กลิ่นจันทร์และคิมหันต์ตกลงแต่งงานกัน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายดีใจเป็นอย่างมาก รีบไปหาฤกษ์หายามเพื่อจัดงานแต่งงาน จนมาถึงวันนั้นจริง ๆ วันที่ทั้งสองครอบครัวจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน
เพราะวันนี้คือวันแต่งงานของคิมหันต์กับกลิ่นจันทร์ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมของชายหนุ่มอย่างใหญ่โต เหมาะสมกับฐานะของทั้งสองฝ่าย
มีการเชิญแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายนับพันคนก็ว่าได้ เพราะสองตระกูลดังมาเกี่ยวดองกัน แต่ทั้งคู่ก็ถูกนินทาไปต่าง ๆ นานา หาว่าฝ่ายหญิงท้องจึงต้องจัดงานแต่งงานสายฟ้าแลบแบบนี้ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นมาประกาศชี้แจงเรื่องทั้งหมด ทำให้คนที่เคยนินทาเปลี่ยนคำพูดมาแสดงความยินดีแทน
“ว้าว สวยมากเลยจ้า ลูกสาวแม่”
คุณจันทร์เจ้าเดินขึ้นมาตามลูกสาวบนห้องแต่งตัวเพื่อให้ลงไปถ่ายรูปกับแขกที่กำลังทยอยมางาน วันนี้กลิ่นจันทร์สวยมาก ทำให้อดจะชื่นชมไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่”
เจ้าสาวยิ้มหวานให้มารดา ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันแต่งงานที่เธอต้องการ แต่เธอก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อคนในครอบครัวที่รักและหวังดีกับเธอมากที่สุด
กลิ่นจันทร์ก็ได้แต่หวังว่าคิมหันต์จะเป็นสามีที่ดี เพราะถ้าเขานิสัยไม่ดีเธอคงต้องขอหย่า
“ลงไปข้างล่างกันเถอะลูก แขกเริ่มมากันแล้ว”
“ค่ะคุณแม่”
หญิงสาวหันไปมองกระจกอีกครั้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อยและเรียกความมั่นใจของตนเอง เพื่องานแต่งงานที่กำลังจะเกิดในอีกไม่ช้า
จากนั้นสองแม่ลูกกับบรรดาสาวใช้ที่คอยดูแลเจ้าสาวก็ก้าวเท้าออกจากห้อง ก่อนจะเดินลงมายังสถานที่จัดงานที่มีครอบครัวของเจ้าบ่าวรออยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าสาวมาแล้ว สวยมากเลยหนูกลิ่น”
มารดาของฝ่ายชายเห็นว่าที่เจ้าสาวเดินมากับคุณเพียงเพ็ญรีบเดินเข้าไปหาแล้วชื่นชมลูกสะใภ้ทันที เพราะหญิงสาวสวยมากจริง ๆ
นางคิดว่าถ้าลูกชายเห็นเขาจะต้องตกตะลึงแน่ ทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้งการแต่งกาย ไม่มีใครสวยเท่ากับลูกสะใภ้อีกแล้ว
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” เจ้าสาวของงานยกมือขึ้นมาไหว้มารดาฝ่ายชายอย่างสวยงามสมกับเป็นกุลสตรีไทยพร้อมกับยิ้มแบบอาย ๆ เพราะเขินกับสายตาของแขกที่มองเธอราวกับนางฟ้า
“เรียกแม่เถอะจ้ะ หนูกลิ่น”
“ค่ะ คุณแม่” หญิงสาวรับคำแม่สามีแบบไม่เกี่ยงงอน เพราะอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะกลายเป็นลูกสะใภ้ตระกูลกุลกานนต์แล้ว มันก็ไม่แปลกที่จะเรียกมารดาของชายหนุ่มว่าแม่
ส่วนเจ้าบ่าวของงานที่เพิ่งเดินออกมาจากการไปทำธุระในห้องน้ำก็ต้องตะลึงทันทีเมื่อเห็นความสวยของเจ้าสาว
เขามองเธอตาไม่กะพริบ กว่าจะหาเสียงของตนเองเจอก็ตอนที่น้องสาวเข้ามาทัก
“พี่คิมเป็นอะไรคะ ทำไมไม่เดินเข้าไปล่ะ ฮันแน่ ตะลึงกับความสวยของเจ้าสาวล่ะสิ เอิงเห็นนะ เมื่อกี้มองพี่กลิ่นตาเยิ้มเชียว”
“เปล่า พี่เห็นผู้หญิงสวย ๆ จนเบื่อแล้ว พี่สะใภ้ของเราก็งั้น ๆ แหละ”
“อ้าวเหรอ งั้นเอิงไปบอกพี่กลิ่นดีกว่าว่าพี่คิมพูดอะไร”
“เฮ้ย อย่านะ โอเค ๆ พี่สะใภ้ของเราสวยจริง ๆ สวยแบบที่พี่ไม่เคยเจอมาก่อน พอใจยัง”
“คิก ๆ แก้มแดงเลยนะ ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ชมภรรยาตัวเองออกจะเป็นเรื่องที่ดี”
“พอ ๆ พี่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเอิงแล้ว พี่เข้าไปหาคุณแม่ดีกว่า”
เจ้าบ่าวพูดจบก็รีบเดินไปหามารดาของตนเองกับเจ้าสาวที่กำลังมองทางพวกเขาพอดี ทำให้เอิงเอยขำจนน้ำตาไหลในความปากแข็งของพี่ชาย
เธอสงสารก็แต่พี่สะใภ้เท่านั้น ไม่รู้จะทนอยู่กับคนอย่างคิมหันต์ไปได้สักกี่น้ำ เพราะพี่ชายของตนเองปากแข็งจะตาย เก็บความรู้สึกเป็นที่หนึ่ง ชอบทำอะไรตรงความข้ามกับต้องการเป็นประจำ
“ตาคิม ดูแลเจ้าสาวของเราด้วยนะ เดี๋ยวแม่กับป้าจันทร์จะเข้าไปทักทายแขกในงาน”
“ได้ครับคุณแม่ ผมจะดูแลอย่างดีเลย” คิมหันต์ส่งยิ้มแบบหล่อ ๆ ไปให้เจ้าสาวของตน ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต เมื่อผู้ใหญ่เข้าไปข้างในกันหมด ชายหนุ่มก็รีบประกบเจ้าสาวทันที ทำยังกับว่าเธอจะหายตัวไปอย่างนั้นแหละ
“นี่คุณ จะมายืนติดกันทำไม ออกไปห่าง ๆ หน่อยสิ”
หญิงสาวพูดเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มจะไม่ได้ยินจึงไม่ยอมถอยห่าง เธอเลยถอยเอง แต่ก็โดนอีกฝ่ายโอบเอวแล้วดึงเข้ามาหาตัวพร้อมกับยิ้ม
กวน ๆ ใส่
“เราอยู่ใกล้กันดีที่สุด เดี๋ยวแขกมาเขาจะหาว่าพี่ดูแลเธอไม่ดี”
“งั้นก็ได้ แต่มือไม่ต้องโอบเอวได้ไหม มันอึดอัด”
“ไม่ได้ อะ ห้ามเถียง แขกมาพอดี”
กลิ่นจันทร์จึงต้องยอมให้เจ้าบ่าวโอบเอวเพราะไม่อยากทะเลาะต่อหน้าแขกที่มางาน เธอได้แต่เก็บความแค้นนี้ในใจ เอาไว้อยู่สองต่อสองเมื่อไหร่เธอจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดู
หญิงสาวคิดแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่เธอไม่รู้หรอกว่าไอ้อาการยิ้มแบบนางร้ายในละครของตนเองก็อยู่ในสายตาของชายหนุ่มเหมือนกัน
เมื่อถึงเวลาเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งสองก็เดินขึ้นเวทีอย่างสง่างาม ทำเหมือนคู่รักกันจริง ๆ หวานจนใคร ๆ ที่มางานแต่งงานอดจะชื่นชมไม่ได้
ทั้งคู่ขึ้นไปเอ่ยคำในใจสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ตัดเค้กที่ความสูงหลายชั้น และจบด้วยการโยนดอกไม้ที่สุดท้ายตกไปเป็นของเอิงเอยซึ่งเป็นน้องสาวเจ้าบ่าว ทำให้คนโห่ร้องแสดงความยินดีกับตระกูลกุลกานนต์ลั่นฮอลล์ จากนั้นก็ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเข้าหอ ทั้งพ่อแม่ของฝ่ายชายและพ่อแม่ของฝ่ายหญิง รวมถึงคนอื่น ๆ ที่สนิทชิดเชื้อกันก็มาส่งทั้งคู่ในห้องหอพร้อมกับคำอวยพรที่พูดออกมาจากใจ
“พ่อกับแม่ขอให้ลูกทั้งสองอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยซึ่งกันและกันนะลูก” คุณเพียงเพ็ญและคุณอนาคินเข้ามาอวยพรก่อนคนอื่น ๆ
“ขอบคุณครับคุณพ่อ คุณแม่”
เจ้าบ่าวเจ้าสาวยกมือขึ้นมาไหว้พร้อมกัน
“แม่กับพ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองใช้สติในการใช้ชีวิตให้มาก ๆ มีอะไรไม่เข้าใจก็หันหน้ามาคุยกัน พ่อกับแม่อยู่ข้าง ๆ ลูกเสมอนะกลิ่น มีอะไรไม่สบายใจปรึกษาเราได้ตลอดนะจ๊ะลูกรัก”
พ่อแม่ของฝ่ายหญิงอวยพรต่อจากพ่อแม่ของฝ่ายชาย และเมื่อเห็นลูกสาวน้ำตาคลอก็รีบพูดปลอบเธอทันที พวกท่านคิดว่าบุตรสาวคงจะใจหายที่ต้องแต่งงานไปมีครอบครัว แต่ที่หญิงสาวร้องไห้เพราะซึ้งในความรักของพ่อแม่ต่างหาก
“พี่ก็ขอให้น้องสาวของพี่มีชีวิตคู่ที่มีความสุขมาก ๆ ฉันฝากน้องสาวฉันด้วยนะ คิม” พี่ใหญ่ของหญิงสาวเอ่ยด้วยความลำบากใจ เพราะเขาไม่ต้องการให้น้องสาวแต่งงานแต่ก็ขัดมารดาไม่ได้จึงต้องทำตามที่ท่านต้องการ โชคดีผู้ชายที่กลิ่นจันทร์จะแต่งงานด้วยคือคิมหันต์ อย่างน้อยเขาก็รู้จักชายหนุ่มพอสมควร
“นายไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลน้องของพวกนายให้ดีที่สุด ฉันสัญญา”
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ ส่วนเราก็เหมือนกัน ดูแลสามีให้ดี ๆ ไอ้นิสัยเอาแต่ใจน่ะ ลด ๆ บ้างนะ หึ ๆ”
“พี่รอง น้องไม่ได้เอาแต่ใจสักหน่อย มาว่าน้องทำไม”
เจ้าสาวทำหน้าย่นใส่พี่ชายคนรองที่ชอบแหย่เธอให้อารมณ์เสียบ่อย ๆ ทำให้เจ้าบ่าวถึงกับต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ชอบในคำพูดของพี่เมีย เพราะเขาก็โดนมาแล้วตอนจัดการเรื่องงานแต่ง
กว่าจะจัดการได้สำเร็จเกือบจะทะเลาะกันใหญ่โตเพราะความเห็นไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในแบบที่เจ้าสาวต้องการ จนมาถึงคนอวยพรคนสุดท้าย นั่นคือน้องสาวของชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะเข้ากับพี่สะใภ้ได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
“เอิงขอให้พี่ทั้งสองมีหลานให้เอิงกับทุกคนอุ้มเร็ว ๆ นะคะ คุณพ่อคุณแม่แล้วก็ทุกคนอยากอุ้มหลาน”
แต่คำอวยพรของเธอทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวหน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคิดถึงวิธีทำหลานของเอิงเอย
ทั้งที่ทั้งสองคนสัญญากันว่าจะไม่แตะต้องซึ่งกันและกัน แต่พอได้ยินแบบนี้ก็อดที่จะจินตนาการไม่ได้
“ก่อนแม่จะไป ลูกทั้งสองดื่มยาในถ้วยนี้ก่อนนะจ๊ะ”
“ยาอะไรคะคุณแม่”
“ยาบำรุงกำลัง แม่เห็นพวกลูกเหนื่อย ๆ ก็เลยให้คนต้มยาจีนดื่มสิจ๊ะ พวกลูกจะได้พักผ่อน นอนหลับสบาย”
“ขอบคุณครับคุณแม่”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่” เมื่อคุณเพียงเพ็ญเห็นว่าทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ได้กินยาที่ตนเองเตรียมไว้เรียบร้อยก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
แถมยังส่งสัญญานให้กับคุณจันทร์เจ้าจนสามีทั้งสองคนต้องส่ายหัวในความเจ้ากี้เจ้าการของภรรยา แต่พวกท่านก็ไม่ว่าอะไร
เนื่องจากอยากอุ้มหลานเหมือนกัน ดีเสียอีกที่ทั้งสองคนกินยาถ้วยนั้นเข้าไป หลานจะได้มาเร็ว ๆ เพราะในถ้วยนั้นคือยาปลุกกำหนัด ที่จะทำให้ข้าวใหม่ปลามันคึกทั้งคืน