CHAPTER 1
CHAPTER 1
ลือสนั่นวงในนางแบบสาวสวยอักษรย่อ ห ยืนเฉยดูเหตุการณ์ตบสนั่นกอง
นางแบบสาวใจน้ำแข็งยืนดูคนถูกตบ
จริงหรือมั่วนางแบบสาวอักษรย่อ ห จ้างตบลั่นกอง
ไร้ความเคลื่อนไหวข่าวตบสนั่นกอง คนในเผยนางแบบสาวมีเอี่ยว
ชีวิตวัยผู้ใหญ่นี่มันโคตรยากเลยเนาะว่ากันไหม
รู้งี้ถ้าเลือกได้อย่าเกิดมาเลยดีกว่า
“ข่าวบันเทิงไม่มีสำนักไหนไม่เล่นข่าวแกเลย”
“ดังอีกแล้วสินะ”
“นี่ยังเฉยหรือว่ารู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีสำนักข่าวพวกนั้นจะเลือกแต่ชื่อเพราะดับหมดเอง”
“…”
“ได้แต่ยิ้มไม่บอกอะไรหน่อยเหรอ”
“แล้วจะให้บอกอะไร?” และเมื่อประโยคนี้ออกจากปากไปอีกฝ่ายก็เงียบแต่กลับถอนลมหายใจยาวออกมาอย่างเบื่อหน่ายไม่ต่างจากฉัน “เดี๋ยวก็เงียบ”
“อืม ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวก็เงียบจริง”
เพราะมันจะเป็นแบบนั้นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่ใช่เรื่องราวชวนเหลือเชื่ออะไรหรอกนะแต่มันเป็นจริงทุกครั้งเวลาที่เจออะไรทำนองนี้ ตอนแรกๆ นั่งกังวลแทบเป็นแทบตายกลัวไปสารพัดอย่างแต่ตอนนี้การเติบโตขึ้นและโลดแล่นอยู่ในวงการมายาแห่งนี้ได้สอนความแข็งแกร่ง การใจเย็นและก็สอนความเป็นผู้ใหญ่ให้เสมอ
ไม่ชอบก็แค่นั่งยิ้มไม่แสดงออกทางสีหน้า
อยากตะคอกใส่แค่ไหนให้ยิ้มรับและลงท้ายว่าค่ะ
ตอบหลีกเลี่ยงตัวเองทั้งที่ความจริงจะเกี่ยวข้องแค่ไหนก็ตาม
ทุกอย่างต้องทำตัวดีเหมือนผ้าบริสุทธิ์ทั้งที่แปดเปื้อนแทบไม่มีจุดขาวสะอาด
ฉันเข้าใจมันทั้งหมด
“แล้วคิวงานเดือนนี้หมดใช่มั้ย”
“เคลียร์เรียบร้อย จะไปไหนก็ไปได้”
ประโยคลงท้ายที่ทำให้ฉันหันใบหน้าไปมองวิวด้านนอกคอนโดที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่แสงแดดจ้าชวนร้อนระอุทั้งๆ ตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ความคิดที่แล่นไปไกลทำเอาสิ่งที่วาดฝันไว้จางหายลงไปในพริบตาเมื่อเสียงข้อความโทรศัพท์ในมือดังขึ้น
เจอกันที่ออสเตรีย
อวสานวันหยุดที่มาถึงในรอบหลายเดือน
อวสานกับสิ่งที่คิดและก็ฝันเอาไว้ตรงนี้เลยเพราะว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น
นี่คือสิ่งที่ฉันแลกมาเพราะอยากได้คำว่าอิสระจากครอบครัว อิสระที่โหยหาและก็อิสระที่คิดว่ามันจะดีสุดท้ายก็เป็นเหมือนนกน้อยในกรงทองอยู่ดี
“คิดอะไรเอ่ยนางแบบสาวพราวเสน่ห์แต่มีเจ้าของแล้ว”
“คิดถึงเมื่อก่อน... ตอนที่เจอเขา”
เมื่ออายุได้สิบห้า ได้รับรู้เหตุการณ์นี้...
“ขนมที่คุณหนูชอบค่ะ”
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของคนในบ้านฉันหรอกนะ
รู้ไหมเสียงนี้ทำเอาปากกาในมือของฉันชะงักลงหยุดทุกอย่างที่กำลังทำเอาไว้ตรงนั้น
เวลาต่อมาก็มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายว่า ‘ขอบคุณครับ ของโปรดเลย’ ประโยคที่ธรรมดาทว่ารู้ไหมว่าน้ำเสียงไม่ใช่เลย อีกฝ่ายดีใจมากถึงแม้จะไม่ได้เห็นใบหน้าเขาก็ตามเนื่องด้วยมีกำแพงกั้นระหว่างเราเอาไว้ทุกอย่างจบลงแค่นั้นแต่สำหรับฉันไม่หรอกเพราะสายตาเบือนไปมองจานขนมบนโต๊ะตัวเองที่ยังไม่แตะสักคำเดียว
ซาหริ่ม ขนมไทยที่ฉันเกลียดที่สุด
แต่ยังมีคนมาบังคับยัดเยียดให้ทานอยู่ได้
ทำไมถึงไม่เป็นเหมือนบ้านข้างๆ บ้างนะ มันเป็นแค่การตั้งคำถามของเด็กอายุสิบห้าแบบฉันที่รู้ไหมไม่มีทางได้คำตอบหรอก ยังไงหนทางข้างหน้าก็มีแต่การบังคับทุกครั้งคราแม้กระทั่งเรื่องการเรียน
เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ
เรื่องที่ชอบกับไม่ได้เรียน
แล้วจะให้ตั้งใจเรียนไปทำไมกัน
เมื่ออายุได้สิบหก ได้เห็นเหตุการณ์นี้...
“มา...”
ฉันละประโยคเอาไว้แค่นี้และก็เปิดประตูบ้านค้างเอาไว้แบบนั้นพร้อมกับคำถามในเมื่อสายตาปะทะกับร่างสูงกว่าตัวเองมากถ้าจะให้เดาก็เกือบยี่สิบเซ็นเลย เขาส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ในขณะที่ฉันยังนิ่งไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ตื่นเต้นไปหมด
“พี่มาหาสองครับ”
มาหาพี่สองเหรอ
เขาเป็นอะไรกับพี่สองนะ
“…”
“ขอเข้าไปหาสองหน่อยนะ”
“…”
ความคิดที่ตั้งคำถามเองก็ได้แต่เก็บเอาไว้ไม่พูดอะไรแต่ฉันก็หลีกทางให้เขาเข้ามาในบ้านประจวบกับพี่สองลงจากชั้นสองมาจึงได้รู้ว่าเขาชื่อว่า ‘วัน’ รุ่นเดียวกับพี่สองซึ่งห่างจากฉันเกือบสามปี วันนั้นฉันได้เห็นความสนิทสนมของพี่สาวตัวเองกับผู้ชายคนนั้นพร้อมด้วยอาการคันยุบยิบตรงหัวใจ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ได้แค่เข้าใกล้ทำความรู้จัก
แล้วก็แอบชอบพี่วันเหมือนที่พี่วันแอบชอบพี่สอง
เมื่ออายุได้สิบแปด ได้เห็นเหตุการณ์นี้...
“นี่มันอะไรกันครับสอง”
“…”
“ที่ผ่านมามันคืออะไรเหรอครับ”
“…”
ก็ไม่ได้ยินประโยคอะไรจากปากพี่สองนอกจากอาการนิ่งเงียบ นาทีนี้ฉันก็หลบอยู่ในมุมของตัวเองแล้วไม่ออกไปให้สองคนนั้นรับรู้ว่ายังมีอีกคนได้ยินและรับรู้เรื่องราวของพวกเขา
พี่วันเอื้อมมือกุมมือของพี่สอง แต่พี่สองสะบัดออกอย่างไม่ใยดี
พี่วันจะเอื้อมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่สองถอยเท้าห่าง
“สอง...”
“มีสิทธิอะไรไปบอกแบบนั้นกับพี่เพชรห้ะวัน เราเพื่อนกันนะ”
“เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไหนจูบกันสอง”
“งั้นก็จำไว้ว่าเราคือเพื่อนกัน จำยัดใส่หัวสมองไว้เลยนะและก็ห่างเราด้วย พี่เพชรกับเรากำลังคบหากันอยู่”
“อะไรนะ คบกันเหรอ แล้ววันอยู่ไหนวะ”
“อยู่ในที่ของตัวเอง”
แค่นั้นกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่วันและพี่สอง ทั้งสองได้ห่างกันออกไปโดยปริยายพร้อมกับการไม่ย่างก้าวมาเหยียบที่บ้านของพี่วันจากวันกลายเป็นเดือนแล้วก็ปีแต่ใช้ไม่ได้กับฉันที่ได้เจอพี่วันบ่อยๆ
ระยะที่พี่วันไม่มาอะไรกับพี่สองนั้นไม่นึกเลยว่านอกจากที่พี่สองจะไม่สนใจยังทำกับไม่เคยมีพี่วันอยู่ในความทรงจำสักนิดเพราะเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่เพชรทั้งนั้น กระทั่งวันที่พี่วันกลับมาอยู่ที่บ้านข้างกันปัญหาจึงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนว่าครั้งนี้พี่สองต่างหากที่เป็นฝ่ายเว้าวอนพี่วัน
พี่สองที่แข็งแกร่งในวันนั้นกับอ่อนแอในวันนี้
พี่สองที่รักพี่เพชรกับชอบเข้าใกล้พี่วันตลอดเมื่อมีโอกาส
ทั้งที่อีกคนเฉยมาก
ยอมรับเลยว่าในนาทีนั้นฉันเองที่มีความคิดเห็นแก่ตัวพยายามภาวนาไม่ให้พี่วันกลับไปเป็นอย่างเดิมกับพี่สาวตัวเองอีก ความเห็นแก่ตัวในครั้งนั้นจากการภาวนามันอยู่ในขั้นสำเร็จคราวนี้สามารถเห็นได้เลยว่าใครที่แข็งแกร่งและใครที่อ่อนแอ จุดอ่อนของพี่วันที่พี่สองรับรู้งัดเอามาใช้ทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง พี่วันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
เมื่ออายุได้ยี่สิบปี ได้รู้ในเหตุการณ์นี้และก็ได้รู้สึกโคตรแย่
แล้วการภาวนาของตัวเองมันมีผลมาถึง 3 ปี ก่อนที่จะหยุดลงอย่างชะงักเมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรกแซง เหตุการณ์ในครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตฉัน เปลี่ยนความเป็นครอบครัวที่แย่แล้วกับแย่ลงไปอีก เปลี่ยนแม้กระทั่งพี่วัน วงจรชีวิตที่ไม่มีใครเอามันเป็นแบบนี้นี่เอง
การพยายามปฏิเสธ
การพยายามอธิบาย
แม้แต่การพยายามทำดี
ทุกอย่างที่คิดว่าดีพอจะช่วยให้ทุกคนได้สัมผัสมันใช้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว แม้กระทั่งพ่อแม่หรือว่าเครือญาติฝ่ายไหนก็ไม่มีใครอยากจะมองหน้าพูดคุยกับฉันสักคน จนแล้วจนรอดการไม่มีที่ไปการพยายามฝืนยิ้มแม้กระทั่งหัวใจมันแทบขาดแค่ไหนก็ไม่มีใครเหลียวมองคงทำให้บุคคลหนึ่งสงสารมั้งจึงเอ่ยปากบอกพี่วัน
บอกความจริงที่ทุกคนคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุ
บอกความจริงว่าเรื่องราวไม่เกี่ยวกันกับฉันเลย
“จะอยู่หรือจะไป ไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
นี่เป็นพี่วัน คนที่พยายามปฏิเสธความรักของฉัน
“…”
“ยังไงคนที่นี่ก็ไม่มีใครดีกับเธอแล้วนะหนึ่ง”
“…”
ใช่ไม่มีใครดี
“ออกจากข้อบังคับทุกอย่าง ไปให้สุดแล้วไปใช้ชีวิตของตัวเอง”
“ของตัวเองหรืออยู่ภายใต้เงาของพี่วันกัน” ในตอนนี้เขามีอิทธิพลพอทำให้คนก้มหัว เขามีทุกอย่างและเขาก็สามารถเอาฉันออกจากครอบครัวที่ยังไงก็ยังคิดว่าฉันเป็นฆาตกร “ยังไงกันแน่”
“คิดว่ายังไงล่ะ ธุรกิจไม่มีคำว่าลงทุนแล้วไม่ได้คืนหรอกนะ”
“…”
“แลกมัน แลกกันกับสิ่งที่เธออยากมี”
“อิสระนั่นนะเหรอ”
“ใช่”
“…”
“ฉันให้เธอได้ทุกอย่างเว้นแค่อิสระจากฉัน”