5
ตัวตายตัวแทน
เหอซิงนอนนิ่งอยู่กับที่ คำนวณเวลาในใจคงผ่านมาประมาณครึ่งชั่วยาม ครั้นแน่ใจว่าไป๋เล่อจะไม่เข้ามาอีกจึงลืมตาขึ้น
ม่านตาของเด็กหญิงถูกปรับให้ชินกับความมืดแล้วกวาดตามองดูรอบห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ทั้งเกมตึกถล่มที่ยังเล่นไม่จบและเบาะนุ่ม ทว่าร่างของคุณหนูแห่งจวนเจ้ากรมการคลังกลับหายไป
นางนอนอยู่บนเตียงของจางโม่ แล้วจางโม่ไปอยู่ไหน เหตุใดไป๋เล่อจึงได้นำตัวนางมาไว้ที่นี่...
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในความคิด ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลกลอกไปมา ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อตระหนักถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
หรือว่าเขาต้องการให้นางสวมรอยเป็นจางโม่!
เหตุการณ์ทั้งหลายเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนเด็กหญิงคิดตามไม่ทัน นางรู้สึกผิดปกติตั้งแต่น้ำชาที่ถูกรินให้เมื่อตอนเย็น เนื่องจากส่วนผสมของยาสลบนี้เป็นหนึ่งในส่วนผสมแบบเดียวกับที่สัตวแพทย์ในร่างเด็กพกติดตัวเอาไว้เสมอเผื่อเจอสัตว์ที่บาดเจ็บ
ด้วยเหตุนี้นางจึงไหวตัวทันแล้วไม่ดื่มชานั้น และที่แสร้งหลับก็เพราะแน่ใจแล้วว่ายาสลบจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นางถูกเชิญมายังเมืองหลวงอย่างแน่นอน
ทว่าเรื่องที่ทำให้เหอซิงตั้งข้อสงสัย คือฮูหยินสามกลับให้จางโม่ดื่มชาจากกาเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็คงไม่ยอมวางยาสลบบุตรสาวของตนเองเป็นแน่ นางจึงคาดเดาว่านางก็คงไม่รู้ถึงการวางยาสลบในครั้งนี้
ป่านนี้เหอลั่วคงบอกเหอฟงแล้ว ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะซุ่มรออยู่ด้านนอก พี่ชายคนที่สี่ของนางเป็นถึงศิษย์ของจอมยุทธ์เว่ยผู้โด่งดังในยุทธภพจึงมีฝีมืออยู่พอสมควร
เด็กหญิงลังเลไม่ยอมเคลื่อนกายลงจากเตียง เสียงของไป๋เล่อยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด หากอยากรู้ต้นสายปลายเหตุก็คงต้องไปถามเอาจากพ่อบ้านผู้นั้น แต่นางจะใช้วิธีใดได้บ้างจึงจะทำให้คนสูงวัยกว่ายอมเอ่ยปากออกมา
ตั้งแต่นางเดินทางมาถึง ใต้เท้าจางก็ให้แต่งกายเสมือนฝาแฝดกับบุตรสาวมาตลอด เห็นได้ชัดว่าต้องการให้สวมรอยเสมือนเป็นลูกสาวของตน หรือว่า…!
ดวงตาของเหอซิงเบิกกว้างขึ้น ร่างเล็กๆ เด้งกายลุกขึ้นจากเตียงโดยฉับพลัน ทว่าไม่ทันกาลเสียแล้ว เมื่อบานหน้าต่างใหญ่ภายในห้องนอนถูกแรงมหาศาลกระชากจนเปิดออกจากด้านนอก ชายในชุดสีดำหกคนบุกเข้ามาในห้อง สายตาทั้งหกคู่จ้องตรงมาที่นางซึ่งสวมใส่ชุดเหมือนกับจางโม่เป็นตาเดียว!
นางกระโดดลงจากเตียงอย่างร้อนรน อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้นตามความสัญชาตญาณที่ตื่นตัว เป็นครั้งแรกที่เหอซิงรู้สึกว่าเท้าของตัวเองสั้นเกินไป วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกชายชุดดำล้อมเอาไว้จนหมดสิ้นทางหนี
ครั้นใบหน้าเล็กเงยขึ้นมองร่างใหญ่หนาก็รับรู้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างจากไป๋เล่อโดยสิ้นเชิง รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจนร่างเล็กหนาวสะท้าน กายเริ่มสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
คนเหล่านี้มีความโหดเหี้ยม ทั้งสีหน้าและแววตาไร้ซึ่งความปรานี! เด็กหญิงสบตาเพียงครู่เดียวก็ทราบได้ทันทีว่าพวกเขาสามารถสังหารเด็กอย่างนางได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ!
“ช่วยดะ...!” นางตะโกนออกไปได้เพียงคำเดียว ท้ายทอยก็ถูกสับเข้าอย่างแรงก่อนที่สติจะดับวูบลงอย่างรวดเร็ว
เสียงฝีเท้าและล้อรถที่เคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้าราวกับสัญญาณร้องปลุกผู้ที่นอนสลบไสลอยู่ให้ตื่นขึ้น ความรู้สึกแรกคือความหนึกอึ้งที่เปลือกตา เหอซิงพยายามขยับแขนขาก็พบว่าเรี่ยวแรงราวกับถูกสูบออกไปจากร่างจนขยับไม่ได้
ในที่สุดนางก็สามารถลืมตาขึ้นมามองภาพทั้งหลายได้อย่างเต็มตา พบว่าขาถูกเชือกมัดพันธนาการเอาไว้เช่นเดียวกับมือที่ถูกมัดประกบกันเอาไว้เบื้องหน้า ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การมัดมือไพล่หลัง แต่ก็ทำให้การขยับกายเป็นไปอย่างยากลำบากอยู่ดี เมื่อนางเห็นว่าพยายามขยับกายไปก็ไร้ประโยชน์จึงหยุดดิ้น แล้วใช้สายตามองสำรวจไปยังสิ่งอื่นๆ แทน
ภาพของหลังคารถม้าเป็นสิ่งแรกที่เห็น คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าหน้าต่างรถม้าปกติที่ควรจะเปิดโล่งกลับมีกรงเหล็กบดบังเอาไว้อย่างมิดชิด ฟังจากเสียงและการเคลื่อนไหวแล้ว รถม้าคันนี้กำลังแล่น มิได้หยุดนิ่งอยู่กับที่
เหอซิงหาได้ร้องไห้จ้าเหมือนเด็กทั่วไปไม่ เวลานี้ผู้ใหญ่ในร่างเด็กรู้แน่แล้วว่าตนเองถูกสวมรอยให้โดนลักพาตัวแทนคุณหนูแห่งจวนเจ้ากรมการคลังจริงๆ
ไหนท่านเทพเคยให้พรไว้ว่าฉันจะแข็งแรงโชคดีไง! นี่มันอะไรกัน! อายุแปดขวบก็โดนคนอื่นหลอกให้โดนลักพาตัวแทนลูกสาว โชคดีกับผีน่ะสิ!
นางก่นด่าท่านเทพผู้ดูแลสะพานแห่งดวงดาวอยู่ในใจ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้จะให้ถามเทพก็คงไม่มีประโยชน์ นางคงต้องหาทางรอดด้วยตนเอง
เหอซิงเริ่มก้มลงสำรวจตัวเองบ้าง พบว่าเสื้อผ้าและเครื่องประดับบนร่างยังอยู่ครบจึงแปลกใจยิ่งกว่าเดิม คนร้ายแต่งตัวเฉกเช่นโจร แต่เหตุใดกลับไม่ช่วงชิงของมีค่าออกไปจากตัวนางเลยแม้แต่น้อย ในสมองผุดคำถามขึ้นมามากมาย
ก่อนอื่นนางต้องรู้ให้ได้ว่าตนอยู่ที่ใดกันแน่
ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นเมื่อเจ้าตัวเริ่มฝืนขยับกายเพื่อนอนราบลงบนพื้นไม้ จากนั้นก็ค่อยๆ กลิ้งไปยังอีกฟากหนึ่งของรถม้า ระยะเพียงเล็กน้อยกลับทำเอาเหงื่อท่วมไปทั้งตัว กว่าจะดันกายลุกขึ้นมานั่งมองหน้าต่างได้ ตาเล็กๆ ก็ปรือจนแทบจะปิด
ภาพด้านนอกคือท้องถนนที่แสนวังเวงแสดงว่ายังคงอยู่ในเมืองหลวง ท้องฟ้ามืดครึ้มส่วนหนึ่งถูกย้อมด้วยสีแสดบ่งบอกเวลาใกล้รุ่งสาง แม้ร่างกายจะไร้เรี่ยวแรงแต่สมองของนางยังคงทำงานเป็นปกติ น่าแปลกที่รถม้าคันนี้กลับแล่นเอื่อยเฉื่อย แทนที่จะลักพาตัวคนแล้วหนีไปด้วยอย่างรวดเร็วและรีบร้อนกว่านี้
ทว่าความรู้สึกเหมือนถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ก็ทำให้นางแหงนหน้าขึ้นช้อนมองในจุดที่อยู่สูงขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่รถม้ากำลังจะแล่นผ่าน กลับมีแววตาเรียบเฉยคู่หนึ่งกำลังมองมาที่นางพอดี
ความผิดหวังจางๆ ผุดขึ้นในใจเมื่อเหอซิงรู้ว่านั่นไม่ใช่แววตาของพี่ชายคนเล็ก แต่วินาทีต่อมาดวงตาสีน้ำตาลของนางก็เปล่งประกายมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น เรียกให้ผู้ที่จ้องมองนางอยู่ในความมืดมีความประหลาดใจวาดผ่านนัยน์ตาคมราวกับดวงตาของพญาอินทรี
ฝ่ายเด็กหญิงก็พยายามใช้ความคิดอย่างหนัก ก้มลงมองร่างเล็กๆ ของตนเองอีกคราก่อนที่จะมีความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นมา เนื่องจากมือถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือก นางจึงใช้นิ้วค่อยๆ คีบเข้าที่สร้อยคอไข่มุกเส้นยาวบนลำคอแล้วกระชากมันอย่างแรง!
ความเจ็บปวดตรงคอทำให้น้ำตาของเด็กน้อยไหลอาบแก้ม แต่แรงของนางก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้มันขาด
เหอซิงกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงเอาไว้ รถม้าใกล้จะแล่นเลยต้นไม้ใหญ่แล้ว หากนางไม่รีบทำอะไรสักอย่างก็คงไม่มีโอกาสอีก!
ความเจ็บปวดฉุดรั้งสติและกำลังภายในของเด็กหญิงให้กลับคืนมา เหอซิงรวบรวมพลังลมปราณไปที่ปลายนิ้ว ก่อนจะลงมือกระชากสร้อยเส้นยาวอีกรอบโดยปราศจากความลังเล!
ครานี้สร้อยคอเส้นยาวขาดสะบั้น เม็ดไข่มุกล้ำค่าตกลงบนพื้น บ้างก็เด้งออกห่างจนเกินเอื้อม แม้จะรู้สึกแสบร้อนที่คอแต่นางก็รีบคว้าไข่มุกจำนวนหนึ่งที่ตกอยู่ใกล้ตัวเอาไว้ ยื่นมือออกไปนอกกรงแล้วทิ้งมันลงบนถนน เอ่ยเสียงแผ่วกับคนที่อยู่ในความมืด แม้ความหวังมีเพียงนิดก็ยังเชื่อว่าอีกฝ่ายจะช่วย
“นำไปยังจวนเจ้ากรมการคลัง...”
สิ้นเสียงแหบแห้ง รถม้าก็แล่นออกจากบริเวณนั้นไปไกล...ครั้นแน่ใจแล้วว่ารถม้าได้จากไปแล้ว ผู้ที่เร้นกายอยู่บนต้นไม้จึงได้กระโดดลงมาทิ้งตัวลงยังพื้นเบื้องล่าง กลิ่นอายกำลังภายในสูงส่งแผ่ออกมาจากเจ้าตัว ในขณะที่มือใหญ่หยิบฉวยเม็ดไข่มุกขึ้นมา ก้มลงพิจารณาดูใกล้ๆ ด้วยแววตาครุ่นคิดก่อนที่ร่างจะจางหายไปจากจุดนั้นอย่างไร่ร่องรอย
ฝ่ายเหอซิง เมื่อจัดการทิ้งเม็ดไข่มุกออกจากรถม้าแล้วก็หาได้อยู่เฉยไม่ มือเล็กเปราะบางทั้งสองพยายามคว้าเอาไข่มุกใกล้ๆ ตัวแล้วปล่อยเม็ดไข่มุกสีขาวร่วงลงบนถนนนอกรถม้าทีละเม็ด หวังว่าสิ่งนี้ช่วยนำทางคนที่มาช่วยซึ่งไม่รู้ว่าจะมีจริงๆ หรือไม่