เสียงคนคุยกันดังเข้ามาในโสตประสาทของกลิ่นจันทร์ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ด้วยความมึนงงแล้วมองไปรอบ ๆ เห็นบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ข้าง ๆ เตียง หญิงสาวจึงเรียกทุกคนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“คุณแม่ คุณพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง”
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“หิวน้ำค่ะคุณแม่”
“จ้า ๆ เดี๋ยวแม่เอามาให้เอง นี่จ้ะ ค่อย ๆ ดื่มนะลูก” คุณจันทร์เจ้ารีบรินน้ำให้ลูกสาวดื่ม โดยมีพี่ชายคนโตคอยช่วยพยุงให้ลุกขึ้นจากเตียง ส่วนพี่ชายคนรองและคุณพ่อนั่งมองลูกสาวเงียบ ๆ ตามแบบฉบับคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก กลิ่นจันทร์ดูดน้ำในแก้วจนหมด เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
“ใครช่วยหนูคะคุณแม่”
“ก็พี่รองของเราน่ะสิ เขาเห็นหนูเกิดอุบัติเหตุพอดี”
“ขอบคุณนะคะพี่รองที่ช่วยน้อง”
“ไม่เป็นไร โชคดีนะที่พี่ขับรถกลับบ้านพอดี เห็นรถของน้องเกิดอุบัติเหตุจัง ๆ รู้ไหมพี่ทำอะไรแทบไม่ถูก กว่าจะตั้งสติเรียกรถฉุกเฉินมาได้นี่มือไม้สั่นไปหมด” คณากร พี่ชายคนรองของหญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ โชคดีที่เขาขับรถกลับบ้านช่วงนั้น ถึงได้เข้าไปช่วยเหลือน้องสาวได้ทันเวลา
“แล้วหนูเจ็บตรงไหนอีกไหมลูก” คุณคณารัน บิดาของหญิงสาวสอบถามด้วยความเป็นห่วง
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายว่าลูกสาวคนเดียวประสบอุบัติเหตุ หัวใจเขาแทบหยุดเต้น ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน โดยเฉพาะภรรยาที่ยืนหน้าซีดจะเป็นลม ดีที่ตอนนั้นลูกชายคนโตอยู่ด้วย ถึงได้พากันมาที่โรงพยาบาลสำเร็จ
“ไม่ค่ะคุณพ่อ หนูแค่มึน ๆ เท่านั้นเอง” กลิ่นจันทร์ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้บิดาเพื่อให้ท่านรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรจริง ๆ แค่ยังมึนหัวเท่านั้น
“โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”
คณากัน พี่ชายคนโตบอกน้องด้วยความโล่งอก หลังจากที่ได้ยินบิดาบอกว่าน้องได้รับอุบัติเหตุ เขาก็รีบตั้งสติแล้วขับรถพาคนในครอบครัวมาหาเธอทันทีทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดนอนกันอยู่เลย
“ค่ะพี่ใหญ่”
“แม่ว่าหนุ่ม ๆ กลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวแม่ดูแลกลิ่นเอง”
“ครับ คุณแม่/ครับ คุณแม่”
“พ่อกลับก่อนนะลูก ฟอด หายไว ๆ นะลูกสาวคนสวยของพ่อ”
“ค่ะ คุณพ่อ”
“พวกพี่ไปก่อนนะยัยน้อง”
“ค่ะ พี่ใหญ่ พี่รอง”
เมื่อทุกคนกลับออกไปกันหมดแล้ว มารดาของหญิงสาวก็เข้าประเด็นเรื่องที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับกลิ่นจันทร์ภภายในหนึ่งสัปดาห์ เธอต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ท่านเลือกให้ ซึ่งหญิงสาวก็ตอบตกลงเพราะสัญญากันเอาไว้แล้ว แต่เธอกังวลเรื่องบิดากับพี่ ๆ กลัวพวกท่านจะไม่เห็นด้วยและเธอก็แอบหวังว่าจะเป็นแบบนั้น ถึงแม้ไม่อยากผิดคำสัญญาแต่ก็ไม่อยากแต่งงานเหมือนกัน
“เรื่องนี้แม่คุยกับพี่ ๆ ของลูกและคุณพ่อเรียบร้อย พวกเขาแล้วแต่แม่จ้ะ”
“ถ้าทุกคนโอเค กลิ่นก็ไม่มีปัญหาค่ะ สัญญาแล้วนี่ จะไม่ทำตามสัญญาก็ไม่ได้ใช่ไหม”
“ใช่จ้ะลูก เอาเป็นว่าไว้หนูหายดีเมื่อไหร่ แม่จะพาไปเจอบ้านนั้นนะลูก”
“ค่ะ ผู้ชายที่คุณแม่จะให้หนูแต่งงานด้วยคือใครคะ”
“พี่คิมหันต์ไงจ๊ะ ลูกชายของคุณป้าเพ็ญ ที่ลูกเคยเล่นด้วยตอนเด็กน่ะ”
“อ้อ กลิ่นจำได้แล้ว คนที่ชอบแกล้งกลิ่นตอนเด็ก ๆ ใช่ไหมคะ”
“จ้า คนนั้นล่ะ”
“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวพยักหน้าให้มารดาแล้วล้มตัวลงนอน ในหัวก็คิดถึงเรื่องในอดีตช่วงที่เธอเคยเจอกับว่าที่สามีครั้งยังเป็นเด็กน้อย
คิมหันต์ในความทรงจำของหญิงสาวเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดีเพราะเขาชอบแกล้งเธอเป็นประจำ แต่นั่นก็ผ่านมานานแล้ว หวังว่าเจอกันคราวนี้ชายหนุ่มจะไม่เป็นเหมือนตอนเด็กอีก
จากนั้นหญิงสาวก็หลับลงด้วยความอ่อนเพลีย เหลือแต่มารดาของเธอเท่านั้นที่ยังไม่หลับ เพราะมัวแต่คุยกับเพื่อนสนิทอย่างคุณเพียงเพ็ญเรื่องลูก ๆ
เวลาผ่านไปจนมาถึงวันที่แม่ของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายนัดเจอหน้ากันเพื่อให้ลูกของตนเองได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่าย
คิมหันต์ไม่คัดค้านคำขอของมารดาที่จะให้ตนเองแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนสนิท เพราะเขาโสด จะแต่งงานกับใครก็ได้ อีกอย่าง เขาไม่อยากทำให้มารดาเสียใจอีกจึงยอมตกลงง่ายดาย
“เพ็ญ ฉันมาถึงแล้วนะ นั่งโต๊ะไหนกัน”
“เดินเข้ามาในร้าน โต๊ะอยู่ทางซ้ายมือ”
“จ้า ๆ รอแป๊บนะ” สองแม่ลูกเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตรงไปที่โต๊ะ เมื่อเห็นคุณเพียงเพ็ญนั่งอยู่คนเดียวไม่มีคิมหันต์นั่งด้วยจึงสอบถามด้วยความสงสัย แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้คุณจันทร์เจ้าโล่งอก เพราะตอนแรกคิดว่าชายหนุ่มไม่ยอมมาพบกับลูกสาวตนเอง
“หนูกลิ่นสวยมากเลยนะลูก ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี ดูสิ สวยกว่าตอนก่อนไปเรียนเมืองนอกเสียอีก”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า กลิ่นก็ยังเหมือนเดิมค่ะ แต่คงอายุเยอะขึ้นอะไร ๆ ก็เลยเปลี่ยน”
“อายุเยอะอะไรกัน ป้าว่านะ ถ้าไม่บอกว่าอายุยี่สิบกว่า ป้าคิดว่ายังไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ”
“คิก ๆ ขอบคุณค่ะคุณป้า อย่าชมกลิ่นเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวตัวลอย”
“อ้าว ตาคิมมาพอดีเลย หนูกลิ่นจ๊ะ จำพี่คิมได้ไหมลูก นี่พี่คิมหันต์ลูกชายป้าเอง”
“เอ่อ สะ... สวัสดีค่ะคุณคิมหันต์”
หญิงสาวหันไปมองตามคำแนะนำของคุณเพียงเพ็ญจึงเห็นผู้ชายหน้าตาดี หุ่นอย่างกับนายแบบ ผิวพรรณเนียนขาว ใบหน้าใสกิ๊งไร้ที่ติ เธอแทบจะลืมหายใจ ยกมือทำความเคารพคนตรงหน้าแบบเคอะเขิน
“ตาคิม นี่หนูกลิ่น เด็กผู้หญิงที่ลูกชอบเล่นด้วยตอนเด็ก ๆ ไง จำได้ไหม”
“ครับ สวัสดีครับคุณป้าจันทร์ สวัสดีครับน้องกลิ่น”
ชายหนุ่มเองก็ใช่ย่อย เขาตะลึงไปชั่วขณะเมื่อมารดาบอกว่าผู้หญิงสวย ๆ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณจันทร์เจ้าคือกลิ่นจันทร์ ลูกสาวคนเล็กของท่าน
เพราะสมัยเด็กหญิงสาวออกจะอ้วน ตัวก็ดำ ไม่มีออร่าของความสวยเลยสักนิด ไม่คิดเลยว่าพอเวลาผ่านไป ยัยลูกเป็ดขี้เหร่จะกลายเป็นหงส์ที่สง่างามแบบนี้
แต่เขาก็เรียกสติกลับมาได้รวดเร็วแล้วยกมือไหว้มารดาของฝ่ายหญิงอย่างนอบน้อมและทักทายกลิ่นจันทร์ตามมารยาท
“ไหว้พระเถอะจ้ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หล่อเหลาเอาการเชียว”
“ขอบคุณครับ คุณป้าก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“ปากหวานจริง ๆ พ่อคุณ”
“เอาล่ะ ๆ สองคนเลิกชมกันได้แล้ว วันนี้ที่นัดกันมาเพราะอยากคุยเรื่องแต่งงาน พวกลูกรู้ใช่ไหม หนูกลิ่น ตาคิม”
“รู้ค่ะ/รู้ครับ”
“งั้นก็ดีแล้ว ตกลงทั้งสองคนจะแต่งงานกันไหมจ๊ะ แม่ไม่อยากบังคับถ้าลูก ๆ ไม่ต้องการ”
“กลิ่นไม่มีปัญหาค่ะคุณป้า”
“ผมยังไงก็ได้ครับคุณแม่”
กลิ่นจันทร์และคิมหันต์ตอบในทำนองเดียวกัน ทำให้คุณแม่ทั้งสองยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจที่ลูก ๆ ไม่ขัดข้องความต้องการของตน
จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองจึงขอตัวไปหาเจ้าของร้านซึ่งเป็นเพื่อนกัน แล้วปล่อยให้ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองเพื่อกระชับความสัมพันธ์
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น้องกลิ่นเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวแล้วยิ้มมุมปาก ทำให้กลิ่นจันทร์รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที เพราะมีเรื่องในวัยเด็กฝังใจที่โดนเขาล้อว่ายัยแม่หมูตัวดำเป็นประจำเวลาเจอหน้ากัน
“หมายความว่ายังไง”
เธอจ้องหน้าเขาเขม็งแล้วกัดฟันพูดด้วยความอดทนเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศของร้านอาหาร เพราะเธอกลัวว่าถ้าไม่อดทนอาจจะประเคนหมัดให้คนตรงหน้าจนเข้าโรงพยาบาลแน่
ปากเสียแบบนี้มันน่านัก ไม่น่าชมเขาเลยก่อนหน้านี้ เสียความรู้สึกที่สุด หญิงสาวคิด
“ก็หมายความตามที่พูด” ชายหนุ่มยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยท่าทางกวน ๆ พร้อมกับยักคิ้วให้เธอ ทั้ง ๆ ที่ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ใช่คนที่จะแสดงท่าทีกวน ๆ ใส่ผู้หญิง แต่กับกลิ่นจันทร์ มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ คิมหันต์คิดในใจแต่ก็ยังทำท่าทางกวนเหมือนเดิม
“คุณยังเหมือนเดิมเลยนะ ยังนิสัยเสียเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
หญิงสาวด่าผู้ชายตรงหน้าแบบไม่อ้อมค้อม ทำให้คิมหันต์หน้าตึงขึ้นมาทันที เพราะไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน
ทั้งสองคนนั่งจ้องตากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่มีใครยอมพูดก่อน จนชายหนุ่มต้องยอมแพ้เพราะอยากพูดเรื่องแต่งงานให้เคลียร์
“เอาล่ะ ๆ พี่ว่าเรามาคุยเรื่องแต่งงานดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกัน จะได้เคลียร์กันให้จบ”
“ก็ดี ที่พี่ตกลงแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะพิศวาสหรอกนะ แต่เป็นเพราะคุณแม่ท่านต้องการ พี่ไม่อยากทำให้ท่านเสียใจก็เท่านั้นเอง”
“ฉันก็เหมือนกัน ที่ยอมแต่งงานกับคุณเพราะคุณแม่ขอร้อง ไม่ได้พิศวาสคุณแม้แต่นิดเดียว”
“เป็นแบบนั้นก็ดี พี่จะแต่งงานกับเธอแค่ในนามเท่านั้น เรื่องอื่นอย่าได้หวัง รู้ไว้ด้วย”
“โอ๊ย ฉันก็แต่งงานกับคุณแค่ในนามเหมือนกันแหละ ไม่ได้อยากให้มาเป็นสามีเลยสักนิด บอกเลยนะ ขาอ่อนฉันคุณก็ไม่มีทางเห็น”
“ดี เราสองคนจะแต่งงานแค่ในนามเท่านั้น ตกลงนะ”
“ตกลง ฉันกับคุณ เราแต่งงานแค่ในนาม ห้ามทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด”
“หึ ๆ/หึ ๆ”
สองหนุ่มสาวยื่นมือของตนเองมาจับกับมืออีกฝ่ายแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างกับตัวร้ายในละคร ทั้งคู่จ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใครราวกับต้องการกินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่ายให้ได้
แต่เมื่อเห็นมารดาของตนเองกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะก็แสร้งพูดจาอ่อนหวานเพื่อให้พวกท่านสบายใจ โดยไม่รู้เลยว่าคำสัญญาของพวกเขาจะไม่มีทางเป็นจริงตั้งแต่วันแรกของการแต่งงาน