เรื่องที่ 3 เพื่อนบ้าน (1/2)

3117 คำ
วาทินีในวัยยี่สิบสี่ปี เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาอยู่ในระดับปานกลาง และเดินขาเป๋เพราะเคยเกิดอุบัติเหตุเอ็นร้อยหวายเกือบขาดมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เธอกำลังถูกส่งตัวเข้าหอกับหนุ่มใหญ่ข้างบ้านอายุสามสิบแปด ที่เคยมีอาชีพเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยมาก่อน เธอไม่สนใจว่าใครจะหาว่าเขาแต่งงานกับเธอเพื่อหวังหลอกเอาเงินเท่านั้น เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอและเขาว่าทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากแค่ไหน หลังจากถูกส่งตัวเข้าหอเสร็จทั้งคู่ก็ผลัดกันอาบน้ำ เก่งกล้าพันผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำแล้วเดินไปช่วยเธอเช็ดผมและเป่าผมให้แห้ง ทั้งคู่มองตากันผ่านกระจกแล้วยิ้มให้กันอย่างรักใคร่ “ในที่สุดเราก็มีวันนี้เสียที” เก่งกล้าบอกแล้วยิ้มให้ภรรยาหมาดๆ ของเขา วาทินีลุกขึ้นแล้วเดินกระเผลกไปที่เตียงนอนถอดชุดคลุมอาบน้ำออกแล้ววางกองไว้ที่พื้น เพื่อบอกเป็นนัยว่าเธอพร้อมแล้ว และยิ้มให้เขาอย่างเอียงอาย เก่งกล้ายิ้มแล้วเดินไปปิดไฟกลางห้อง ให้เหลือแค่ไฟจากห้องน้ำสาดส่องเข้ามาแล้วเดินเข้าไปหาเธอ “เมียพี่น่ารักจัง” เก่งกล้าพูดเสียงนุ่มแล้วดึงผ้าเช็ดตัวออก เขาขยับไปนอนข้างๆ แล้วจูบเธออย่างนุ่มนวลก่อนจะจูบแบบดุดันขึ้นแล้วเริ่มไซร้ซอกคอเธอ สัมผัสจากปลายลิ้นนุ่มชื้นที่ดูดเลียลำคอของเธออยู่ทำเอาวาทินีครางออกมาอย่างพอใจ เก่งกล้าเลื่อนตัวลงไปจูบที่เนินอก ใช้มือขวาลูบไล้ต้นขาเธอแล้วไล่นิ้วไปยังร่องคับแคบนั้นแล้วกดจุดกระสันเธอแล้วบี้เบาๆ เพื่อปลุกอารมณ์ให้ลุกโชน ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปแล้วชักเข้าออกอย่างรวดเร็วจนมีน้ำใสๆ อาบทั่วนิ้วของเขา วาทินีสบตาที่มองมาอย่างปรารถนาของเขาแล้วเธอดันหัวเขาลงไปให้ใช้ลิ้นมอบความสุขให้กับเธอ เขาเลื่อนตัวลงไปแล้วใช้ลิ้นแยงเข้าไปแทนนิ้วมือด้วยความเต็มใจ วาทินีครางลั่นยกสะโพกขึ้นให้เขาใช้ลิ้นแยงเข้าไปได้ถนัด เก่งกล้าละเลงลิ้นรัวๆ สลับกับดูดเม็ดกระสันไปมา สร้างความหฤหรรษ์ให้กับภรรยาของเขาอย่างสุดความสามารถจนเธอถึงเส้นชัยแล้วตัวอ่อนลงไปหายใจหอบกระเส่าด้วยความสุขสม เก่งกล้ามองร่องคับแคบที่เขาไม่เคยล่วงล้ำเข้าไป คราวนี้เขามีสิทธิ์เข้าไปได้แล้วในฐานะสามี เก่งกล้าไม่รอช้าจับแท่งลำของเขากดเข้าไปแล้วซอยสะโพกอย่างดุดันเพื่อระบายความใคร่ออกมา วาทินีร้องลั่นแล้วดึงเก่งกล้ามากอดเอาไว้ เขาจูบปิดปากเธอไม่ให้ครางเสียงดัง แล้วซอยถี่ๆ เข้าไปแบบไม่ยั้ง จนในที่สุดเขาก็ถึงเส้นชัยและทำให้เธอมีความสุขไปพร้อมเขาอีกรอบ ทั้งสองนอนกอดกันในสภาพที่เปลือยเปล่าอย่างมีความสุข ที่ในที่สุดวันที่ทั้งคู่รอคอยก็มาถึงเสียที ********************** ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้วที่วาทินียังเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายและเธอก็กำลังจะไปฝึกงานที่บริษัทที่เก่งกล้าถูกส่งตัวไปทำงานอยู่ เธอเดินไปเรียกเขาที่หน้าบ้านแต่เช้าเพื่อขอติดรถไปด้วย “พี่เก่ง เสร็จหรือยัง วารอนานแล้วนะ” วาทินีร้องเรียกเขา “นี่จะติดรถคนอื่นเขาไปยังจะมาเร่งเขาอีก” เก่งกล้าบอกแล้วเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทั้งสองคนเป็นเพื่อนบ้านกัน เก่งกล้าเห็นวาทินีตั้งแต่เธอเป็นเด็กและเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ทั้งสองครอบครัวสนิทกันในระดับหนึ่ง จนกระทั่งพ่อแม่ของเก่งกล้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อน และไม่นานหลังจากนั้นเขาถูกให้ออกจากงานเพราะพิษเศรษฐกิจ เก่งกล้าจึงต้องสมัครทำงานที่บริษัทรักษาความปลอดภัย เข้ากะวันละหลายชั่วโมงเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าผ่อนบ้าน ซึ่งเขาคำนวณดูแล้วว่าเงินประกันของพ่อแม่นั้นจะพอจ่ายค่าบ้านแค่สามปี เขาจะหวังใช้เงินตรงส่วนนี้ไม่ได้ จึงต้องรีบทำงานเพื่อหาเงินสำรองไว้ผ่อนค่าบ้าน ซึ่งตอนนี้เงินประกันของพ่อแม่เขานั้นหมดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และตอนนี้เขากำลังเอาเงินเก็บส่วนที่มาจากเงินเดือนของเขาจ่ายค่าบ้านอยู่ และการที่เขารับงานควบกะนี่เอง ทำให้เขาไม่มีเวลาพูดคุยกับใคร แต่ก็ยังสนิทกับวาทินีอยู่เพราะเจอกันค่อนข้างบ่อย เก่งกล้าถูกบอกคนรักเลิกตั้งแต่ตอนที่เขาตกงาน หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้คบใครอย่างจริงจังเพราะเขาไม่อยากฉุดใครให้มาลำบากไปกับเขาด้วย แต่ด้วยความหน้าตาดีถึงจะมีอาชีพเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย เขาก็มีสาวๆ แวะเวียนเข้ามาในชีวิตอยู่เสมอ แต่ก็แค่สนุกกันเพราะเมื่อรู้ว่าเขามีภาระหนี้สินต่างก็โบกมือลาทั้งนั้น วาทินีเองก็เห็นผู้หญิงเข้าออกบ้านของเขาแทบไม่ซ้ำหน้า ถึงใครๆ จะบอกว่าเขาเจ้าชู้ แต่เธอรู้ดีว่าเขาก็แค่ผู้ชายเหงาๆ คนหนึ่ง และมีแต่คนที่ทิ้งเขาไปทั้งนั้น เก่งกล้าไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเลิกใคร “วันนี้กลับเองนะ พี่เข้ากะดึก” เก่งกล้าบอกเธอ “เข้ากะดึก เลิกตั้งเที่ยงคืน กว่าจะถึงบ้านแล้วเข้านอนอีก ไม่เหนื่อยบ้างหรือคะ” วาทินีถามเขา “แล้วถ้าไม่ทำงานควบกะ พี่จะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าบ้านล่ะ งานรปภ.เงินเดือนเก้าพัน ควบกะไปด้วยได้มาอีกหกพัน ก็เป็นหมื่นห้า จ่ายค่าบ้านเดือนละแปดพัน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินค่าเดินทางอีก ประหยัดสุดๆ ก็แทบไม่พอ ถ้าพี่ไม่ควบกะ คงได้แต่ผ่อนบ้าน จุดเทียนไขแทนใช้หลอดไฟแล้วมั้ง” เก่งกล้าบอก ดีที่รถมอเตอร์ไซค์ผ่อนหมดไปนานแล้ว เขาเลยไม่มีภาระในส่วนนี้เพิ่ม “ยืมวาก่อนก็ได้ พี่จบช่างมาไปทำงานเป็น รปภ. วาเสียดายความรู้” วาทินีบอก เธอเสนอให้เขายืมเงินเป็นประจำเพราะที่บ้านก็พอมีฐานะอยู่บ้าง “ไม่หรอก เอาไว้ฉุกเฉินจริงๆ พี่ค่อยยืมแล้วกัน” เก่งกล้าบอกแล้วยิ้มให้น้องสาวข้างบ้านที่ช่วยเหลือเขาตลอดมา วาทินีลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในสำนักงาน หลายคนมองเธอด้วยความสมเพชที่เธอเดินไม่ปกติ แต่เธอก็ชินแล้วกับสายตาแบบนี้ และไม่นำมาคิดให้บั่นทอนจิตใจตัวเอง “น้องวามากับพี่เก่งแบบนี้ทุกวัน ไม่กลัวคนอื่นเข้าใจผิดบ้างหรือจ๊ะ” คนในที่ทำงานถามเธอ “ไม่หรอกค่ะ พี่เก่งกับวารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” วาทินีบอก “พี่เก่งหน้าตาดีนะ แต่ไม่มีอนาคต ยิ่งวาเป็นอย่างนี้ พี่กลัววารีบร้อนเพราะกลัวหาแฟนไม่ได้ แล้วไปคว้าเอายามมาเป็นแฟน ฐานะวาก็ดีกว่าพี่เก่ง ระวังโดนหลอกเอานะ” เธอบอกวาทินีไปตรงๆ วาทินีไม่โกรธได้แต่ยิ้มให้เธอ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรอีกแล้ว เพราะคนแถวนี้ไม่เชื่อว่าเธอกับเก่งกล้าเป็นเพื่อนบ้านกัน วาทินีเลยปล่อยให้เลยตามเลย ********************** ตอนนี้วาทินีถูกบรมตามจีบอยู่ เขาเป็นหัวหน้าแผนกขนส่งวัยสามสิบที่ยังโสดอยู่ และพอรู้ว่าวาทินีนั้นยังไม่มีแฟนก็เลยตามจีบเธอ โดยไม่สนใจขาที่พิการของเธอเลยสักนิด บรมไม่ได้หวังจะจีบวาทินีมาเป็นแฟนอย่างจริงจัง แต่เขาแค่อยากล่าพรหมจรรย์ของเธอก็เท่านั้น เพราะยังไงเขาคิดว่าเธอคงยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนไหนอย่างแน่นอน เพราะความพิการของเธอ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ วาทินีไม่เคยมีแฟนและไม่คิดที่จะมีแฟนเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร ทุกคนในที่ทำงานยุให้เธอลองคบกับบรมและยุให้เธอเลิกยุ่งกับเก่งกล้า โดยเฉพาะสรารีที่ชอบเก่งกล้าแต่ว่าไม่กล้าแสดงออกเพราะตำแหน่งของเธอกับเขานั้นต่างกันมาก เธออยากเขี่ยวาทินีให้พ้นทางเพราะไม่เชื่อว่าทั้งสองนั้นเป็นแค่เพื่อนบ้านกันจริงๆ และหาโอกาสเข้าใกล้เก่งกล้าแทน วาทินีไม่ได้สนใจบรม เธอกลัวที่จะรักใคร เพราะรู้ตัวเองว่าพิการ และเก่งกล้าก็เตือนเธออยู่เสมอ ว่าความรักในที่ทำงานนั้นไม่มีรักแท้ โดยเฉพาะบรมที่มีข่าววงในว่าเขาชอบล่าแต้มนักศึกษาฝึกงาน วาทินีเลยต้องระวังตัวเพราะเชื่อคำเตือนของเก่งกล้า “วันนี้กลับกับพี่เก่งอีกหรือเปล่า” สรารีถามวาทินีขณะที่กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน “เปล่าค่ะ วันนี้พี่เก่งควบกะดึก เลิกเที่ยงคืน วาต้องกลับเองค่ะ พี่กุ้งถามทำไมคะ” วาทินีบอกและถามเธออย่างสงสัย “พี่ว่าจะไปส่งวา พอดีมีธุระแถวนั้น เลยลองถามดู” สรารีแกล้งบอกแล้วยิ้มอย่างพอใจ “งั้นขอบคุณล่วงหน้านะคะพี่กุ้ง โชคดีจังเลยวันนี้” วาทินีบอกแล้วยิ้มให้สรารีที่อาสาไปส่งเธอ หลังจากไปส่งวาทินีที่บ้านเสร็จ สรารีก็กลับไปที่บริษัทอีกทีในตอนใกล้จะเที่ยงคืน เธอจอดรถที่สวนสาธารณะใกล้กับบริษัทที่เป็นทางผ่านกลับบ้านของเก่งกล้า แล้วทำเป็นว่าจอดรถเสียอยู่ เก่งกล้าจำรถของสรารีได้ เขาจอดรถแล้วเดินมาเคาะกระจกรถของเธอที่เปิดไฟฉุกเฉินและเปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้เพื่อขอความช่วยเหลือ “คุณกุ้ง รถเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เก่งกล้าถามเธอ “สตาร์ทไม่ติดค่ะ” สรารีบอกแล้วแกล้งถอนหายใจอย่างเป็นกังวล เก่งกล้าเช็ครถดูสักพักก็พบว่าขั้วแบตเตอรี่หลุดออกมา เพราะสรารีแอบถอดออก เขาใส่กลับคืนแล้วให้สรารีลองสตาร์ทรถดู แล้วปิดฝากระโปรงรถให้เธอ สรารีปิดไฟฉุกเฉินแล้วหลอกให้เขาขึ้นมาบนรถตรงเบาะหลังแล้วรีบตามเข้าไปแล้วนั่งตักเขาเอาไว้ทันที “นี่คุณกุ้งจะทำอะไรครับ” เก่งกล้าถาม สรารีไม่ตอบ เธอกอดคอเขาแล้วจูบปิดปากหวังจะให้เขาเกิดอารมณ์ร่วมแล้วจัดการพาเธอไปหาความสุขที่โรงแรมใกล้ๆ นี้กัน แต่เก่งกล้าดันเธอออก เขามีผู้หญิงเข้าหามากก็จริงแต่ว่าเขาไม่ชอบให้ใครมาจู่โจมเขาแบบนี้ “หยุดเถอะครับคุณกุ้ง” เก่งกล้าบอกแล้วผลักเธอออกไป “ถ้าพี่เก่งออกจากรถกุ้งไปตอนนี้ กุ้งจะบอกผู้จัดการว่าพี่ลวนลามกุ้ง แล้วจะให้บริษัทรักษาความปลอดภัยของพี่ไล่พี่ออก” สรารีขู่ “แล้วคุณกุ้งต้องการอะไรครับ” เก่งกล้าถามทั้งที่รู้คำตอบ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นคนอย่างนี้ “อยากให้พี่เก่งทำให้กุ้งมีความสุขไงคะ” สรารีบอกแล้วยิ้มให้เขาอย่างยั่วยวน เก่งกล้าไม่อยากมีปัญหาเขาจึงต้องยอมทำอย่างที่เธอบอกอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมีเซ็กส์ แต่ว่ามันต้องเกิดจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายและบรรยากาศที่เป็นใจมากกว่านี้ “จะทำตรงนี้เลยหรือคะ” เธอถามเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น “ผมง่วง อยากรีบกลับ ทำมันตรงนี้แหละ” เก่งกล้าบอกแล้วผลักเธอออกจากตักของเขา จัดการปลดเข็มขัดแล้วถอดกางเกงออกดึงมาตรงหัวเข่า แล้วถลกกระโปรงเธอขึ้นฉีกกางเกงในเธอออกจนขาดด้วยความโมโห แต่มันกลับสร้างความตื่นเต้นให้กับสรารีเป็นอย่างมาก เขาดึงเธอขึ้นมาคร่อมบนตักแล้วจับแท่งลำนั้นตั้งขึ้นแล้วกดสะโพกเธอให้ลอยอยู่ตรงนั้นแล้วเด้งสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างสุดแรงจนรถโยกไปมา สรารีครางลั่นอย่างพอใจแล้วปลดกระดุมเสื้อของเธอออกแล้วยื่นให้เก่งกล้าดูดเลียมัน เก่งกล้าทำตามอย่างที่เธอต้องการจนในที่สุดสรารีก็จิกไหล่เขาตัวเกร็งตอดรัดเขาแน่น ก่อนจะตัวอ่อนลงแล้วทรุดนั่งทับแท่งลำนั้นเอาไว้ เขาผลักเธอออกแล้วรีบใส่กางเกง ท่ามกลางความงุนงงของสรารี “ไม่เอาต่อให้เสร็จหรือคะ” สรารีถามเขา “ไม่ล่ะ ผมง่วง อยากรีบกลับบ้านไปนอน” เก่งกล้าบอกแล้วรีบลงไปจากรถสรารี อ้อมไปเปิดประตูหน้ารถแล้วกดเอาเมมโมรี่การ์ดของกล้องติดหน้ารถออกมา ทำให้สรารีนั้นไม่เข้าใจ “พี่เก่งทำอะไรคะ” เธอถาม “อย่างน้อยเมมโมรี่การ์ดนี้ก็คงอัดเสียงไว้ตั้งแต่ที่เริ่มสตาร์ทรถ ผมคิดว่าถ้าคุณกุ้งไม่เลิกทำอย่างนี้ แล้วจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องผู้จัดการ ผมก็จะได้มีหลักฐานป้องกันตัว ว่าคุณบังคับให้ผมทำ” เก่งกล้าบอกแล้วรีบกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อนอย่างที่เขาต้องการ ทิ้งให้สรารีร้องกรีดลั่นรถด้วยความเจ็บใจ ********************** ในตอนเช้าวาทินีก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านของเก่งกล้า เธอเดินมาพร้อมกับข้าวต้มที่แม่เธอบอกให้ถือมาเผื่อเขาด้วย เก่งกล้ารู้ดีว่าช่วงหลังนี้วาทินีมักจะถืออาหารเช้ามาด้วย พอเขาตื่นแล้วจึงมาเปิดประตูหน้าบ้านไว้รอเธอทุกเช้าก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวรอเธอ เก่งกล้าเดินออกมาในสภาพที่ไม่สดชื่นเท่าที่ควรเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสอง เขานั่งลงทานข้าวต้มที่วาทินีเตรียมเอาไว้ให้แล้วค่อยๆ ทานมันอย่างช้าๆ “น้าวีทำอร่อยเหมือนเดิมเลย” เก่งกล้าบอก “แม่บอกว่าวันไหนว่างก็ตื่นเช้าไปทานที่บ้านบ้าง แม่บอกว่าพี่เก่งเหมือนวิญญาณ รู้ว่ามีแต่ก็ไม่เคยเห็น” วาทินีบอก เพราะมารดาของเธอออกจากบ้านเพื่อไปทำงานตอนที่เก่งกล้ากำลังอาบน้ำ ถ้าวันไหนเขาไม่ได้เข้ากะก็กลับมาถึงบ้านช่วงที่มารดาของเธอไปตลาดหรือเตรียมอาหารเย็นแล้วรีบนอนเอาแรง ถ้าวันไหนเขาเข้ากะดึกก็ยิ่งไม่มีโอกาสเจอกันเลยด้วยซ้ำ “น้าวีก็พูดเกินไป เอาไว้วันไหนพี่ไม่ได้ควบกะ จะขอไปฝากท้องที่บ้านนะ” เก่งกล้าบอกแล้วทานข้าวต้มต่อจนหมด ทั้งสองเดินทางไปทำงานพร้อมกันเหมือนอย่างเช่นเคย แล้วพอถึงก็แยกกันไปทำงานของตนเอง สรารีที่เดินสวนเข้ามาเธอเชิดหน้าใส่เก่งกล้าแล้วเดินกระแทกไหล่ของวาทินีไปจนเธอเกือบล้ม “เดินดีๆ หน่อยสิวา” สรารีพูดขึ้นเสียงแหลมแล้วเดินหนีไป สร้างความงุนงงให้กับวาทินีเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อวานสรารียังพูดดีกับเธอและไปส่งเธอที่บ้านอยู่เลย เก่งกล้าเข้าไปดูวาทินีแล้วบอกเธอว่าให้ตั้งใจทำงานและวันนี้ไม่ต้องเข้าใกล้หมาบ้าอย่างสรารี ยิ่งทำให้เธอสงสัยเข้าไปใหญ่ “มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เธอถามเขา “ไม่มีอะไรหรอก เชื่อพี่ ทำตามที่บอกก็พอ” เก่งกล้าบอกแล้วลูบหัววาทินีเบาๆ ไล่เธอเข้าไปในสำนักงาน วาทินีเลยเดาเอาว่าสรารีคงชอบเก่งกล้าแล้วคิดว่าเธอเป็นแฟนเขา พอไม่สมหวังเลยไม่พาลพอใจเธอไปด้วย วันนั้นทั้งวันวาทินีเลยหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้สรารีถ้าไม่จำเป็น บรมซื้อขนมมาฝากวาทินี เขารู้เรื่องข่าวลือของเธอกับเก่งกล้า แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขาดูออกว่าเก่งกล้าเอ็นดูวาทินีแบบน้องสาวเท่านั้น และวาทินีไม่กล้าปฏิเสธขนมจากบรม เธอรับไว้ด้วยความเกรงใจและขอบคุณเขาเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง “อาทิตย์หน้าก็จะฝึกงานจบแล้ว พี่ขอไปงานเลี้ยงส่งนักศึกษาฝึกงานด้วยคนนะ” บรมพูดขึ้นลอยๆ “พี่บรมอยู่แผนกขนส่ง จะมากินเลี้ยงแผนกธุรการไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าช่วยค่าเครื่องดื่ม ทางนี้ก็ยินดีนะคะ” พนักงานในสำนักงานพูดหยอกบรมทีเล่นทีจริง “โอเค งั้นพี่ออกค่าเครื่องดื่มทั้งหมดเอง” บรมบอก สำหรับพรหมจรรย์ของหญิงสาวสักคนที่จะเก็บแต้ม เงินแค่ไม่กี่พันเขาก็ยินดี เพราะซื้อบริการก็ประมาณนี้อยู่แล้ว “น้องวาต้องดีใจนะ พี่บรมไม่เคยทุ่มให้ใครแบบนี้เลย” เธอพูดขึ้น “น้องวาเป็นแฟนยามเก่งไม่ใช่หรือ พี่บรมจะลงทุนเสียเปล่าหรือเปล่านะ” สรารีพูดขึ้นแล้วเดินถือกระเป๋าออกไปห้องน้ำ “พี่ไม่สนหรอก พี่เชื่อว่าวาไม่ได้เป็นอะไรกับเก่ง ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่ตามจีบวาหรอก” บรมบอกแล้วเดินกลับออกไป วาทินีไม่ได้ใจเต้นกับคำพูดนั้นเลย เธอฟังคำเตือนจากเก่งกล้าว่าบรมทำทุกอย่างเพื่อล่าแต้มพรหมจรรย์นักศึกษาฝึกงานมาหลายครั้งแล้ว “น่าสนใจนะวา พี่บรมไม่เคยจีบใครออกนอกหน้าแบบนี้เลยนะ” รุ่นพี่ในที่ทำงานพูดขึ้น เพื่อยุให้เธอชอบเขา เหมือนที่เคยทำกับนักศึกษาฝึกงานคนก่อนๆ เธอไม่รู้สึกสงสารนักศึกษาฝึกงานเหล่านี้ เพราะเธอแค่ช่วยพูด ส่วนเรื่องจะสานต่อมันขึ้นอยู่กับพวกนักศึกษาเหล่านั้นเองมากกว่า วาทินีได้แต่ยิ้ม ไม่ได้ออกความเห็นอะไร คิดว่าทำงานอีกแค่ห้าวันก็จะได้หยุดทำแล้ว เลยอยากให้มันรีบจบๆ ไปเองมากกว่า **********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม