วันนี้เป็นวันหยุดเธอจึงสามารถตื่นสายได้
ตื่นบ่ายแน่ะ…
หลังจากตื่นนอนเธอไม่ได้ลุกเลยทันที ยังคงนอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นเพราะขี้เกียจลุกไปไหน วันหยุดทั้งทีขอขี้เกียจให้คุ้ม เพราะขยันมาทั้งอาทิตย์แล้ว
ถึงวันนี้เป็นวันหยุด แต่เธอก็ต้องเคลียร์งานให้เสร็จอยู่ดี วันหยุดที่ไม่ใช่วันหยุด อีกอย่างวันนี้ตอนหนึ่งทุ่มตรงเธอมีนัดทานข้าวกับคู่หมั้น
จะได้เจอกันสักที
เธอกดเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มของเพื่อนสนิท พวกนี้ตั้งวงคุยกันตั้งแต่เธอยังไม่ตื่นนอน
ซาน : คืนนี้ยังไง?
เรเน่ : ผับไหนดีพวกเรา
ซาน : ผับพี่ชายยัยมิวมะ?
โยเกิร์ต : ยัยมิวตื่นรึยังก่อน เงียบเชียว วันหยุด
เรเน่ : เราตื่นเช้าหรือนางตื่นสาย?
โยเกิร์ต : น่าจะพวกเรานะที่ตื่นเช้า
ซาน : ดีดตั้งแต่เก้าโมงเช้า ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีใครเป็นบ้าตื่นมาตอบฉัน ที่ไหนได้ มีถึงสองคน
ปกติแก๊งพวกเธอไม่ตื่นเช้ากัน หลักๆ คือเที่ยงถึงบ่ายเป็นต้นไป สงสัยวันนี้พวกนี้ดีดกันเลยตื่นเช้ามาตั้งวงชวนไปผับ
ไปได้ทุกวันจริงๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนเธอไปด้วยได้โดยไม่มีบ่น แต่ช่วงนี้ทำงาน พอวันหยุดก็อยากพักผ่อน นอนให้เต็มอิ่ม แต่ยัยพวกนี้ดันมาชวนไปผับเสียนี่
มิวนิค : พักบ้าง ตับอะ
ซาน : ต้องการคำตอบเดียว ไปหรือไม่ไป?
เธอถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้เธอมีส่วนร่วมในวงสนทนาเลยหรือยังไง พอตอบปุ๊บ ยัยซานก็บอกให้คำตอบปั๊บ สมเป็นยัยพวกนี้จริงๆ
มิวนิค : เดี๋ยวให้คำตอบนะ คืนนี้มีนัดดูตัว
พอตอบแค่นั้นก็ได้รับข้อความจากเพื่อนสนิทรัวๆ จนเธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับใครก่อนดี จึงรีบกดออกจากแชตไลน์กลุ่มแล้วไปหาอะไรทำก่อน เสร็จสรรพค่อยกลับมาตอบ นี่คือนิสัยของเธอ
•••
19.00 น.
เธอไม่ได้มาเลทเวลานัด มาถึงหนึ่งทุ่มตรงเป๊ะ มีพนักงานมารอต้อนรับพาไปห้องอาหารส่วนตัว ที่คุณพ่อจองเอาไว้ให้ พอมาถึงอาหารที่ถูกรังสรรค์โดยเชฟชื่อดังก็วางเอาไว้อย่างสวยงาม
วันนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดเดรสปาดไหล่สีดำ ยาวเลยหัวเข่าขึ้นมานิดหน่อย ผมดัดลอนสวยงาม บนตัวมีเครื่องประดับไม่มากนัก พอให้ดูมีอะไรขึ้นมาหน่อย และสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว
ห้องอาหารส่วนตัวว่างเปล่า เหมือนเธอมาเป็นคนแรก ด้วยความสงสัยจึงหันไปถามพนักงาน
“ยังไม่มีใครมาเหรอคะ?”
“ยังค่ะ” พนักงานสาวตอบกลับมิวนิคด้วยรอยยิ้ม
คำตอบนั้นทำให้เธอหัวเสีย แต่กลับเลือกที่จะไม่แสดงออกมา บางทีเธออาจจะคาดหวังอีกฝ่าย ว่าจะมาตรงเวลาเหมือนกันมากเกินไป จึงรีบมาให้เร็วที่สุด แต่พอมาถึงแล้วพบว่าตัวเองต่างหากที่มาก่อน บอกตามตรงว่าแอบไม่โอเค
ไม่เป็นไร นั่งรอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
เธอไม่ชอบรอ แต่ไม่อยากทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ผิดหวังจึงยอม แม้ลึกๆ อยากเดินออกไปจากห้องนี้ตั้งแต่ได้ยินคำตอบจากพนักงาน
อดทนไว้มิวนิค เพื่อหน้าตาของตระกูล อย่าทำให้พวกท่านผิดหวังอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่เห็นแก่หน้าตาของครอบครัวเธอไปนานแล้ว
มองเวลาผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ตอนนี้เลยเวลานัดมาแล้วสิบนาที คู่หมั้นของเธอยังไม่ยอมโผล่หน้ามาสักที เห็นเธอรอเก่งขนาดนั้นเลยสิ? เหอะ! แต่ก็ยอมรอเพราะหน้าตาของครอบครัว
“ขอโทษที่มาช้า”
เธอหันไปมองเจ้าของเสียงทุ่มต่ำน่าฟัง ในใจอยากวีนใส่แทบตาย แต่น้ำเสียงนั้นทำให้เธอใจอ่อนยวบลง แต่ทว่าพอมองหน้าเจ้าของน้ำเสียงเมื่อครู่แล้ว ทำเธอแทบช็อก
เป็นไปไม่ได้…
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ผู้ชายที่เธอกำลังสบตาด้วยขณะนี้ คือ วาคีล!
หากยืนอยู่ขาเธอคงอ่อนแรง ดีนะนั่งอยู่ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนลงชั่วขณะ มือไม้สั่นไปหมด ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเขา บอกเธอทีว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
คู่หมั้นของเธอเป็นวาคีลได้ยังไง
“ทะ…ทำไมเป็นนาย”
ไม่ใช่แค่มิวนิคหรอกที่อึ้ง เขาเองก็อึ้งไม่ต่างกัน
“นั่นนะสิ ทำไมเป็นเธอ” เกิดคำถามเดียวกัน นับตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องอาหารหรูนี้ แล้วสบตากับมิวนิค เขาคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอด้วยซ้ำ
“เป็นนายได้ยังไงวาคีล…” เธอช็อกมากนะ ย้อนกลับไปยังบทสนทนาระหว่างเธอและคุณพ่อเมื่อคืน
‘ไม่คิดจะบอกจริงๆ เหรอคะ ว่าคู่หมั้นของมิวคือใคร’
‘เซอร์ไพรส์’
ใช่แล้ว…เซอร์ไพรส์มากจริงๆ
“ฉันเองก็ไม่รู้” เขาไม่รู้จริงๆ เพิ่งรู้ตอนนี้ว่ามิวนิค คือ คู่หมั้น และเป็นคนที่เขาต้องแต่งงานด้วย
อดีตที่เคยรักมาก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคต เขาควรดีใจหรือเสียใจกับเรื่องนี้ดี? พยายามหนีแทบตาย สุดท้ายดันเป็นคู่หมั้นกัน
จะเรียกว่าพรหมลิขิตหรือเวรกรรมดี
หรืออาจจะเป็น…กรรมลิขิต
วาคีลตั้งสติพักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามมิวนิค หญิงสาวไม่สามารถอ่านความคิดอีกฝ่ายได้ ไม่รู้ตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าตอนแรกที่สบตากัน เธอรับรู้ได้ว่าเขาอึ้งและช็อกไม่ต่างกัน
ตอนนี้เธอไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอะไรของเขาเลย…
“นายไม่รู้มาก่อนเหรอว่าเป็นฉัน?”
“ถ้าให้เดา เธอเองก็คงไม่รู้” เขาไม่ตอบคำถามมิวนิค
“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าเป็นนาย” เซอร์ไพรส์อย่างที่คุณพ่อบอกจริงๆ
“หึ…” เขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว เพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปากเท่านั้น ผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปในวันนั้น ความจริงแล้ว คือ คู่หมั้นของเขาเองต่างหาก
‘ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับนาย ไม่เคยรู้สึกเลยตั้งแต่วันแรก’
‘ไม่มีความรู้สึกสักนิดเลยเหรอ?’
“ไม่มี”
‘ฉันขอโทษนะวาคีล แต่ฉันไปต่อกับนายไม่ได้จริงๆ นายควรเจอคนที่ดีกว่าฉัน’
‘แล้วเป็นเธอไม่ได้เหรอมิวนิค?’
‘ฉันมีคู่หมั้นแล้ว’
‘เหตุผลแค่นี้มากพอที่จะทำให้นายเลิกยุ่งกับฉันได้ไหม?’
เหตุผลที่มิวนิคขอจบความสัมพันธ์ในวันนั้น เหตุผลนั้น ก็คือ เขาเอง
คู่หมั้นที่เธอพูดถึงตอนนั้น คือ เขา
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ เอาซะเขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“จะเอายังไงกับเรื่องนี้?” เธอถามวาคีล
“…” เขานิ่งเงียบ
“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ?”
“ไม่รู้จะพูดอะไร” ในหัวเขาว่างเปล่า ไม่รู้จะพูดอะไรกับมิวนิคจริงๆ
“นายอยากแต่งงานกับฉันไหม?” เธอถามวาคีลตรงๆ ถ้าเขาไม่อยากแต่งงานกับเธอ ก็เข้าทางเลย เพราะเธอเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเซ็กซ์ของเขามันจะน่าเสียดายก็ตาม
”ไม่ตอบแสดงว่า…”
“ฉันจะถอนหมั้นกับเธอ”
กึกก
สิ่งที่วาคีลพูดออกมาเมื่อครู่ ทำเธอชะงักลงไปทันที
“ถอนหมั้น?”
“ใช่ ฉันจะขอผู้ใหญ่ถอนหมั้นกับเธอ” เขาไม่อยากแต่งงานกับมิวนิค เมื่อก่อนเคยรักมากแค่ไหนไม่สำคัญ ตอนนี้เขาเกลียดเธอ