ผมใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
หกโมงเช้าพอดี...
ผมกระชับร่างบางที่ยังคงหมดสติไว้ในอ้อมแขนขณะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน คนไข้เอย ญาติคนไข้เอย พยาบาล หรืออะไรก็แล้วแต่เมื่อเห็นผม ทุกคนต่างก็หยุดสายตาลงเหมือนผมเป็นสิ่งน่าสนใจของโลก
สงสัยไม่เคยเห็นคนหล่อ
ผมยิ้มมุมปากแบบไม่ใส่ใจนัก พอดีกับที่หมอคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมใบหน้าเคร่งขรึม
มันตรงมาที่ผม...แววตาโกรธเกรี้ยวน่าดู
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีเหรอไอ้เต เอ้อระเหยลอยชายอยู่ได้”
ทันทีที่มันก้าวเท้ามาหยุดตรงหน้า เสียงเข้มก็กระซิบถามอย่างหงุดหงิด ท่าทีสนิทสนมแบบแปลก ๆ ของเราสองคนยิ่งทำให้คนมอง
“แล้วทำไมกูต้องรีบ”
ผมยักไหล่ไม่ทุกข์ร้อนก่อนหลุบตามองร่างบางในอ้อมแขนซึ่งสภาพใกล้เคียงศพเข้าไปทุกทีแล้ว
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมกับไอ้หมอตรงหน้าถึงใช้สรรพนามแทนกันแบบนี้ มันเป็นคนรู้จักของผมเอง เคยเรียนที่เดียวกัน ถึงจะคนละคณะ แต่ก็นั่นแหละ...เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรอก
ผมรู้จักคนทั่วราชอาณาจักร แต่ไม่มีใครที่ไหนที่ผมสนิทด้วย
ไม่สิ...เพื่อนสนิทน่ะเคยมี แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว
เผื่ออยากรู้ ไอ้หมอท่าทางโหด ๆ ตรงหน้าชื่อ ‘ทีฆา’ ผมเรียกมันสั้น ๆ ว่า ‘ที’
ก่อนหน้านี้ผมโทรมาหามันเรื่องเอื้องขวัญ พอเจ้าตัวถามว่าไปทำอะไรมา ไอ้เตคนนี้ก็ไม่อยากโกหกเลยบอกว่าปล้ำไปหลายที โน่นนั่นนี่...แล้วก็อย่างที่เห็น พิโรธใหญ่เลยครับ
มันไม่ค่อยได้กลับบ้านแล้วนอนที่นี่เป็นส่วนใหญ่ เวลามีผู้ป่วยฉุกเฉินจึงรุดตัวช่วยได้เต็มที่ แต่จริง ๆ แล้วไอ้ทีมีปัญหากับครอบครัวมากกว่าเลยไม่อยากกลับไปเจอหน้าพ่อแม่
เด็กมีปัญหาไง...เด็กโข่งด้วย
“เหี้ยจริง ๆ” ไอ้หมอทีด่าผมผ่านไรฟัน “...ข่มขืนเขาแล้วยังจะลอยหน้าลอยตา ชั่วอย่างมึงน่าจับยัดเข้าคุก”
“อะ ๆ พูดมาก เอาคนไข้ไปรักษาได้แล้ว เมื่อยแขน” ผมทำเป็นหูทวนลม จนอีกฝ่ายต้องถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่ได้ วินาทีที่มันก้มหน้าพิจารณาเอื้องขวัญ ผมรู้สึกได้ถึงความห่วงใยในฐานะหมอ
อ่าฮะ ห่วงในฐานะหมอน่ะโอเค ถ้ามากเกินกว่านั้น...ไม่น่ารัก
หลายนาทีผ่านไป
ผมนั่งรออยู่ด้านนอกขณะที่ไอ้ทีเอาตัวเอื้องขวัญเข้าไปตรวจด้านใน ซึ่งไม่นานนักมันก็เดินออกมาพร้อมใบหน้าเคร่งเครียด...แต่คราวนี้แววตาคู่นั้นอัดแน่นไปด้วยความโกรธจนผมต้องยิ้มมุมปากกลับไป
“ไงไอ้คุณหมอ คนไข้ตายแล้วเหรอ หน้าเหมือนตูดเลย” ผมถามติดตลก แต่นัยน์ตาคมกริบของมันกลับเยือกเย็นจนผมต้องหยัดตัวขึ้นยืน
เราสูงเท่ากันเลยแฮะ...เมื่อก่อนมันเตี้ยกว่าผมอีก
“มึงชั่วถึงขนาดทำร้ายผู้หญิงได้ลงคอเลยเหรอไอ้เต” ไอทียิงคำถามมา ผมรู้ว่ามันหมายถึงอะไร “เธอไข้ขึ้นสูงมาก พักผ่อนไม่เพียงพอจนหมดแรง ร่างกายเธออ่อนแอเกินกว่าจะรองรับสิ่งที่มึงทำได้”
“ก็แล้วจะทำไม มึงมีปัญหาเหรอ” ผมเลิกคิ้ว ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“มึงรุนแรงจนอวัยวะเพศของเธอฉีกขาด”
“ของแบบนี้แม่งเดี๋ยวก็หาย...ถึงกูไม่ได้เรียนหมอแต่กูไม่ได้โง่”
“มึงพูดเหมือนไม่สำนึกแล้วจะทำแบบนี้ต่อไป?”
“ไอ้ที กูให้มึงรักษาเอื้องขวัญ ไม่ใช่ให้มาเสือกเรื่องของกู...” ผมเปลี่ยนโทนเสียงเมื่อมันยังไม่เลิกพล่ามอะไรน่ารำคาญสักที “อย่าให้กูโมโหได้ปะ”
เอ่ยจบ ผมก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมแก้เซ็ง ไอ้ทีจ้องหน้าผมอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็เดินเข้าไปในห้องเหมือนเดิม
ทำตัวเป็นคนดีอยู่ได้...
เกลียดชะมัดไอ้พวกที่ทำตัวเป็นคนดีแต่สันดานจริง ๆ เป็นอีกแบบหนึ่งเนี่ย
กำลังสงสัยอยู่ล่ะสิ
ไอ้ทีน่ะ...นิสัยจริง ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอกหรอก ไม่งั้นมันจะคบกับผมได้เหรอ
เอาล่ะ ผมขี้เกียจพูดมาก อยากรู้ไปถามมันเอาละกันเนอะ
ผมนั่งกระดิกเท้าอยู่บนโซฟาขณะไถโทรศัพท์ส่องเฟซสาว ๆ ที่ผมเพิ่งตอบรับคำขอเป็นเพื่อนได้ไม่นาน...
แต่ละคน...
มุมปากยกขึ้นเมื่อความคิดแปลก ๆ โฉบเข้ามา ไม่นานผมก็ยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงก่อนลากสายตาไปหาร่างบางบนเตียงผู้ป่วย ยัยนั่นยังหลับอยู่
เอ...หรือตายไปแล้วก็ไม่รู้
ความจริงผมตั้งใจจะอุ้มยัยนั่นกลับคอนโดฯ ตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้วด้วยซ้ำ แต่ไอ้ทีให้ยัยนั่นนอนพักที่โรงพยาบาลสักวันสองวันเพื่อดูอาการ บวกกับสภาพแย่ ๆ ของเจ้าตัวด้วย ผมเลยไม่ว่าอะไร ยอมจ่ายแพงเพื่อใช้ห้องพักที่ดีที่สุด ไร้เสียงรบกวน
เพื่อให้ยัยนั่นมีลมหายใจอยู่ต่อ...จ่ายแพงเท่าไหร่ผมก็ยอม
อ๊ะ ๆ...อย่าคิดลึก
ผมแค่อยากสนุกกับเธอต่อมากกว่า ไม่มีสิ่งใดเจือปนทั้งนั้นครับผม
ฟุบ...
ผมเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง จ้องหน้าเอื้องขวัญไม่กี่วินาทีก็ตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ ผู้ป่วยตัวซีด เอียงคอเล็กน้อย...
“...ไม่สนุกเลย” ผมบ่นพึมพำขณะใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามกรอบหน้าเรียวซึ่งยังร้อนผ่าวเพราะพิษไข้
“อือ” ผมหยุดเคลื่อนไหวปลายนิ้วเมื่อเอื้องขวัญครางเสียงแผ่วราวกับตอบรับคำพูดของผม แต่จริง ๆ ยัยนั่นแค่ละเมอ ก่อนหน้านี้ก็เป็น ท่าทางเหมือนคนฝันร้ายเลยแฮะ
หยดน้ำตาปริ่มทั้ง ๆ ที่เปลือกตาปิดสนิท กระสับกระส่าย ยกมือสะเปะสะปะโดนแก้มและริมฝีปากผมหลายต่อหลายครั้ง
ท่าทางของยัยเด็กตรงหน้าทำให้ผมนึกถึงใครบางคน
นลิน
น้องสาวต่างสายเลือดของผมไง ภายนอกดูเป็นคนแรง ๆ แข็งกระด้าง แต่จริง ๆ เปราะบางจนน่ารำคาญ
แปะ!
ว่าแล้วเอื้องขวัญก็ใช้ฝ่ามือเล็กฟาดเต็มแก้มผม ขนาดหลับอยู่ยังแผลงฤทธิ์ได้...เห็นแล้วมันน่าจับขย้ำให้เละคามือ
“เตเจ็บนะ” ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ ฝ่ามือทั้งสองของเอื้องขวัญถูกผมรวบไว้แนบอก “แน่จริงตื่นมาตบสิ”
ไม่นานปลายจมูกผมก็ชนกับปลายจมูกมนของยัยนั่น
สารภาพบาปนิดหนึ่ง...ตอนเอื้องขวัญหลับแล้วโคตรเหมือนเด็กมอ.ปลายเลย เห็นแล้วอยากปู้ยี่ปู้ยำ
แต่จริง ๆ เมื่อหลายปีก่อนที่ผมจับเอื้องขวัญทำเมีย เธอก็ยังเรียนไม่จบเหมือนกันนี่หว่า
วรั๊ย ตายแล้ว ไอ้เตพรากผู้เยาว์
เมื่อมานับ ๆ ระยะห่างของอายุแล้ว ผมแก่กว่าเอื้องขวัญตั้งเจ็ดปี ตอนนี้ยัยนั่นน่าจะยี่สิบเอ็ด ส่วนผมย่างยี่สิบแปดแล้ว
โห...ทำไมรู้สึกชราภาพ
“นะ...นิล”
ผมตั้งใจจะจูบยัยนั่นตามสัญชาตญาณ แต่จำต้องชะงักในครั้งที่เอื้องขวัญครางชื่อของใครออกมาอย่างแผ่วเบา ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เท่าไหร่ แต่ผมได้ยินค่อนข้างชัดเจนเพราะอยู่ใกล้กันมาก
นิล? นิลไหน ผู้ชายหรือเปล่า
“แรดนะเรา ขนาดหลับยังละเมอถึงผู้ชาย” ผมปรามาส เหยียดมองยัยเด็กร้ายกาจด้วยสายตาสังเวชใจ “มีผัวกี่คนกันแน่”
สงสัย...หลายปีมาเนี่ย ยัยนั่นคบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน ชื่ออะไรบ้าง บ้านอยู่ไหน ลูกเต้าเหล่าใคร
เดี๋ยวให้ลูกน้องสืบดีกว่า...
จะฆ่าทิ้งแม่งให้หมด