“จะให้ทำแบบนี้จริงนะหรือ” สรารีถามบรมเพื่อความมั่นใจ เธอไม่คิดว่าวาทินีจะจีบยากเย็นจนบรมต้องมาขอให้เธอช่วยเขาแบบนี้
“อืม พรุ่งนี้วาก็จะฝึกงานจบแล้วช่วยพี่หน่อย ยากๆ แบบนี้ พี่ยิ่งอยากได้” บรมบอก
“โรคจิตนะพี่บรม” สรารีบอกพลางขนลุกด้วยความรังเกียจ
“มันเป็นความชอบส่วนตัว” บรมบอกแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าฉันช่วยแล้วจะได้อะไร” สรารีถาม
“พี่รู้หรอกว่ากุ้งชอบไอ้ยามนั้น คนเหมือนกันดูกันออก” บรมบอก
“งั้นถ้ายาปลุกเซ็กส์นี่ ขอแบ่งใช้เลยนะ” สรารีบอกแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เลือกคนให้ช่วยงานไม่ผิดเลยจริงๆ” บรมพูด
คืนนี้เก่งกล้าจะอยู่เฝ้ายามดึก สรารีจะใช้โอกาสนี้จัดการวางยาให้เขา และรอบนี้เธอจะไม่ยอมให้เขาได้เปรียบเธอ และเธอต้องให้เขาเสร็จกับเธอให้ได้ เพราะมันคาใจเธอเป็นอย่างมาก
พอถึงเวลาเลิกงาน วาทินีกลับรถโดยสารเองคนเดียวเพราะเก่งกล้ายังไม่เลิกงาน สรารีที่กลับบ้านไปแล้ว เธอถือโอกาสกลับเข้ามาอีกครั้งในตอนสามทุ่มเพื่อเอากาแฟและข้าวกล่องมาส่งให้เก่งกล้า
“คือกุ้งอยากจะขอโทษเรื่องวันนั้น รับไว้ด้วยเถอะนะคะ” สรารีบอก เก่งกล้าเลยต้องรับเอาไว้ แต่เขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลเลยไม่ได้กินหรือดื่มสิ่งที่เธอเอามาให้
“ไม่ทานสักหน่อยหรือคะ” สรารีถามเขา
“ผมยังไม่หิวครับ กลัวว่าทานอิ่มๆ แล้วจะง่วงด้วย ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ผมจะเอากลับไปทานที่บ้านก็แล้วกัน” เก่งกล้าพูดดังนั้นสรารีก็ไม่รู้ว่าจะคะยั้นคะยอเขาแบบไหนอีก เลยต้องขอตัวกลับออกมาด้วยความเจ็บใจ และแค้นใจมาก คิดจะจัดการกับวาทินีตามที่บรมบอก เพราะคิดจะเอาความแค้นไปลงกับวาทินีแทน
เก่งกล้าเก็บของกลับบ้านในตอนเที่ยงคืนเมื่อมีพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกคนมาเปลี่ยนเวรยามกับเขา เขาถือข้าวกล่องกับกาแฟติดมือกลับบ้านไปด้วย พอเขาจอดรถลงไปเปิดประตูก็พบว่าวาทินียังไม่เข้านอน
“เป็นอะไร ดูทำหน้าเข้าสิ” เก่งกล้าถามแล้วเข็นรถเข้าไปจอด แล้วเดินออกมายืนคุยกับวาทินีข้ามกำแพงที่สูงเพียงอก เธอเดินมาหาเขาแล้วทำหน้าเบื่อหน่าย
“พ่อกับแม่ไปงานศพด่วนที่ต่างจังหวัด วาฝึกงานวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย เลยไม่ได้ไปด้วย” วาทินีบอกเสียงอ่อย แล้วมองไปที่ข้าวกล่องและถุงกาแฟในมือเขา
“พี่เก่งดื่มกาแหตั้งแต่เมื่อไร ไหนบอกทานกาแฟไม่ได้” วาทินีถามเขาด้วยความสงสัย
“กุ้งเอามาฝาก” เก่งกล้าบอก
“ตกลงเขาเป็นอะไรคะ” สรารีถาม
“ซื้อมาขอโทษที่พูดไม่ดีกับพี่เอาไว้ ก็เท่านั้น” เก่งกล้าเล่าให้วาทินีฟังแค่เพียงเท่านั้น เขาไม่อยากขายหน้าสรารีเรื่องที่เธออยากได้เขา
“งั้นวาขอกาแฟนะ”
“เดี๋ยวตาค้าง นอนไม่หลับกันพอดี” เก่งกล้าบอก
“วาเป็นพวกแปลกๆ ค่ะ กินกาแฟทีไรง่วงทุกที” วาทินีบอก
เธอยื่นมือขอจากเขา แล้วเก่งกล้าก็ยื่นให้เธอ ก่อนจะบอกลากันแล้วเข้าไปอาบน้ำ
วาทินีดื่มกาแฟไปสักพักเธอก็เริ่มมีอาการร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง เธอไม่สบายตัวและรู้สึกว่าเหงื่อออกทั้งๆ ที่อากาศก็เย็น วาทินีนั่งกระสับกระส่ายอยู่ประมาณเกือบสิบนาทีก็เริ่มทนไม่ไหว เธอเดินไปโทรเรียกเก่งกล้าให้ช่วยพาเธอไปหาหมอทันที
เก่งกล้าพอรับโทรศัพท์ก็รีบเดินมาดูเธอในชุดกางเกงนอนขาสั้นและเสื้อยืด วาทีนีเดินขากระเผลกไปเปิดประตูบ้านให้เขาแล้วเดินกระเผลกกลับมานั่งด้วยความไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นอะไรวา” เขาถามเธอด้วยความเป็นห่วง
“ช่วยพาวาไปหาหมอที วาร้อนมาก หัวใจก็เต้นแรงมาก มันบอกไม่ถูก” วาทินีบอก แล้วเดินไปหาเก่งกล้าโดยไม่รู้ตัว พอสัมผัสโดนตัวเขาเธอก็กอดเขาแล้วซุกหน้าไปมากับหน้าอกของเขา
“วาทำอะไร” เก่งกล้าถามด้วยความตกใจ
“วาร้อน พี่เก่ง ช่วยวาด้วย ร้อน ทรมานมากๆ” วาทินีบอกแล้วจะถอดเสื้อผ้าตัวเองบอก
“บ้าเอ้ย” เก่งกล้าสบถออกมาเมื่อรู้ว่าวาทินีโดนวางยา
และเธอคงไม่เป็นบ้าวางยาตัวเอง แต่คงเป็นเพราะกาแฟที่เขายกให้เธอ และมันคงเป็นฝีมือของสรารีอย่างแน่นอน
“ตั้งสตินะวา กุ้งวางยาปลุกเซ็กส์ในกาแฟ แล้ววาเพิ่งทานมันเข้าไป” เก่งกล้าบอก
“แล้ววาจะทำอย่างไรดี วาทรมานเหลือเกิน วาร้อนไปหมดแล้ว” วาทินีบอก
เก่งกล้าเดินพาเธอไปที่ห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัวราดหัวเธอให้สงบลง แต่ดูท่าวาทินีจะไม่ดีขึ้นมาเลย
“ไม่ไหวแล้วพี่ หัวใจวาเต้นเหมือนจะหลุดออกมา พี่เก่งทำให้วาหยุดที พี่เก่งช่วยทำอย่างนั้นที วาไม่ไหวแล้ว” วาทินีบอก
“แต่พี่เอ็นดูวาเหมือนน้อง พี่ทำไม่ได้หรอก” เก่งกล้าปฏิเสธ
“วาไม่ไหวแล้ว ให้ตายเถอะ รีบทำให้มันจบเสียที” วาทินีบอกอย่างทรมาน เก่งกล้าเลยจำเป็นต้องช่วยเหลือวาทินีให้พ้นจากความทรมานนี้
เขาถอดเสื้อผ้าที่เปียกของเธอออกแล้วอุ้มเธอเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ใกล้ที่สุด วาทินีกอดแล้วลูบคลำเขาสะเปะสะปะไปทั่วด้วยความปรารถนาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“พี่จะช่วยวาเท่าที่พี่จะช่วยได้” เก่งกล้าบอกแล้วหาผ้ามามัดมือเธอไว้ที่หัวเตียง เพราะไม่อยากให้เธอตอบโต้เขา กลัวว่าตัวเองจะทนต่อการปลุกเร้าไม่ไหวหากถูกเธอกอดจูบ
เก่งกล้าจับขาเธอกางออกแล้วใช้นิ้วมอบความสุขให้กับเธอ วาทินียิ้มอย่างพอใจแล้วครางออกมาเบาๆ เมื่อโดยสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา ก่อนจะเรียกร้องให้เขาทำมากกว่านี้
เขาตัดสินในเอานิ้วออกมาแล้วก้มหน้าลงไปใช้ลิ้นมอบความสุขให้เธอแทน วาทินีครางลั่นอย่างเสียวซ่าน สักพักเธอก็ตัวกระตุกเกร็งตอดรัดลิ้นของเขา แล้วตัวอ่อนลงไป
เก่งกล้าลุกขึ้นเอาหลังมือเช็ดคราบน้ำออกจากปาก มองหน้าวาทินีที่กำลังหลับตาลงเพราะความอับอาย
“พอหรือยัง” เขาถามเธอเสียงเบา วาทินีส่ายหัวเพื่อจะบอกเขาว่าเธอไม่รู้ แต่เก่งกล้าเข้าใจว่าเธอยังไม่หายแล้วมุดหน้าลงไปอีกรอบ วาทินีเลยไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้เขาทำให้เธอจนตัวอ่อนไปอีกรอบ
เขาไม่ได้สอดใส่เพราะเห็นว่านี่คือการช่วยเหลือเธอในฐานะน้องสาว ไม่อยากให้มองหน้ากันไม่ติดไปมากกว่านี้
เก่งกล้าห่มผ้าให้เธอแล้วแกะผ้าที่มัดมือเธอออก แล้วนั่งกุมขมับอยู่ข้างๆ ร่างบอบบางนั้น
“พี่ขอโทษ พี่ไม่น่าเอากาแฟของกุ้งให้วากินเลย พี่ว่าแล้วว่าเธอต้องมีจุดประสงค์แอบแฝง เพราะเธอเคยทำแบบนี้กับพี่มาแล้วครั้งหนึ่ง และพี่ก็ต้องมอบความสุขให้เธอโดยไม่เต็มใจไปแล้วในตอนนั้น ไม่คิดว่าเธอจะทำอย่างนี้เพียงเพราะต้องการพี่” เก่งกล้าบอกความจริงให้วาทินีฟัง
เธอกำลังอับอายในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอขอดื่มกาแฟนั่นด้วยตัวเองเขาไม่ได้ยัดเยียด และเธอขอร้องให้เขาทำเธอเอง
“พี่ขอโทษจริงๆ นะวา ที่ต้องทำให้วาตกอยู่ในสภาพนี้ วาจะโกรธพี่ก็ได้ แต่อย่าเกลียดพี่เลยนะ” เก่งกล้าบอก
“วาไม่โกรธไม่เกลียดพี่เก่งหรอกค่ะ แต่วาอาย อายมากๆ” วาทินีบอกเขา ทำให้เก่งกล้าโล่งอกที่เธอไม่ได้เกลียดเขา
“งั้นพี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้า” เขาบอกเธอแล้วออกจากห้องไป เพื่อปล่อยให้เธอได้อยู่กับตัวเอง
วาทินีลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปปิดล็อกบ้านไว้ เดินกลับมานอนลงที่เตียงด้วยหัวใจที่เต้นแรง ยอมรับว่าอับอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น และมันทำให้ความรู้สึกของเธอที่มีต่อพี่ชายข้างบ้านเปลี่ยนไป
เก่งกล้าเองก็เช่นกัน เขาล่วงเกินวาทินีเพราะอยากช่วยให้เธอพ้นจากความทรมานก็จริง แต่ว่ามันก็ทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นผิดจังหวะกับเธอไปแล้วเมื่อได้ล่วงเกินเธอไปแบบไม่ตั้งใจ และอยากรับผิดชอบ ปกป้องดูแลเธออย่างอธิบายไม่ถูก
**********************
เช้าวันต่อมาเก่งกล้าเป็นฝ่ายไปเคาะประตูบ้านของวาทินี เธอเปิดให้เขาเข้ามาด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ ยังเขินอายกับเรื่องน่าขายหน้าเมื่อคืนนี้อยู่
“น้าวีไม่อยู่ พี่เลยว่าจะชวนวาออกไปหาอะไรกินที่ตลาด” เก่งกล้าบอก
“วาว่าจะลวกโจ๊ก ง่ายดี พี่เก่งเข้ามานั่งก่อนก็ได้ วาว่าจะทำเผื่ออยู่พอดี” วาทินีบอกเสียงเบา เก่งกล้าเดินเข้าไปนั่งรอด้วยท่าทีที่ต่างคนต่างเขินกันแปลกๆ
“วันนี้พี่เลิกปกตินะ” เก่งกล้าบอกเธอ
“วันนี้พี่ๆ จะเลี้ยงส่งวา ที่ร้านอาหารแถวบ้านเราพอดี เดี๋ยววานั่งวินกลับเองก็ได้ค่ะ” วาทินีบอก
“งั้นเลิกงานแล้วโทรบอกพี่ไปรับดีกว่า กลับมืดๆ พี่ไม่อยากให้นั่งวิน” เก่งกล้าบอก
“ค่ะ” วาทินีรับปากอย่างเคอะเขิน แล้วนำถ้วยโจ๊กมาวางให้เขาตรงหน้า แล้วต่างคนต่างก็ทานอาหารเช้าโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว
ทั้งคู่ไปทำงานด้วยกัน และพอเลิกงานเก่งกล้าก็กลับไปก่อนเพราะว่าวันนี้ไม่ได้ควบกะ ส่วนวาทินีก็นั่งรถไปกับคนในสำนักงานพร้อมด้วยเพื่อนนักศึกษาอีกสองคนที่มาฝึกงานด้วยกันที่นี่
โชคดีที่ร้านอาหารอยู่ใกล้บ้าน วาทินีเลยรู้สึกอุ่นใจว่าถ้าหากมีอะไรเก่งกล้าก็สามารถมาหาเธอได้ไม่ถึงสิบนาที
เมื่อทุกคนทานอาหารและวาทินีมอบของที่ระลึกให้รุ่นพี่ในที่ทำงานเสร็จแล้ว ก็มีการดื่มเพื่ออำลากันอย่างเป็นทางการ
สรารีเอาเครื่องดื่มให้วาทินีและอาสาไปส่งเธอด้วยตนเอง แต่วาทินีรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลนั้น เธอไม่กล้าดื่มเครื่องดื่มที่สรารีเอาให้ สรารีซึ่งรู้ทันอยู่แล้วว่าวาทินีอาจจะปฏิเสธเธอเลยยื่นแก้วเครื่องดื่มแก้วแรกให้นักศึกษาฝึกงานอีกคนแทน แล้วเอาแก้วที่สองที่มียาปลุกเซ็กส์ยื่นให้วาทินี คราวนี้เธอรับไว้แล้วดื่มมันอย่างไม่ระมัดระวัง สรารีหันไปสบตากับบรมอย่างรู้กันว่างานนี้สำเร็จอย่างแน่นอน
วาทินีดื่มเข้าไปสักพักเธอก็เริ่มมีอาการเหมือนเมื่อคืน เธอรู้ว่าอาการนี้เกิดขึ้นจากอะไรแล้วรีบแกล้งเข้าห้องน้ำเพื่อโทรหาเก่งกล้าทันที
“พี่เก่ง วาคิดว่าวาถูกวางยาเหมือนเมื่อคืน” วาทินีบอก
“งานนี้บรมไปด้วยใช่ไหม” เก่งกล้าถามอย่างร้อนรน
“ค่ะ” วาทินีบอก
“พี่จะไปเดี๋ยวนี้ อยู่ในห้องน้ำ ไม่ต้องออกมาจนกว่าพี่จะโทรเรียก” เก่งกล้าบอกแล้วรีบออกจากบ้านไปทันที
เขาใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็มาถึงที่ร้าน เขาขอคุยกับสรารีและบรมทันที ตอนแรกทั้งสองไม่ยอมออกไป แต่เก่งกล้าหยิบเมมโมรี่การ์ดออกมาขู่ สรารีจึงรีบบอกให้บรมลุกตามเธอมาคุยที่หน้าห้องน้ำ คนอื่นๆ ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณวางยาในกาแฟผมเมื่อคืน และวันนี้ก็วางยาในเครื่องดื่มของวาอีก” เก่งกล้าบอก
“หลักฐานล่ะ” สรารีถาม ทำเป็นไม่กลัว
“ผมจะให้ที่ร้านรีกล้องดูว่าใครใส่ยาลงในเครื่องดื่มของวา หรือไม่ผมก็จะเอาคลิปหน้ารถคุณไปให้ฝ่ายบุคคลดู เสียงที่คุณบังคับให้ผมทำอะไรบางอย่างมันชัดเจน ผมก็อปลงที่คอมพ์แล้ว” เก่งกล้าบอก เขาพูดไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ไม่ได้เช็คอะไรด้วยซ้ำ
“ฉันแค่ทำตามที่พี่บรมบอก” สรารีรีบสารภาพทันที
“กุ้ง ทำไมพูดแบบนี้” บรมพูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“ถ้าพี่บรมปฏิเสธ กุ้งก็มีหลักฐานรอยนิ้วมือพี่ที่ขวดยาปลุกเซ็กส์อยู่ดี” สรารีบอก เธอเองก็ไม่อยากให้เรื่องน่าอับอายนี้ถูกเปิดเผย
เก่งกล้ายิ้ม เขาอัดเสียงสารภาพของทั้งสองคนไว้ในโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วโดยไม่ให้ทั้งคู่รู้ตัว
“ผมจะพาวากลับ แล้วต่อไปขอให้อย่าได้เจอกันอีกเลย” เก่งกล้าบอกแล้วโทรหาวาทินีเพื่อเรียกให้เธอออกมา วาทินีเดินกระเผลกออกมาและตัวสั่น หน้าแดงกล่ำด้วยความทรมานดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก
“ขนาดวาเป็นแบบนี้ พวกคุณยังใจร้ายกับเธอ ยังมีหัวใจกันอยู่หรือเปล่า” เก่งกล้าบอกแล้วพยุงวาทินีออกจากร้านอาหารไป
สรารีมองหน้าบรมต่างคนต่างไม่พอใจที่แผนล่มแล้วบรมก็หัวเสียมากที่สรารีนั้นสารภาพเรื่องของเขาให้เก่งกล้ารู้ แล้วเดินกลับเข้าไปในร้านเพื่อเช็คบิลแล้วแยกย้ายกันกลับ
พอเก่งกล้าพาวาทินีกลับไปถึงบ้าน เธอก็ขอร้องให้เขาช่วยเหลือเธอเหมือนเมื่อคืน เพราะตอนนี้เธอทรมานแทบจะขาดใจ เก่งกล้าเลยจัดการใช้นิ้วและลิ้นมอบความสุขให้กับเธอ เขาไม่กล้าฉวยโอกาสทำอะไรที่มากกว่านี้ ถึงจะอดเสียดายไม่ได้แต่ก็ยังดีกว่าทำให้เธอเกลียดเขา ที่ฉวยโอกาสล่วงเกินเธอ
เขาทำให้เธอสำเร็จความใคร่ไปสองครั้งเหมือนเมื่อคืนนี้แล้วจึงขอตัวกลับเพราะกลัวอดใจไม่ไหว
**********************
หลังจากเหตุการณ์นี้ เก่งกล้าหักหลังบรมกับสรารีโดยการเอาคลิปเสียงไปเปิดให้ฝ่ายบุคคลของบริษัทฟังเพื่อให้จัดการกับทั้งสองคนตามกฎของบริษัท ก่อนจะไปลาออกที่บริษัทรักษาความปลอดภัย เพราะเขาไม่อยากทำงานในอาชีพนี้อีกต่อไปแล้ว
เก่งกล้าเปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หน้าบ้านของตัวเองโดยใช้เงินเก็บที่นอกเหนือจากการจ่ายค่าเช่ามาเพื่อซื้อเครื่องมือมาใช้ในร้าน เขาเริ่มมีลูกค้าประจำ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาแวะเวียนไปจีบวาทินีอย่างออกหน้าออกตา
ทั้งสองคนเปิดใจกันหลังจากที่เก่งกล้าลาออก ว่าจะลองคบกันดูมากกว่าเพื่อนบ้าน แต่เพราะเขาเคยทำอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยและมีหนี้สินอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้หลายๆ คนไม่เห็นด้วยที่ทั้งสองจะคบกัน จนวันหนึ่งวีณาก็เชิญเก่งกล้ามาทานอาหารที่บ้านเพื่อเปิดอกคุยกันเรื่องเขากับลูกสาวของเธอให้รู้เรื่อง
“น้าชวนเก่งมากินข้าวที่บ้าน รู้ใช่ไหมว่าน้าอยากพูดกับเก่งเรื่องอะไร” วีณาถามเก่งกล้า
“ครับ” เก่งกล้าตอบ เขาดีใจที่ตอนนี้พรชัยบิดาของวาทินีไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงเกร็งมากกว่านี้
“เก่งคิดว่าเก่งมีอะไรเหมาะสมกับวา” วีณาถามออกมา
“แม่ค่ะ” เงียบไปเลยวา อยู่เฉยๆ
“ผมคิดว่าผมสามารถดูแลและปกป้องวาได้ครับ แล้วถ้าน้าวีจะหมายถึงความสุขสบายที่วาควรได้รับ ผมจะไม่ให้น้องลำบาก เงินทุกบาทถ้าเหลือจากการใช้หนี้ผมก็จะเก็บเงินไว้ขอน้องแต่งงานครับ” เก่งกล้าบอกแล้วมองหน้าวาทินีให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขา
“แค่คำพูดมันไม่ได้ทำให้อิ่มท้องหรอกนะเก่ง” วีณาบอก วาทินีก้มหน้าลงเมื่อเห็นว่ามารดานั้นไม่สนับสนุนเธอกับเก่งกล้า
“ผมขอพิสูจน์ได้หรือเปล่าครับ” เก่งกล้าถาม
“จะพิสูจน์แบบไหนล่ะ”
“ผมจะทำงานใช้หนี้ให้หมดภายในสองปี และจะยกบ้านของผมให้เป็นชื่อวา ผมจะทำให้วามีความสุขที่สุด” เก่งกล้าบอกด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“งั้นอีกสองปีถ้าทำได้เราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันอีกครั้ง แต่ในระหว่างนี้น้าไม่อนุญาตให้ทั้งสองคนเกินเลยกัน เข้าใจหรือเปล่า” วีณาบอก
“ครับ” เก่งกล้ารับปาก วาทินีเองก็รับปากเช่นกัน
**********************
กลับมาที่ปัจจุบัน เก่งกล้าลุกจากที่นอนในตอนเช้าแล้วไปทำอาหารเช้าที่ห้องครัว พอเสร็จแล้วก็ไปหอมแก้มปลุกวาทินีให้ลุกขึ้นมาทานอาหารเช้า แต่เธอไม่ยอมลุก เก่งกล้าเลยอุ้มช้อนตัวเธอออกมาจากที่นอน
“พี่เก่ง ทำอะไรคะ” เธอร้องถามอย่างตกใจ กลัวจะหล่นจากมือเขา
“ก็เมียขี้เซา เลยต้องอุ้มมากินข้าวนี่ไง เดี๋ยวน้าวีจะบอกว่าพี่ดูแลลูกเขาไม่ดี” เก่งกล้าบอกแล้ววางวาทินีให้นั่งลงบนเก้าอี้
วาทินีอมยิ้มแก้มแทบปริ เก่งกล้าช่างเอาใจและเอาใจใส่เธอดีทุกอย่าง จนบางครั้งก็กลัวว่าเขาจะเหนื่อยเกินไป
“ไม่ต้องดูแลวาขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” วาทินีบอก
เธอลาออกจากงานทันทีที่เขาขอแต่งงานตามคำขอร้องของเก่งกล้า เพราะอยากให้เธอมาดูแลร้านช่วยเขา ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เปิดซ่อมที่หน้าบ้านแล้ว เพราะขยายไปเปิดร้านที่หน้าตลาดแทน และมีลูกค้าเยอะมากกว่าที่คาดและสร้างรายได้ให้เขาจนสามารถปลดหนี้ได้ในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น แล้วยังมีเงินเก็บมากพอที่จะไปสู่ขอวาทินี แม้เพื่อนบ้านบางคนไม่เข้าใจและคิดว่าเขานั้นได้เงินทุนมาจากครอบครัวของวาทินี และครอบครัวของวาทินีเป็นฝ่ายปลดหนี้ให้เขาก็ตาม เก่งกล้าไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ แค่วาทินีและครอบครัวของเธอเข้าใจก็พอแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ แต่วาไม่อยากให้พี่เก่งทำขนาดนี้เลย วาดูแลตัวเองได้ ปล่อยเรื่องทำอาหารและงานบ้านให้เป็นหน้าที่ของวาเถอะค่ะ อย่าดูถูกว่าการที่วาแตกต่างจากคนอื่นจะหมายความว่าวาอ่อนแอ” วาทินีบอกสามี
“พี่ไม่เคยมองว่าที่วาเดินไม่เหมือนคนอื่นคือความอ่อนแอ หรือความผิดปกติอะไร วาไม่ต่างจากคนอื่นเลย สำหรับพี่วาก็ยังคือวา เป็นคนน่ารักและเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย พี่อยากให้วามีความสุขมากๆ เพราะวามีความสุขพี่ก็มีความสุข” เก่งกล้าบอก
“ไม่อยากเชื่อเลยนะคะ ว่าเราจะรักกันเพราะเรื่องน่าอายนั่น” วาทินี พูดขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว
“พูดแล้วก็นึกโมโหสองคนนั้นไม่หาย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง รู้แค่ว่าถูกไล่ออกจากงาน แล้วก็ไม่ได้ตามข่าวอีกเลย” เก่งกล้าบอก
“ไม่ต้องพูดถึงสองคนนั้นหรอกค่ะ วาอยากถามเรื่องที่วาสงสัยมานานแล้ว แต่ไม่กล้าถามเสียที” วาทินีบอก
“เรื่องอะไร” เก่งกล้าถาม
“ทำไมตอนนั้นพี่เก่งไม่เอาเข้าไปล่ะคะ” วาทินีถาม ถึงจะเป็นสามีภรรยากันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแก้มแดงเรื่อ
“ตอนนั้นพี่ไม่อยากฉวยโอกาสวา เพราะไม่รู้ว่าวาจะคิดอย่างไรกับพี่ พี่อดใจไว้แทบตาย ทรมานสุดๆ กลับไปถึงบ้านก็เข้าห้องน้ำทันทีเลย” เก่งกล้าบอกแล้วเขาก็อดเขินไม่ได้ที่ต้องบอกเธอ
“ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอบคุณที่สู้เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน ขอบคุณที่ไม่รังเกียจคนขาเป๋อย่างวา” วาทินีบอก
“ขอบใจวาเหมือนกันที่รอพี่ ขอบใจที่อดทนไม่ว่าพี่จะโดนใครมองว่าอย่างไร” เก่งกล้าบอกแล้วสบตาภรรยาด้วยความรัก
ทั้งสองทานอาหารไปยิ้มไปอย่างมีความสุข และเชื่อว่าสักวันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทั้งสองรักกันด้วยใจจริงและจะดูแลกันตลอดไป
-------- จบ --------