ้านไม่เคยได้แตะ อาหารการกินอย่างกับเจ้านาย มีหรือที่คนรักลูกแฝดจะไม่ทำไว้ให้
“ที่บ้านไม่มีอะไรให้กินหรอก อารอเจ้ารองกลับมาจากเก็บฟืนไปซื้อข้าวสารให้อยู่”
“เหอะ ถ้าไม่อยากให้กินด้วยก็บอกมาตรง ๆ อย่ามาอ้างเลย!”
เซี่ยหยุนหรงอารมณ์เสีย หากไม่ติดว่าเขารู้มาจากชาวบ้านว่าเซี่ยซูเหยียนห่อปลาย่างไปกินตอนเก็บฟืน มีหรือที่จะมาบ้านหลังนี้
“ก็บอกไปแล้วนี่”
เซี่ยซูเหยาท้าวเอวมองอย่างหงุดหงิด นางเห็นพี่ชายของนางกำลังเดินมาด้วยความเหนื่อย ๆ จึงต้องรีบไล่สองพี่น้องนี้ออกไป พวกนางจะได้รับประทานอาหารสักที
“ไปกันเถอะ” เซี่ยหลินยุ่นรีบดึงแขนน้องชายเมื่อเซี่ยซูเหยาอุ้มลูกหมาป่าขึ้นมากอดพร้อมกับมองพวกนางอย่างท้าท้าย
“เดี๋ยวสิ!”