Chapter 3 แค่ใกล้...หัวใจข้าก็หวั่นไหว
“ข้านำชาเข็มเงินจวินซานมาให้ขอรับคุณหนู”
“ขอบใจมาก”
เย่วสือพยักหน้าน้อยๆ แล้วรับแก้วชามาจิบ จากนั้นจึงเงยหน้ามองสบตาชายยาใจเป็นครั้งแรก จะว่าไปหานตงอยู่ที่นี่มาเกือบอาทิตย์แล้ว นางไม่เคยเรียกใช้ ไม่เคยสนใจ หรือไม่แม้แต่ชายตามองด้วยซ้ำไป
นางจึงไม่เคยรู้เลยว่าชายผู้นี้มีใบหน้างดงามราวกับเทพเซียน ผิวพรรณละเอียดลออราวกับอิสตรี ใบหน้ามนเรียวทว่ากลับมีสันกรามและลูกกระเดือกบ่งบอกว่าเขาเป็นบุรุษเพศแข็งแกร่ง
นางจิ้งจอกขาวจ้องมองชายยาใจตะลึงงัน กว่าจะรู้ตัวเขาก็ขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนเป่าลดลงบนหน้าผากของนางเสียแล้ว
ตึก! ตึก! ตึก!
อะไรกัน! เหตุใดจู่ๆ หัวใจข้าจึงเต้นแรงเพียงแค่ชายยาใจขยับเข้ามาใกล้ๆ หรือข้าหลงใหลความงามของเขา
ไม่!
ข้าเคยพบบุรุษรูปงามมานักต่อนัก ไม่เคยมีบุรุษรูปใดทำให้ข้าหัวใจเต้นแรงได้เลยสักคน
แล้วเหตุใดชายยาใจผู้นี้จึงทำให้ข้าหวั่นไหว...
จังหวะนั้นเองหานตงยื่นมือเฉียดใบหน้านวลไปเพียงเล็กน้อย แล้วสัมผัสแผ่วเบาลงบนเส้นผมดำคลับนุ่มลื่นดุจแพรไหม
“อะ...เอ่อ จะ...เจ้าจะทำอะไร”
แม่นางเย่วสือแทบจะกลั้นหายใจ ทำอะไรไม่ถูกนอกจากแสร้งชักสีหน้าไม่พอใจ แล้วละล่ำละลักเอ่ยถามออกไป
“ขออภัยที่ข้าเสียมารยาทต่อฮูหยิน แต่ข้าเห็นแมงมุมไต่ลงบนแขนเสื้อของท่าน จึงเกรงว่ามันจะกัดท่าน”
เขาชูปลายนิ้วที่มีแมงมุมเกาะอยู่ ก่อนจะสะบัดเพียงน้อยแมงมุมก็ลอยละล่องไปเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างราวกับจับวาง บ่งบอกถึงระดับ
วรยุทธ์สูงส่งของชายหนุ่ม
“งั้นหรือ ขอบใจมาก”
เย่วสือเม้มริมฝีปากเข้าหากัน รู้สึกราวกับริมฝีปากกำลังแห้งผาก นางไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนั้นทำให้หานตงถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาอยากจะก้มลงบดจูบนางให้สมกับหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมาย อยากจะบำรุงบำเรอนางด้วยอ้อมกอดของเขาแทบขาดใจ แต่นางกลับไม่มีทีท่าว่าจะเรียกหาเขาเลยแม้แต่ราตรีเดียว
“คุณหนูเจ้าคะเกี้ยวพร้อมแล้วค่ะ”
เจียวเจี๋ยถึงกับชะงักเมื่อเห็นเจ้านายสาวและหานตงจ้องมองตากันราวกับมีนัยบางอย่างแฝงอยู่
“ไปสิ...ข้าพร้อมแล้ว ว้าย!”
นางจิ้งจอกขาวพรวดพราดลุกขึ้นทว่ากลับเซล้มเพราะปลายเท้าชาจากการนั่งท่าเดิมนานๆ จังหวะนั้นหานตงปราดเข้ามารับไว้ได้ทัน นางจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ขะ...ขอบใจ”
อ้อมกอดอบอุ่นทำให้ทั้งคู่ต่างนิ่งงันราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ ได้ยินเพียงเสียงของหัวใจ ที่ต่างเต้นแรงในจังหวะเดียวกัน
“อะ...เอ่อ”
เย่วสือผละออกจากอ้อมกอดที่ทำให้หัวใจของนางเต้นระรัว รีบหมุนตัวแล้วก้าวยาวๆ เดินนำเจียวเจี๋ยไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนหานตงนั้นก้มหน้าเพียงน้อยเพื่อซ่อนรอยยิ้มพึงใจเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดรับรู้ ก่อนจะไผล่มือทั้งสองไปยังด้านหลังแล้วเดินตามไปเงียบๆ แน่นอนชายหนุ่มไม่รู้ว่าฮูหยินของจานซ่านฉินกำลังจะไปที่ใด และไม่มีใครเชื้อเชิญให้เขาออกเดินทางไปด้วยแม้แต่คนเดียว
แต่ก็นั่นแหละ...เมื่อเขาเดินขนาบไปพร้อมกับขบวนเกี้ยวที่มีแต่หญิงสาวกลับไม่มีใครกล้าว่ากล่าวทักท้วงเขาแม้แต่ผู้เดียว
“บ้าจริง! จะตามมาทำไมนะ”
นางจิ้งจอกสาวแง้มม่านมองใบหน้าด้านข้างของหานตงด้วยความไม่สบายใจ ถึงสองครั้งสองคราที่นางใจเต้นระส่ำไปกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จากนี้นางต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาหัวใจของตนเองไม่ให้หวั่นไหวไปกับชายยาใจผู้นี้
เพราะหากนางเผลอหวั่นไหว นางอาจเพลี่ยงพล้ำจนกลายเป็นหมากให้ซ่านฉินจับวางลงบนกระดาน
ข้าจะไม่มีวันเผลอใจไปกับความงาม และความสุภาพแต่กลับแข็งแกร่งน่าเกรงขามของหานตงเด็ดขาด ไม่มีวัน!
เมื่อหิมะค่อยจางหายแทนที่ด้วยแสงแดดอุ่นจากดวงอาทิตย์ สายธารที่เคยหยุดนิ่งราวกับเกียจคร้านก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงน้ำตกกระเซ็นกระทบโขดหินดังซ่าก้องไปทั่วไพร
หานตงคลี่พัดปิดบังรอยยิ้มเอาไว้อย่างเสียไม่ได้ เดาได้ว่าเหล่าบรรดาอิสตรีเดินทางมายังน้ำตกผางามด้วยเหตุใด มิน่าเล่าแต่ละนางถึงมีท่าทางพิพักพิพ่วนเหลือจะกล่าว
“ข้าได้ยินว่าป่าทางด้านโน้นมีผลท้อทิพย์รสชาติเลิศรสนัก เชิญพวกท่านพักผ่อนชมน้ำตกกันตามสบายเถิด ข้าขอตัว...”
หานตงแสร้งพูดเสียงดังก่อนจะใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า สะบัดปลายเท้าราวกับเยื้องย่างอยู่บนอากาศ แล้วโฉบเกาะที่ปลายกิ่งไม้ก่อนจะทะยานไปยังจุดหมายหายไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ”
หลิงเผิ่งถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะพูดออกไปว่า
“ทีนี้พวกเราก็ลงเล่นน้ำกันได้อย่างสบายใจ คิดว่ามาครั้งนี้จะไม่ได้ลงเล่นน้ำเสียแล้ว”
คุณหนูจิ้งจอกขาวไม่ได้เอื้อนเอ่ยอันใด นางทำเพียงลอบถอนหายใจเงียบๆ แล้วมองออกไปยังสายน้ำชุ่มฉ่ำ ฉีกยิ้มกว้างสูดอากาศเย็นสบายเข้าปอด
“ผลัดผ้าก่อนนะเจ้าคะคุณหนู”
เจียวเจี๋ยปราดเข้ามาพร้อมผ้าสีทึบผืนใหญ่ สาวใช้อีกสองนางช่วยกันจับปลายกางเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เพื่อให้คุณหนูจิ้งจอกขาวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
เผ่าจิ้งจอกขาวนั้นอ่อนทั้งวรยุทธ์ ด้อยทั้งพลังปราณ มีความเป็นเทพต่ำค่อนไปทางสัตว์เสียมากกว่าเทพ มีนิสัยรักสงบไม่ชอบเบียดเบียนผู้อื่น จึงมักจะเห็นเผ่าจิ้งจอกขาวใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์เสียมากกว่าเทพหรือเผ่าสัตว์ปีศาจต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในเทือกเขาคุนเหม่ย
เย่วสืออยู่ในชุดเสื้อสีฟ้าอ่อนแขนยาว สาบเสื้อป้ายทับมีเชือกผูกหลวมๆ ไว้ที่เอวด้านข้าง กางเกงขายาวกรอมเท้า หลิงเผิ่งช่วยรวบผมมวยขึ้นสูงจนเห็นท้ายทอยงามระหง
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู รีบลงเล่นน้ำกันเถอะเจ้าค่ะ ไม่อย่างงั้นหานตงกลับมาทางนี้จะไม่น่าดู”
ผู้เป็นนายเพียงพยักหน้าน้อยๆ แล้วค่อยๆ จุ่มปลายเท้าลงไปในสายธารไหลเย็น ใสเสียจนมองเห็นโขดหินและก้อนกรวดเล็กๆ อยู่เบื้องล่าง มีปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายทวนกระแสน้ำตกอย่างเริงร่าสนุกสนาน
นางจิ้งจอกสาวผ่อนลมหายใจช้าๆ ค่อยเดินลึกลงไปจนสายน้ำสูงท่วมระดับอก
“สบายจัง”