1. ฉันเป็นใครและคุณเป็นใคร

1913 คำ
เอี๊ยด! ตูม! สองพ่อลูกพูดคุยหัวเราะกันมาตลอดทางกลับบ้าน แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนฝันร้ายเมื่อรถบรรทุกวิ่งสวนมาพุ่งเข้าชนรถของสองพ่อลูกอย่างแรงจนกระเด็นตกขอบถนน ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้หนึ่งคนเสียชีวิต อีกหนึ่งคนรอดชีวิต เจตน์ เทพประดิษฐ์ หรือนายหัวเจตน์ วัย 37 ปี เจ้าของสวนปาล์ม 1,300 ไร่ ผู้ร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดในจังหวัดกระบี่ ลูกชายคนเดียวของนายหัวจักษ์กับนายแม่แหวน ต้องได้มาเป็นเจ้าภาพจัดงานศพของนายหัวพลที่จากไปด้วยอุบัติเหตุ ส่วนลูกสาวของท่านนั้นยังคงอยู่โรงพยาบาล จนตอนนี้ผ่านมาสามวันแล้วก็ยังไม่ฟื้น เจตน์กับครอบครัวจึงได้เป็นคนจัดการงานศพทั้งเป็นเจ้าภาพให้นายหัวพล เขาและนายหัวพลได้รู้จักและสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว ด้วยนายหัวพลมีปัญหาทางการเงินขาดสภาพคล่องทำให้บริษัทยางพาราเกิดปัญหาหมุนเงินจ่ายพนักงานไม่ทัน และตอนนี้เมื่อท่านจากไปแล้ว หนี้สินทั้งหมดของเขาก็คือทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เป็นของนายหัวพลต้องตกเป็นของเขาทุกอย่าง ญาติพี่น้องนายหัวพลก็ไม่มาสนใจ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีปัญหาทางการเงิน แม้แต่งานศพและหลานสาวคนเดียวที่ยังอยู่โรงพยาบาลก็ไม่แม้แต่จะสนใจมางานศพและไปเยี่ยมคนที่ยังไม่ได้สติ นายหัวหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก็มองไปทางรูปที่ตั้งหน้าศพของคนที่จากไปแล้วก็มองไปรอบๆ งานที่ตอนนี้แขกเหรื่อมากันหมดแล้ว เขาสงสารนายหัวพลจริงๆ ที่มีญาติก็เหมือนไม่มี ลูกสาวคนเดียวที่ห่วงที่สุดก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้นายหัวพลได้บอกเขาตลอดเวลาที่เจอกันว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับตน ฝากดูแลบริษัทพร้อมลูกสาวของตนด้วย และเขาก็รับปากว่าจะดูแลให้เองหากวันนั้นมาถึง เหมือนว่านายหัวพลจะมีลางสังหรณ์อยู่ก่อนแล้วว่าต้องมีวันนี้เลยฝากฝังลูกสาวกับตนและบริษัทเขาก็นำมาค้ำประกันเงินกู้กับตน “จะไปไหนตาเจตน์” แหวนถามลูกชายที่ลุกขึ้นยืน “ไอ้เขียวมาบอกว่าลูกสาวของนายหัวพลฟื้นแล้วครับ” “ไม่ต้องห่วงทางนี้ พ่อกับแม่จัดการเอง แกไปดูเด็กนั่นเถอะ ตื่นมาคงจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ และอย่าเพิ่งบอกนะว่าพ่อของเธอเสียแล้ว” นายหัวจักษ์บอกลูกชาย “ครับพ่อ” แล้วเจตน์ก็เดินออกไปจากงานศพ ตามด้วยเขียว ลูกน้องคนสนิทเดินตามตัวเองไปติดๆ พร้อม จันทร์แสง หรือพร้อม วัย 23 ปี เธอโตมากับพ่อ ส่วนแม่จากไปตั้งแต่เธออายุสองขวบ และวันนี้พ่อไม่อยู่แล้ว แถมตื่นขึ้นมาก็จำตัวเองไม่ได้ เอาแต่บ่นปวดหัว แม้อุบัติเหตุจะรุนแรงสาหัส แต่เธอก็ไม่ได้มีส่วนไหนของร่างกายหักหรือสาหัส มีเพียงแผลเล็กน้อยตามร่างกายเท่านั้น แต่ที่หลับไปหลายวันเพราะช็อกตกใจจนทำให้นอนหมดสติหลายวันเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา นายหัวหนุ่มมองผ่านช่องกระจกหน้าห้องพักฟื้นของพร้อมแล้วก็หันมาคุยกับคุณหมอที่เพิ่งออกมาจากห้อง เขามองสาวเจ้าเนื้อที่ตอนนี้กำลังมีพยาบาลดูแลอยู่ข้างในแล้วก็ถอนหายใจ “เธอจำตัวเองไม่ได้เหรอ?” “ครับ นายหัวเจตน์” คุณหมอเจ้าของไข้ตอบ “พาสแกนสมองรึยังครับ” “เราทำการสแกนดูแล้วครับ สมองของเธอปกติดี ไม่ได้มีรอยร้าวหรืออะไร อาการที่เป็นตอนนี้เหมือนเธอตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราวครับ ไม่นานเธอก็จะกลับมาปกติครับ ส่วนร่างกายก็มีแผลบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้มีส่วนไหนหักเสียหาย อันนี้ถือว่าเป็นโชคของเธอเลยครับ ทั้งๆ ที่รถเละแบบนั้น” “เดี๋ยวผมจะเข้าไปคุยกับเธอเอง ขอบคุณครับคุณหมอ” “ครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แล้วคุณหมอวัยกลางคนก็จากไป “ไอ้เขียว มึงกลับไปช่วยงานศพของนายหัวพลเถอะ ทางนี้กูจัดการเอง” “นายหัวแน่ใจนะครับว่าจัดการได้” ไอ้เขียวถาม เพราะนายหัวของมันไม่เคยดูแลใคร แล้วจะมาดูแลคนป่วยความจำเสื่อมเนี่ยนะ มันเป็นไปได้เหรอ “กูสั่งอะไร มึงก็ไปไอ้เขียว” “ครับ นายหัว” แล้วไอ้เขียวก็จากไป แอค! เจตน์เปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปแล้วก็สั่งให้พยาบาลออกไป ตนจะอยู่กับหญิงสาวเอง เขาเคยเจอพร้อมสองสามครั้ง แต่ไม่เคยคุยกัน แค่เดินสวนกันเท่านั้น และก็ได้รู้ได้ฟังมาบ้างว่าหญิงสาวมีนิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจ ก็ปกติของลูกสาวคนเดียวที่พ่อแม่ตามใจนั่นแหละ พร้อมมองจ้องคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาหยุดข้างเตียงนอนตัวเองแล้วก็ขยับตัวพิงหัวเตียงดึงเลิกผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองด้วยความหวาดกลัว นายหัวหนุ่มมองคนตัวอวบที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วก็แหงนเงยมองบนแล้วยื่นมือไปจับดึงผ้าห่มออกพร้อมกับเอ่ยกับหญิงสาวอย่างใจเย็นและนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเอ่ยออกมาได้ “ไม่ต้องกลัวฉันเด็กน้อย” เจตน์เอ่ยเสียงนุ่มพร้อมกับดึงผ้าห่มออกแล้วนั่งลงบนเตียงผู้ป่วย พร้อมเงยหน้าที่ก้มอยู่สบตาสีสนิมเข้มของคนแปลกหน้าตรงหน้าแล้วพยายามคิดว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองพร้อมส่ายแรงๆ เมื่อคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก “ปวดหัว หนูปวดหัว...” “ไม่ต้องคิดมาก เชื่อใจฉันนะ อยู่กับฉัน เธอจะปลอดภัย” คนหน้าดุเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเล็กมากุมพร้อมบีบคลึงมือนุ่มให้ผ่อนคลาย ส่วนมือข้างที่ว่างก็ยื่นไปแตะหัวทุยเล็กสาวอวบแล้วลูบปลอบโยน แล้วเคลื่อนมาซับน้ำตาที่ไหลอาบเปื้อนสองแก้มนุ่มนวลเนียนของพร้อมไปด้วย ฮือๆ เมื่อผ่อนคลาย อาการปวดหัวก็ทุเลาลง เธอค่อยๆ เงยหน้าที่ก้มขึ้นสบตาสีเข้มสนิมเหล็กของชายแปลกหน้าอีกครั้ง เจตน์เองก็สบจ้องดวงตากลมโตที่จดจ้องมองตนเอง แม้จะเปื้อนไปด้วยน้ำตา แต่ดวงตาของพร้อมสวยมาก สวยจนเขาไม่อาจละสายตาทิ้งไปได้ เขามองจ้องดวงตาคู่สวยอาบคลอไปด้วยน้ำตาแล้วมองสำรวจใบหน้าของคนตัวอวบอิ่มอีกครั้งอย่างจริงจัง เธอเป็นสาวอวบที่สวยมาก ใบหน้าก็จิ้มลิ้ม จมูกกับปากรับกันอย่างลงตัว และร่างกายก็มีทรวดทรงองค์เอวสวยงามชัดเจน อึก! เจตน์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อรู้สึกคอแห้ง ‘อ่า! ให้ตายสิไอ้เจตน์ มึงมาคิดอยากได้เธอตอนนี้ได้ไงวะ’ เขาพึมพำกับตัวเองในใจ ตอนนี้เจตน์รู้สึกคอแห้งหายใจติดขัด เพราะส่วนที่ยืดหดได้ของเขามันกำลังเกิดการประท้วงขึ้นที่กลางหว่างขา “ฉันเชื่อใจคุณได้ไหมคะ?” เสียงเล็กหวานดังลอดจากริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อ ขนาดป่วยแต่สีปากก็น่าบดคลึงกระแทกปากหนาเหลือเกิน “เชื่อได้สิ เพราะฉันคือคนที่เธอต้องเชื่อใจพร้อม” “พร้อม?” เธอเลิกคิ้วสงสัย เพราะมันคุ้นหู “เธอชื่อ ‘พร้อม’ อายุยี่สิบสามปี และ...” ยังไม่ทันพูดจบ เสียงเล็กก็แทรกขึ้น “เป็นลูกสาวคุณเหรอคะ?” ดวงตากลมโตเป็นประกาย “เมียไม่ใช่ลูก!” เจตน์ตอบสวนกลับอย่างไว โดยที่ตัวเองก็เพิ่งมีสติว่าตนเผลอพูดว่า ‘เมีย’ ออกไปแทนที่จะบอกว่าเป็น ‘น้องสาว’ “เมียเหรอคะ?” สาวอวบขมวดคิ้วสงสัย ไม่เชื่อ ‘เอาวะ! เมียก็เมีย ยังไงซะก็แค่คนความจำเสื่อมเอง’ เขาพึมพำในใจ “ใช่ เราเป็นผัวเมียกัน ฉันชื่อ ‘เจตน์’ แต่เธอจะเรียกฉันว่า ‘นายหัว’ แบบคนงานที่ไร่” นายหัวหนุ่มเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมพยักหน้ารับรู้แล้วมองจ้องดวงตาอีกฝ่ายอีกครั้งแล้วก็หลบตา “ไม่เชื่อฉันเหรอ เดี๋ยวฉันพิสูจน์ให้ดูว่าฉันเป็น ‘ผัว’ เธอจริงไหม” แล้วเจตน์ก็ขยับตัวเข้าใกล้แล้วใช้มือดันคางเล็กจิ้มลิ้มของคนป่วยให้แหงนเงยขึ้นแล้วตนก็ก้มลงทาบทับริมฝีปากหนาสีเข้มจากการดูดบุหรี่มาเป็นเวลานานของตนกับกลีบปากอ่อนนุ่มของพร้อม “อะ...อื้อ” จากจะแค่จูบยืนยันแค่ปากแตะปากเท่านั้น แต่ความอ่อนนุ่มและความหิวกระหายของเขาทำให้ดุนดันเรียวลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากน้อยของสาวอวบอย่างตะกละ มือสากที่กุมมือนุ่มก็เคลื่อนมาตวัดโอบลำคอหญิงสาวรั้งให้รองรับจูบหนักหน่วงของตน “อะ...อื้อ” พร้อมหายใจไม่ทันจึงพยายามดันอกหนาให้เขาหยุด แต่เหมือนว่ายิ่งพยายามผลักดันทุบหน้าอกแกร่ง เขาก็ยิ่งจูบหนักหน่วงขึ้น เรียวลิ้นเล็กก็ถูกเรียวลิ้นสากของคนที่บอกว่าเป็น ‘สามี’ ตนดูดคลึงหยอกเย้า แค่ก! แค่ก! ปากหนาผละออกอย่างเสียดาย แต่ก็ต้องหักห้ามความหิวกระหายตัวเองไว้ด้วยสภาพร่างกายของพร้อมยังไม่พร้อมตอนนี้ เธอยังนอนอยู่บนเตียงพักฟื้น และเพียงแค่จูบเดียว เขาก็รู้ว่าสาวอวบนั้นไร้เดียงสา จากการสำลักจากการจูบเพราะหายใจไม่ทันแล้วก็ทำให้มุมปากหนายิ้มกรุ้มกริ่มพึงพอใจกับเธอคนนี้ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าสองวันก่อนเพิ่งปลดปล่อยอารมณ์หื่นมา แล้วทำไมมาหื่น มาอยากได้ อยากอัดแน่นในกายสาวของพร้อมไปได้ หรือเพราะเธอเป็นผู้หญิงแบบที่ไม่เคยสัมผัสถึงได้รู้สึกกระหายแบบนี้ “เนี่ยแค่ยืนยันว่าเราเป็น ‘ผัวเมีย’ กันเท่านั้น เธอได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ฉันจะจัดให้หนักทุกดอก จนกว่าเธอจะจำฉันได้ เด็กน้อยของฉัน” เขาพูดพร้อมลูบไล้ริมฝีปากอวบอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่อเพราะตน สาวอวบไม่ตอบ เธอเอาแต่ก้มหน้าเขินอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น “นอนพักได้แล้วจะได้ไม่ต้องปวดหัว” “คะ...ค่ะ” แล้วพร้อมก็เคลื่อนตัวล้มนอนลงบนเตียงเมื่อเขาลุกลงจากเตียงของเธอไปนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียงนอนผู้ป่วยของตน หึหึ เจตน์ขำในคอเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของสาวอวบที่ตอนนี้ไม่กล้ามองสบตาตน เขาจึงลุกขึ้นดึงเลิกผ้าห่มห่มให้เธอพร้อมก้มหน้าลงจุ๊บหน้าผากมนของพร้อม “พักผ่อนซะเด็กดี และไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวปวดหัว” “คะ...ค่ะ” แล้วสาวอวบก็ข่มตาหลับ แต่ก็หลับไม่สนิท เพราะจิตใจยังคงอยู่ที่จูบดุดันหนักหน่วงก่อนหน้านี้ นายหัวหนุ่มมองดูคนที่หลับบนเตียง เขามองออกว่าเธอยังหลับไม่สนิท แต่ก็แสร้งไม่สนใจ เขาหยิบล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเล่นฆ่าเวลาไปพลางๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม