ตอนที่3 คลุมเครือในสถานะ

1757 คำ
ตอนที่3 คลุมเครือในสถานะ ทางด้านเรย์ "ไอ้เรย์สรุปว่ามึงกับรินมันยังไงกันแน่" เทมป์ยังไม่วายถามเซ้าซี้ต่อบนรถ "มึงอยากเป็นเพื่อนกับเธอไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาถามกูทำไม" เรย์ตอบปัด ๆ กลับไป "แต่มึงทำตัวแปลกไปวันนี้" “ไร้สาระ" น้ำเสียงเรย์เริ่มออกอาการว่าไม่อยากสนทนากับเทมป์ต่อเรื่องนี้ แต่อีกฝ่ายเหมือนต้องการจะอยากรู้จึงหยิบยกนั่นนี่ขึ้นมาพูดไม่หยุด "ซอสนั่นผสมวาซาบินะระวังเผ็ด จิ้มเกลือนิดหนึ่ง ปกติมึงสนใจคนอื่นที่ไหนขนาดกูเป็นเพื่อนมึงมา 19 ปีมึงยังไม่เคยสนใจกูขนาดนั้นเลย" เทมป์ขยับมานั่งตรงกลางเบาะ ชะโงกหน้ามาตรงกลางระหว่างเรย์และโซนหันหน้าไปหาเรย์พร้อมกับพูดขึ้นเสียงดังข้าง ๆ หู "ก็เขาไม่เคยกิน มึงจะอะไรนักหนา" “แต่มึงใส่ใจรินมากเป็นพิเศษ” “มึงเงียบปากซะทีเถอะไอ้เทมป์ ตั้งแต่ขึ้นรถมาแม่งยังพูดไม่หยุดแก้วหูกูจะแตกอยู่แล้ว แม่งน่ารำคาญ” โซนทนนั่งฟังต่อไปไม่ไหวจึงพูดสวนขึ้น "ขนาดคนชักดิ้นชักงอล้มลงต่อหน้ามึง มึงยังเดินผ่านไม่แม้แต่จะชายตามอง" เทมป์ยังหาเรื่องมาพูดไม่หยุด ขนาดโซนพยายามเอ่ยเตือนแล้วก็ไม่มีทีท่าจะฟัง "กูไม่ใช่หมอ และไม่รู้วิธีปฐมพยาบาลจะช่วยเขายังไง แต่นี่กูแค่เตือนเขาเพราะเขาไม่เคยทาน ถ้าแพ้มาต้องเข้าโรงพยาบาลจะทำยังไง มึงหัดแยกแยะด้วยไอ้เทมป์" "เออ..มึงชนะตลอดแหละ และครั้งนี้มึงก็ชนะ กูไม่เคยเถียงชนะมึงสักครั้ง" จนสุดท้ายไม่สามารถเอาชนะเรย์ได้จึงพูดกระแนะกระแหน พร้อมถอยกลับมานั่งเอนหลังพิงเบาะด้านหลังด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ "รู้ตั้งแต่แรกแล้วจะไปเถียงกับมันให้เหนื่อยทำไม" เป็นเสียงของโซนพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จและกลับมาถึงมหาลัยก็ได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายพอดี ส่วนมากเทอมแรกก็จะเรียนวิชาศึกษาทั่วไป ซึ่งจะเป็นห้องเรียนรวมนักศึกษาจึงเยอะกว่าปกติ “กูจะนั่งตรงนี้” เทมป์เดินมาแทรกกลางระหว่างเรย์และวารินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงกลางซึ่งปกติจะเป็นที่นั่งของเรย์ “ปกติมึงต้องนั่งข้างไอ้โซนตลอด” เรย์เอ่ยถามขึ้นไม่ใส่ใจนัก พร้อมกับหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ โซน “ก็วันนี้กูอยากนั่งตรงนี้ หรือมึงก็อยากนั่งตรงนี้เหมือนกัน” เทมป์ลอยหน้าลอยตาถามกลับ “ไร้สาระจะนั่งก็นั่งไป” เรย์พูดตัดบท มือล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเล่นเกม “รินทำไมถึงมาเรียนไกลขนาดนี้ล่ะที่เชียงใหม่มหาลัยดังก็ออกจะเยอะแยะ แถมอากาศที่โน่นก็ดีกว่าเป็นไหน ๆ” เทมป์ชวนวารินคุยทันทีไม่ปล่อยให้ปากตัวเองว่างเกินสิบนาที “เราอยากมาเรียนรู้สังคมใหม่ ๆ น่ะ อยากลองออกมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ดู และที่นี่ก็มีงานให้ทำเยอะกว่าที่โน่น” “อืม..รินคงเบื่อแหละอยู่โน่นมาตั้ง 19 ปี เราเองยังเบื่อกรุงเทพฯ เลย” “เบื่อกรุงเทพฯ แล้วตอนพ่อมึงให้ไปเรียนที่อเมริกาเสือกไม่ไป” เสียงเรียบของเรย์ดังแทรกขึ้นระหว่างการสนทนาของทั้งสอง เทมป์หันกลับไปชักสีหน้าใส่เรย์ทันที “ปกติสองคนจะชอบเล่นกันแบบนี้ตลอดเหรอ ดูสนิทกันดีนะ” วารินพูดขึ้น ใบหน้าเรียวเล็กเอียงหน้ามองไปทางเทมป์และเรย์ ใบหน้าคมหันมาทางเธอพอดีสายตาทั้งสองจึงประสานกันโดยบังเอิญไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ของวันนี้ หลังจากเลิกคลาสนักศึกษาทุกคนทยอยเดินออกจากห้องเหลือเพียงกลุ่มของเรย์และวารินที่ยังนั่งอยู่เพราะเรย์กับโซนยังเล่นเกมไม่จบทุกคนจึงนั่งรอก่อน “ขอโทษนะคะเธอชื่ออะไรเหรอ มีแฟนหรือยังคะ” หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่สวมกระโปรงนักศึกษาสั้นเหนือเข่าเดินมาหยุดตรงหน้าเรย์และเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มีธุระอะไร” จังหวะที่เรย์เล่นจบเกมพอดีจึงละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เราชอบเธอขอไลน์หน่อยได้ไหม” โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดแบรนด์ดังยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่ม “ไม่สะดวก ขอตัวก่อนนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเสียหน้าและรู้สึกอายมากแค่ไหนที่โดนปฏิเสธออกไปแบบนั้น “เดี๋ยวเราส่งคอนแทรคให้ แอดไลน์เราไปก่อนก็ได้” เทมป์ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอกำลังแสดงคิวอาร์โค้ตไปตรงหน้าหญิงสาว “โอเคเอาแบบนั้นก็ได้” หน้าตึกคณะ “ทุกคนเอาโทรศัพท์มาสแกนเข้าไลน์กลุ่มกันเร็ว มีอะไรจะได้คุยกันในนี้” เทมป์ยื่นโทรศัพท์ที่แสดงคิวอาร์โค้ตกลุ่มที่พึ่งตั้งขึ้นหมาด ๆ ไปตรงหน้าเพื่อนทุกคน เมื่อเข้ากลุ่มกันครบทุกคนแล้วใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มกว้าง “เออ..รินเธอกลับยังไงแล้วเธอพักอยู่แถวไหน” เทมป์หันไปถามวารินก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน “เรานั่งรถไฟฟ้ามาน่ะ” “เธอพักอยู่แถวไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง” “อยู่แถว ๆ อโศก” “เดี๋ยวเราไปส่ง “ทางเดียวกันกับคอนโดไอ้เรย์ ให้ไอ้เรย์ไปส่งแล้วกันมึงจะขับอ้อมโลกไปทำไม ไปกลับบ้าน” โซนหันไปว่าให้กับเทมป์พร้อมกระชากแขนลากไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านหลังตึก “งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ทุกคนเดินแยกย้ายออกไปเหลือเพียงเรย์และวารินยืนอยู่ที่เดิม ฝ่ามือเล็กกำสายกระเป๋าไว้แน่นเพื่อลดอาการประหม่า “ตามมารถจอดอยู่ด้านหลัง” วารินเดินตามแผ่นหลังกว้างไปเงียบ ๆ เท้าเล็กรีบเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะเดินตามขายาวของเรย์ไม่ทัน ติ้ด! ติ้ด! เสียงสัญญาณปลดล็อกดังขึ้นพร้อมกับไฟหน้ารถกะพริบปริบ ๆ ร่างสูงของชายหนุ่มเปิดประตูขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ ดวงตากลมโตเบิกโพลงเมื่อรถคันที่อยู่ตรงหน้าเธอคือคันเดียวกันกับเมื่อเช้าที่เกือบชนเธอตรงประตูทางเข้ามหาลัย “จะไปไหมหรือจะนอนนี่” เสียงทุ้มตะโกนถามอีกครั้ง “ปะ..ไป ไป” มือสั่นเทายื่นไปเปิดประตูและก้าวเท้าขึ้นไปนั่งตำแหน่งด้านข้างคนขับ มือสองข้างกุมกันแน่นอยู่บนหน้าตัก “ขอโทษด้วยเรื่องเมื่อเช้า แต่ทีหลังจะข้ามถนนก็ระวังด้วยถ้าฉันเบรกไม่ทันเธอได้ไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่” เมื่อรถขับออกมาได้สักพักเรย์จึงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “นายเองก็ขับรถเร็ว นี่ในเขตมหาลัยนะ” วารินไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดอยู่คนเดียวว่าสวนกลับชายหนุ่มเสียงดังฟังชัด “ถ้าฉันจะขับช้ากว่านี้คงซื้อจักรยานมาปั่น ไม่ต้องเสียเงินเป็นสิบล้านซื้อรถคันนี้มาขับหรอก” เรย์ว่ากลับทันที “แต่ในมหาลัยเขาห้ามใช้ความเร็ว อย่างน้อยนายก็ควรเคารพกฎของมหาลัยด้วย” “โอเคคราวหลังจะขับช้าลงกว่านี้ก็แล้วกัน” เป็นครั้งแรกที่เรย์ยอมแพ้ให้คนอื่นชนะ ถ้าเทมป์รู้เรื่องนี้คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เชอะ คิดว่ารวยแล้วจะขับรถตามใจตัวเองโดยไม่เคารพกฎอย่างนั้นเหรอ” วารินขยับท่านั่งหันหลังไปทางเรย์เล็กน้อย ใบหน้าเรียวเล็กหันมองทะลุกระจกที่ติดฟิล์มดำสนิททอดสายตาออกไปด้านนอกพร้อมกับบ่นอุบอิบ “ฮึ” เสียงถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มผุดขึ้นมุมปาก “จะแวะกินข้าวเย็นก่อนหรือเปล่า” เมื่อขับรถมาใกล้ถึงคอนโดที่วารินพักอยู่เรย์จึงเอ่ยถาม “ไม่เป็นไรฉันหาอะไรง่าย ๆ กินบนห้องก็ได้ ไม่อยากรบกวนเวลานายมากไปกว่านี้” “เธอชอบคิดเองเออเองแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วเหรอ” “ทำไม ก็ฉันพูดความจริง ฉันไม่อยากรบกวนนายมากไปกว่านี้ แค่นายให้ฉันติดรถมาด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว” เอี๊ยด.. “ขอบคุณนะ” วารินกล่าวขอบคุณยื่นมือไปเปิดประตูเพื่อลงจากรถ “เดี๋ยว..เธอพักอยู่ห้องเบอร์อะไร” มือเล็กต้องหยุดชะงักเอี้ยวตัวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง “นายถามทำไม” “เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน เธออยู่คนเดียวเผื่อเวลามีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาใครจะช่วยเหลือเธอ” “501 ฉันไปได้ยัง” ร่างบางฉุกคิดสักพักจึงบอกออกไป “เชิญ” ฝ่ามือหนาผายไปทางประตูบ่งบอกว่าอนุญาตให้วารินลงจากรถได้ บรื๊น…. เสียงเร่งเครื่องขับออกไปด้วยความเร็ว วารินมองตามหลังไม่นานรถก็ไปไกลพ้นสายตา เธอจึงเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่ชั้น 5 ติ๋งต่อง ~ ติ๋งต่อง ~ ติ๋งต่อง ~ หลังจากวารินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จไม่นานก็มีคนมากดกริ่งหน้าห้อง เธอจึงเดินไปส่องดูปรากฏว่าเป็นไรเดอร์ส่งอาหารจึงเปิดประตูออกไป “มาหาใครคะ” “มาส่งอาหารให้คุณวารินห้อง 501 ครับ ยอดชำระเรียบร้อยครับ” ไรเดอร์ตอบกลับพร้อมยื่นถุงอาหารร้านดังไปให้หญิงสาว “ขอบคุณค่ะ” วารินรับอาหารมาอย่างงง ๆ เพราะเธอไม่ได้เป็นคนสั่ง แต่ไรเดอร์ก็บอกชื่อและหมายเลขห้องถูก จะบอกว่าเป็นของคนอื่นที่ชื่อซ้ำกับเธอก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะเธอชื่อวารินเช่าห้องหมายเลข 501 ตรงตามที่ไรเดอร์คนนั้นบอกมาทั้งหมด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม