"ออกไป!!" ภูสิงห์ไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น
"เอ่อ ค่ะ ๆ" ดุจฟ้ารีบเดินออกไปทันที
นรีรินกำลังเก็บเอกสารเพื่อเคลียร์งานของวันนี้ให้เรียบร้อย ก่อนจะได้เวลาเลิกงานกลับบ้าน ยังไม่ทันเรียบร้อยดี ก็ได้ยินเสียงตวาดลั่น ในห้อง และเห็นดุจฟ้าเดินออกมา ไม่พูดไม่จาอะไร แต่กลับมายืนจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เธอไม่สนใจอยู่แล้วจึงเชิดหน้าใส่
พวกเธอไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ดุจฟ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้จัดการไร่ส้มภูลม ทำให้มองไม่เห็นหัวคนอื่น ๆ ไม่คบใคร นรีรินก็ไม่สนใจ จะคบหาเหมือนกัน เธอไม่ชอบคนหัวสูง ดูถูกคนอื่น
ที่สำคัญดุจฟ้ายังมองเธอเป็นคู่แข่งตลอด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ในขณะที่เธอไม่เคยมองดุจฟ้าเป็นคู่แข่งใดๆ เพราะเป้าหมายความสนใจคนละอย่าง ความต้องการเดียวของเธอ คือ ออกไปหางานทำในเมือง มีงาน มีเงิน แล้วจะพาพ่อออกไปอยู่ด้วย ไม่เกี่ยวกับผู้ชาย
ดุจฟ้า สาวสวยหุ่นดี ความสูง 170 เซนติเมตร หน้าตาสวยเซ็กซี่ผ่านการศัลยกรรมมาหลายขนาน จนสวยพริ้ง หนุ่ม ๆ ในไร่ล้วนแต่มองด้วยความชื่นชม หลงใหล แต่คนระดับดุจฟ้าไม่เคยจะแล
เป้าหมายที่ดุจฟ้าต้องการคือคุณนายเจ้าของไร่ หรือไม่ก็ต้องรวย และหล่อกว่า เธอถึงจะให้ความสนใจ ที่ผ่านมามองนรีรินเป็นคู่แข่ง เพราะ นรีรินสาวสวยเพียงคนเดียวในไร่ที่เธอข่มไม่ลง ถึงแม้จะเคยรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เงินทองทุกอย่างล้วนเป็นรองเธอ มีเพียงหน้าตา ที่นรีรินสวยโดยไม่ต้อต้องเติมแต่ง ถึงจะไม่โดดเด่นเท่าเธอ แต่เป็นผู้หญิงใครจะชอบให้คนอื่นสวยกว่า
"เธอก็หัวสูงไม่เบานะ เห็นไม่สนใจใคร ที่แท้แอบหวังสูงนี่เอง ระวังจะตกลงมาเจ็บหนักไม่พอ จะโดนคนซ้ำด้วย คงได้อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หึหึ” ดุจฟ้าพูดกับเธอเสร็จก็หันหลังจากไป
พูดอะไรของนางเนี่ย หน้าฉันก็จะตั้งบนบ่าสวย ๆ นี่แหละ
โดยปกตินรีรินจะไปกินข้าวพร้อมตะวัน ถ้าวันไหนเขามานั่งทำงานที่ออฟฟิศ หรือไม่ได้ออกไปข้างนอกกับภูสิงห์ แต่วันนี้เธอต้องเดินลงไปกินข้าวคนเดียว ฉายเดี่ยว พอเดินไปถึงโรงอาหาร รับรู้ได้ว่าวันนี้บรรยากาศดูแปลก ๆ
คนนั่งจับกลุ่มกินข้าวและกระซิบกระซาบแต่พอเธอเดินเข้าไปทุกคนก็พร้อมใจกันหันมามองเธอ พอหันไปมองพวกเขาก็หยุดคุยก้มหน้าก้มตากินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาการแปลก ๆ แบบนี้คงไม่พ้นเรื่องนินทา พยายามคิดทบทวนว่าเธอไปทำอะไรให้ชาวบ้านเขานินทา
ไม่มี
ช่างสิ เธอไม่ได้ไปทำอะไรผิดมาสักหน่อย
จนกระทั่งช่วงบ่ายตะวันเข้ามา นรีรินยังยุ่งกับเอกสารที่ต้องค่อย ๆ เช็ค ค่อย ๆ ตรวจ ตะวันมอบหมายงานเอกสารให้เธอเกือบทั้งหมด และไม่มีคนช่วย เพราะทั้งชั้นมีแค่เธอกับตะวันที่นั่งทำงานอยู่แผนกนี้
จึงต้องแบ่งงานกันทำ เธอทำเอกสารในออฟฟิศ ส่วนเขาต้องไปทำหน้าที่ติดตามภูสิงห์ เป็นข้อตกลงที่ลงตัวและสมเหตุสมผลที่ยอมรับได้ นรีรินยอมก้มหน้าก้มตาศึกษาไป ทำไป อันไหนสงสัยก็จดไว้ถามตะวันอีกครั้ง
ตะวันมายืนอยู่หน้าโต๊ะนานแล้ว แต่ไม่พูดอะไร เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
“มีไรหรือเปล่าคะ”
“คือ...อาทิตย์หน้าพี่กับนายจะไปต่างจังหวัดไม่ได้เข้ามา มีไรก็โทรหาพี่ได้ตลอด เผื่อรินต้องการความช่วยเหลือ” ตะวันหลบตาเธอ และเดินไปเก็บของที่โต๊ะพูดไปสั่งไป
“นายก็ไม่อยู่เหรอ??”
“อืม”
เย้ เย้ ไปนาน ๆ เลยนะ
ตะวันชะงักตั้งแต่ได้ยินนรีรินถามถึงภูสิงห์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง ความคิดสวนทางกับที่นรีรินคิด หากรับรู้ความคิดของรุ่นพี่ เธอคงจะร้องกรี๊ดขึ้นมาแน่นอน แต่เพราะไม่ได้ยิน จึงหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่ทำค้างไว้โดยไม่สนใจอะไรอีก
พร้อมกับเอ่ยปากคุยโดยไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองตะวัน “ได้ ถ้ามีไรรินจะโทรถามพี่ตะวันนะ”
“กลับมาแล้วจ้า” มือผลักเปิดประตูบ้านเข้าไป ปากก็ส่งเสียงบอกให้ผู้เป็นพ่อได้ยิน
“มาแล้วเรอะ...มานี่มา” เสียงไพศาลออกอาการดีใจ เมื่อได้ยินเสียงลูกสาวที่กำลังเดินเข้ามาข้างในบ้านชั้นเดียวที่พวกเขาอยู่มาตั้งแต่นรีรินกับราเชนยังเด็ก
นายใหญ่คนเก่าใจดี สร้างบ้านให้คนงานรุ่นแรกที่อยู่กันมาตั้งแต่เริ่มบุกเบิก จัดให้อยู่หนึ่งครอบครัวต่อหนึ่งหลัง กระจายอยู่ภายในบริเวณไร่ ต่อมาก็สร้างแบ่งเป็นห้องเหมือนอพาร์ทเมนท์ให้คนงานอยู่ ส่วนพวกเธอเป็นรุ่นแรก จึงมีบ้านพักหลังเล็กอยู่สบาย
นรีรินเดินเข้ามาเพิ่งสังเกตเห็นว่าไพศาลไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่มีคนอื่นนั่งอยู่ด้วย เขานั่งหันหลังให้ประตู เธอจึงชะงักเท้าไม่กล้าเดินเข้าไป
“พ่อมีแขกเหรอ งั้นรินขอไปอาบน้ำทำกับข้าวก่อนนะ พ่อคุยธุระไปเถอะ”
“ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอก มาๆทำความรู้จักกับคุณอดิศักดิ์ หัวหน้าหน่วยแปลงองุ่นคนใหม่ก่อน หัวหน้าเพิ่งมาทำงานได้อาทิตย์เดียว น่าจะยังไม่รู้จักกัน” นรีรินจึงเดินเข้าไปหาไพศาลที่ลุกขึ้นยืนส่งเสียงเรียกให้เธอเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะ” นรีรินยกมือไหว้หัวหน้าหน่วยคนใหม่
“สวัสดีครับ...เอ่อ...คุณริน ผมอดิศักดิ์ครับ จะเรียกอิฐก็ได้ครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ก่อนจะชะงักนิ่ง เมื่อมองเห็นหญิงสาวที่มายืนอยู่ตรงหน้า สายตาจ้องมองเธอด้วยความตื่นตะลึงอยู่นาน ก่อนจะกระแอมออกมาด้วยความเก้อเขินที่เผลอจ้องหญิงสาวนานเกินไป
วันนี้คุยงานกับไพศาลเสร็จ อีกฝ่ายก็เอ่ยปากชวนให้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน เมื่อเห็นว่าเขาเพิ่งมาอยู่ใหม่ และอาจจะไม่สะดวกที่ต้องออกไปซื้อหาจากข้างนอก ด้วยความเกรงใจอดิศักดิ์คิดจะปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็มาด้วยความเกรงใจที่ผู้ใหญ่อุตส่าห์เอ่ยปากชวน ตอนนี้บอกได้เลยว่ารู้สึกยินดีมากที่ตนเองไม่ได้ปฏิเสธไป