สามี (ไม่) ชอบบอกรัก #3 ทำความรู้จักและตัดสินใจ

1852 คำ
เสียงคนคุยกันดังเข้ามาในโสตประสาทของกลิ่นจันทร์ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ด้วยความมึนงงแล้วมองไปรอบ ๆ เห็นบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ข้าง ๆ เตียง หญิงสาวจึงเรียกทุกคนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คุณแม่ คุณพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง” “เป็นยังไงบ้างลูก” “หิวน้ำค่ะคุณแม่” “จ้า ๆ เดี๋ยวแม่เอามาให้เอง นี่จ้ะ ค่อย ๆ ดื่มนะลูก” คุณจันทร์เจ้ารีบรินน้ำให้ลูกสาวดื่ม โดยมีพี่ชายคนโตคอยช่วยพยุงให้ลุกขึ้นจากเตียง ส่วนพี่ชายคนรองและคุณพ่อนั่งมองลูกสาวเงียบ ๆ ตามแบบฉบับคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก กลิ่นจันทร์ดูดน้ำในแก้วจนหมด เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง “ใครช่วยหนูคะคุณแม่” “ก็พี่รองของเราน่ะสิ เขาเห็นหนูเกิดอุบัติเหตุพอดี” “ขอบคุณนะคะพี่รองที่ช่วยน้อง” “ไม่เป็นไร โชคดีนะที่พี่ขับรถกลับบ้านพอดี เห็นรถของน้องเกิดอุบัติเหตุจัง ๆ รู้ไหมพี่ทำอะไรแทบไม่ถูก กว่าจะตั้งสติเรียกรถฉุกเฉินมาได้นี่มือไม้สั่นไปหมด” คณากร พี่ชายคนรองของหญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ โชคดีที่เขาขับรถกลับบ้านช่วงนั้น ถึงได้เข้าไปช่วยเหลือน้องสาวได้ทันเวลา “แล้วหนูเจ็บตรงไหนอีกไหมลูก” คุณคณารัน บิดาของหญิงสาวสอบถามด้วยความเป็นห่วง ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายว่าลูกสาวคนเดียวประสบอุบัติเหตุ หัวใจเขาแทบหยุดเต้น ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน โดยเฉพาะภรรยาที่ยืนหน้าซีดจะเป็นลม ดีที่ตอนนั้นลูกชายคนโตอยู่ด้วย ถึงได้พากันมาที่โรงพยาบาลสำเร็จ “ไม่ค่ะคุณพ่อ หนูแค่มึน ๆ เท่านั้นเอง” กลิ่นจันทร์ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้บิดาเพื่อให้ท่านรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไรจริง ๆ แค่ยังมึนหัวเท่านั้น “โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” คณากัน พี่ชายคนโตบอกน้องด้วยความโล่งอก หลังจากที่ได้ยินบิดาบอกว่าน้องได้รับอุบัติเหตุ เขาก็รีบตั้งสติแล้วขับรถพาคนในครอบครัวมาหาเธอทันทีทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดนอนกันอยู่เลย “ค่ะพี่ใหญ่” “แม่ว่าหนุ่ม ๆ กลับไปพักผ่อนเถอะจ้ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวแม่ดูแลกลิ่นเอง” “ครับ คุณแม่/ครับ คุณแม่” “พ่อกลับก่อนนะลูก ฟอด หายไว ๆ นะลูกสาวคนสวยของพ่อ” “ค่ะ คุณพ่อ” “พวกพี่ไปก่อนนะยัยน้อง” “ค่ะ พี่ใหญ่ พี่รอง” เมื่อทุกคนกลับออกไปกันหมดแล้ว มารดาของหญิงสาวก็เข้าประเด็นเรื่องที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับกลิ่นจันทร์ภภายในหนึ่งสัปดาห์ เธอต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ท่านเลือกให้ ซึ่งหญิงสาวก็ตอบตกลงเพราะสัญญากันเอาไว้แล้ว แต่เธอกังวลเรื่องบิดากับพี่ ๆ กลัวพวกท่านจะไม่เห็นด้วยและเธอก็แอบหวังว่าจะเป็นแบบนั้น ถึงแม้ไม่อยากผิดคำสัญญาแต่ก็ไม่อยากแต่งงานเหมือนกัน “เรื่องนี้แม่คุยกับพี่ ๆ ของลูกและคุณพ่อเรียบร้อย พวกเขาแล้วแต่แม่จ้ะ” “ถ้าทุกคนโอเค กลิ่นก็ไม่มีปัญหาค่ะ สัญญาแล้วนี่ จะไม่ทำตามสัญญาก็ไม่ได้ใช่ไหม” “ใช่จ้ะลูก เอาเป็นว่าไว้หนูหายดีเมื่อไหร่ แม่จะพาไปเจอบ้านนั้นนะลูก” “ค่ะ ผู้ชายที่คุณแม่จะให้หนูแต่งงานด้วยคือใครคะ” “พี่คิมหันต์ไงจ๊ะ ลูกชายของคุณป้าเพ็ญ ที่ลูกเคยเล่นด้วยตอนเด็กน่ะ” “อ้อ กลิ่นจำได้แล้ว คนที่ชอบแกล้งกลิ่นตอนเด็ก ๆ ใช่ไหมคะ” “จ้า คนนั้นล่ะ” “ค่ะคุณแม่” หญิงสาวพยักหน้าให้มารดาแล้วล้มตัวลงนอน ในหัวก็คิดถึงเรื่องในอดีตช่วงที่เธอเคยเจอกับว่าที่สามีครั้งยังเป็นเด็กน้อย คิมหันต์ในความทรงจำของหญิงสาวเป็นผู้ชายนิสัยไม่ดีเพราะเขาชอบแกล้งเธอเป็นประจำ แต่นั่นก็ผ่านมานานแล้ว หวังว่าเจอกันคราวนี้ชายหนุ่มจะไม่เป็นเหมือนตอนเด็กอีก จากนั้นหญิงสาวก็หลับลงด้วยความอ่อนเพลีย เหลือแต่มารดาของเธอเท่านั้นที่ยังไม่หลับ เพราะมัวแต่คุยกับเพื่อนสนิทอย่างคุณเพียงเพ็ญเรื่องลูก ๆ เวลาผ่านไปจนมาถึงวันที่แม่ของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายนัดเจอหน้ากันเพื่อให้ลูกของตนเองได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่าย คิมหันต์ไม่คัดค้านคำขอของมารดาที่จะให้ตนเองแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนสนิท เพราะเขาโสด จะแต่งงานกับใครก็ได้ อีกอย่าง เขาไม่อยากทำให้มารดาเสียใจอีกจึงยอมตกลงง่ายดาย “เพ็ญ ฉันมาถึงแล้วนะ นั่งโต๊ะไหนกัน” “เดินเข้ามาในร้าน โต๊ะอยู่ทางซ้ายมือ” “จ้า ๆ รอแป๊บนะ” สองแม่ลูกเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตรงไปที่โต๊ะ เมื่อเห็นคุณเพียงเพ็ญนั่งอยู่คนเดียวไม่มีคิมหันต์นั่งด้วยจึงสอบถามด้วยความสงสัย แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้คุณจันทร์เจ้าโล่งอก เพราะตอนแรกคิดว่าชายหนุ่มไม่ยอมมาพบกับลูกสาวตนเอง “หนูกลิ่นสวยมากเลยนะลูก ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี ดูสิ สวยกว่าตอนก่อนไปเรียนเมืองนอกเสียอีก” “ขอบคุณค่ะคุณป้า กลิ่นก็ยังเหมือนเดิมค่ะ แต่คงอายุเยอะขึ้นอะไร ๆ ก็เลยเปลี่ยน” “อายุเยอะอะไรกัน ป้าว่านะ ถ้าไม่บอกว่าอายุยี่สิบกว่า ป้าคิดว่ายังไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำ” “คิก ๆ ขอบคุณค่ะคุณป้า อย่าชมกลิ่นเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวตัวลอย” “อ้าว ตาคิมมาพอดีเลย หนูกลิ่นจ๊ะ จำพี่คิมได้ไหมลูก นี่พี่คิมหันต์ลูกชายป้าเอง” “เอ่อ สะ... สวัสดีค่ะคุณคิมหันต์” หญิงสาวหันไปมองตามคำแนะนำของคุณเพียงเพ็ญจึงเห็นผู้ชายหน้าตาดี หุ่นอย่างกับนายแบบ ผิวพรรณเนียนขาว ใบหน้าใสกิ๊งไร้ที่ติ เธอแทบจะลืมหายใจ ยกมือทำความเคารพคนตรงหน้าแบบเคอะเขิน “ตาคิม นี่หนูกลิ่น เด็กผู้หญิงที่ลูกชอบเล่นด้วยตอนเด็ก ๆ ไง จำได้ไหม” “ครับ สวัสดีครับคุณป้าจันทร์ สวัสดีครับน้องกลิ่น” ชายหนุ่มเองก็ใช่ย่อย เขาตะลึงไปชั่วขณะเมื่อมารดาบอกว่าผู้หญิงสวย ๆ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณจันทร์เจ้าคือกลิ่นจันทร์ ลูกสาวคนเล็กของท่าน เพราะสมัยเด็กหญิงสาวออกจะอ้วน ตัวก็ดำ ไม่มีออร่าของความสวยเลยสักนิด ไม่คิดเลยว่าพอเวลาผ่านไป ยัยลูกเป็ดขี้เหร่จะกลายเป็นหงส์ที่สง่างามแบบนี้ แต่เขาก็เรียกสติกลับมาได้รวดเร็วแล้วยกมือไหว้มารดาของฝ่ายหญิงอย่างนอบน้อมและทักทายกลิ่นจันทร์ตามมารยาท “ไหว้พระเถอะจ้ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หล่อเหลาเอาการเชียว” “ขอบคุณครับ คุณป้าก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” “ปากหวานจริง ๆ พ่อคุณ” “เอาล่ะ ๆ สองคนเลิกชมกันได้แล้ว วันนี้ที่นัดกันมาเพราะอยากคุยเรื่องแต่งงาน พวกลูกรู้ใช่ไหม หนูกลิ่น ตาคิม” “รู้ค่ะ/รู้ครับ” “งั้นก็ดีแล้ว ตกลงทั้งสองคนจะแต่งงานกันไหมจ๊ะ แม่ไม่อยากบังคับถ้าลูก ๆ ไม่ต้องการ” “กลิ่นไม่มีปัญหาค่ะคุณป้า” “ผมยังไงก็ได้ครับคุณแม่” กลิ่นจันทร์และคิมหันต์ตอบในทำนองเดียวกัน ทำให้คุณแม่ทั้งสองยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจที่ลูก ๆ ไม่ขัดข้องความต้องการของตน จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองจึงขอตัวไปหาเจ้าของร้านซึ่งเป็นเพื่อนกัน แล้วปล่อยให้ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองเพื่อกระชับความสัมพันธ์ “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น้องกลิ่นเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวแล้วยิ้มมุมปาก ทำให้กลิ่นจันทร์รู้สึกเดือดขึ้นมาทันที เพราะมีเรื่องในวัยเด็กฝังใจที่โดนเขาล้อว่ายัยแม่หมูตัวดำเป็นประจำเวลาเจอหน้ากัน “หมายความว่ายังไง” เธอจ้องหน้าเขาเขม็งแล้วกัดฟันพูดด้วยความอดทนเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศของร้านอาหาร เพราะเธอกลัวว่าถ้าไม่อดทนอาจจะประเคนหมัดให้คนตรงหน้าจนเข้าโรงพยาบาลแน่ ปากเสียแบบนี้มันน่านัก ไม่น่าชมเขาเลยก่อนหน้านี้ เสียความรู้สึกที่สุด หญิงสาวคิด “ก็หมายความตามที่พูด” ชายหนุ่มยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยท่าทางกวน ๆ พร้อมกับยักคิ้วให้เธอ ทั้ง ๆ ที่ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ใช่คนที่จะแสดงท่าทีกวน ๆ ใส่ผู้หญิง แต่กับกลิ่นจันทร์ มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ คิมหันต์คิดในใจแต่ก็ยังทำท่าทางกวนเหมือนเดิม “คุณยังเหมือนเดิมเลยนะ ยังนิสัยเสียเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” หญิงสาวด่าผู้ชายตรงหน้าแบบไม่อ้อมค้อม ทำให้คิมหันต์หน้าตึงขึ้นมาทันที เพราะไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน ทั้งสองคนนั่งจ้องตากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่มีใครยอมพูดก่อน จนชายหนุ่มต้องยอมแพ้เพราะอยากพูดเรื่องแต่งงานให้เคลียร์ “เอาล่ะ ๆ พี่ว่าเรามาคุยเรื่องแต่งงานดีกว่า” “ก็ดีเหมือนกัน จะได้เคลียร์กันให้จบ” “ก็ดี ที่พี่ตกลงแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะพิศวาสหรอกนะ แต่เป็นเพราะคุณแม่ท่านต้องการ พี่ไม่อยากทำให้ท่านเสียใจก็เท่านั้นเอง” “ฉันก็เหมือนกัน ที่ยอมแต่งงานกับคุณเพราะคุณแม่ขอร้อง ไม่ได้พิศวาสคุณแม้แต่นิดเดียว” “เป็นแบบนั้นก็ดี พี่จะแต่งงานกับเธอแค่ในนามเท่านั้น เรื่องอื่นอย่าได้หวัง รู้ไว้ด้วย” “โอ๊ย ฉันก็แต่งงานกับคุณแค่ในนามเหมือนกันแหละ ไม่ได้อยากให้มาเป็นสามีเลยสักนิด บอกเลยนะ ขาอ่อนฉันคุณก็ไม่มีทางเห็น” “ดี เราสองคนจะแต่งงานแค่ในนามเท่านั้น ตกลงนะ” “ตกลง ฉันกับคุณ เราแต่งงานแค่ในนาม ห้ามทำอะไรเกินเลยเด็ดขาด” “หึ ๆ/หึ ๆ” สองหนุ่มสาวยื่นมือของตนเองมาจับกับมืออีกฝ่ายแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างกับตัวร้ายในละคร ทั้งคู่จ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใครราวกับต้องการกินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่ายให้ได้ แต่เมื่อเห็นมารดาของตนเองกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะก็แสร้งพูดจาอ่อนหวานเพื่อให้พวกท่านสบายใจ โดยไม่รู้เลยว่าคำสัญญาของพวกเขาจะไม่มีทางเป็นจริงตั้งแต่วันแรกของการแต่งงาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม