ถึงจะผ่านมาหลายวัน แต่ทว่าเธอยังคงจดจำทุกคำพูดของวาคีลได้ไม่ลืมเลือน
คำพูดทิ่มแทงใจดำ เธอไม่เคยลืมทุกคำพูดที่มันออกมาจากปากผู้ชายที่เคยบอกว่า ‘รัก’ เธอมาก คนเราพอหมดรักแล้วมันไร้เยื่อไยได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ช่างมันเถอะ ไม่ว่าจะเรื่องคืนนั้นที่เจอเขาหรือเรื่องความสัมพันธ์ในอดีต ล้วนต่างเป็นอดีตไปแล้ว ต่อไปนี้คงไม่เจอเขาอีกแล้ว
ตอนนี้สมาธิเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับงาน เพราะมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก และเรื่องนั้นก็คือ…เรื่องของวาคีล
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะคุณมิวนิค”
“มีอะไร?”
“ทิศาเอารายชื่อนางแบบสำหรับคอลเลกชั่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปลายปีนี้ มาให้คุณมิวนิคเลือกสำหรับเดินแฟชั่นโชว์เปิดตัวค่ะ”
“อืม เอาวางไว้ก่อน”
“กาแฟสักหรือชานมแก้วไหมคะ?” ทิศาเห็นเจ้านายดูไม่โอเคจึงเอ่ยถาม ปกติเวลามิวนิคมีเรื่องที่ไม่โอเคกับอะไรสักอย่าง มักบอกตนออกไปซื้อกาแฟ หรือชานมหวานๆ มาให้สักแก้ว เพื่อให้อารมณ์ดี
“ขอชานมแก้วนึง” วันนี้ดื่มกาแฟไปแล้ว ได้อะไรหวานๆ สักแก้วคงทำให้อารมณ์ดีขึ้น
“ได้เลยค่ะคุณมิวนิค” ทิศาตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปซื้อชานมหน้าสตูดิโอมาให้เจ้านายสาวคนสวย
พอทิศาออกไป เธอหยิบไอแพดมาเลื่อนดูรายชื่อของนางแบบที่ถูกคัดมา โดยมีหน้าตาแปะมาไว้ด้วย แต่ละคนสวย น่ารัก เซ็กซี่ และหน้าดูเก๋แตกต่างกันไป มีทั้งนางแบบไทยและต่างประเทศ โพรไฟล์ดีๆ ทั้งนั้น ส่วนนี้คือผ่านการพิจารณามาแล้ว เหลือแค่เธอมาเลือกอีกทีหนึ่ง
เลือกไม่ถูกเลยแหะ…
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ทิศาเดินถือถุงชานมร้านโปรดของมิวนิคเข้ามา พร้อมกับเอ่ยบอกเจ้านายสาว
“ชานมได้แล้วค่าา” ทิศาวางถุงชานมลงบนโต๊ะทำงานให้มิวนิค
“ความหวานห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่าเดิมค่ะ”
“ขอบใจ”
“กินเยอะๆ ค่ะคุณมิวนิค จะได้อารมณ์ดี” ทิศายังคงยิ้มแย้มขณะพูด แม้ในวันที่มิวนิคดูไม่ค่อยสบอารมณ์กับสิ่งต่างๆ บนโลก ยังมีเลขาส่วนตัวอย่างทิศาคอยมอบพลังบวกให้เสมอ
แบดเดย์ถูกเยียวยาด้วยชานมไข่มุกจากร้านโปรด…
“คุณมิวนิค ดูรายชื่อรายชื่อนางแบบที่ทิศาเอามาให้รึยังคะ?”
“ดูแล้ว”
“ที่คัดมาโอเคไหมคะ?”
“โอเค ทีมทำงานได้ดี”
ทิศาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อไหร่ก็ตามที่ประโยคแบบนี้ออกมาจากปากของมิวนิค นั่นแปลว่าดีแล้วจริงๆ
“เดี๋ยวฉันกลับไปเลือกต่อ วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนนะ เหนื่อยไม่ไหว”
“ได้เลยค่ะ^ ^”
“กลับไปทำงานต่อเถอะ สักพักฉันจะกลับแล้ว”
“ค่ะคุณมิวนิค” ทิศาหมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานของมิวนิค เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
เธอนั่งดูดกินชานมไข่มุกพลางเลื่อนโทรศัพท์ดูอะไรเรื่อยเปื่อย ช่วงนี้เธอทำงานหนักมาก ไม่อยากทำให้ตัวเองว่างเผลอคิดเรื่องแต่งงาน ตอนแรกที่รู้ว่่าถูกจับหมั้นตั้งแต่เด็กๆ ว่าเครียดแล้ว พอรู้ว่าสองครอบครัวกำลังคุยหารือกันเรื่องฤกษ์แต่งงานนี่เครียดยิ่งกว่า
เธอยังไม่พร้อมเป็นฝั่งเป็นฝา ยังสนุกกับชีวิตโสด สนุกกับการทำงาน สนุกกับการใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น ยังไม่พร้อมมีครอบครัวและมีสามี แถมยังเป็นคนที่เธอไม่ชอบยิ่งแล้วใหญ่ อีกทั้งยังไม่เคยเจอหน้าค่าตากันมาก่อน อยากรู้จริงๆ คุณพ่อกับคุณแม่คิดอะไรอยู่
คนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยสัมผัสนิสัยใจคอ จะใช้ชีวิตคู่อยู่รอดได้ยังไง?
•••
เธอเดินไปมาที่รถตัวเองเพื่อเตรียมกลับคอนโดมิเนียมทว่าต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อสัมผัสได้ว่าเหมือนมีคนกำลังเดินตามมา เธอเอียงใบหน้ากลับไปเล็กน้อยแล้วฉีกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตวัดเท้าเดินต่อโดยไม่สนใจ
ไม่ได้กลัวด้วยซ้ำ…
พอมาถึงรถ จังหวะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ เป็นจังหวะเดียวกันที่มือปริศนาจับหมับเข้าที่ไหล่
หมับ
ไม่ได้แอ้มลูกสาวมาเฟียหรอก!
พรึ่บ!
เธอจับมือปริศนาตรงไหล่ออกแล้วหมุนตัวออกจากตรงนี้ บิดแขนแกร่งจนไขว่อยู่หลัง ดันตัวเขาติดเสาตรงลานจอดรถใกล้ๆ
“หึ…ไม่ได้เจอกันนาน หยอกพี่ชายแรงขึ้นนะ”
“ใครใช้ให้ตามเหมือนพวกโรคจิตแบบนี้ล่ะ” เธอปล่อยพี่ชายตัวเองเป็นอิสระ
‘ภาคิน’ ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ น้องสาวตนโตขึ้นเยอะมาก ที่เห็นได้ชัดคือฝีมือการต่อสู้ เห็นมิวนิคตัวเล็กๆ ดูไม่ค่อยสู้คนแบบนี้ ดีกรีเป็นถึงนักกีฬาเทควันโดสายดำเชียวนะ
“เก่งมาก” ภาคินพูด พลางขยี้หัวน้องสาวอย่างเอ็นดู
“ผมยุ่งหมดแล้ว” เธอบ่นอุบ พร้อมกับจัดทรงผมตัวเองใหม่
“มาหามิวถึงที่นี่ มีอะไรรึเปล่า?“
“พ่อให้มาตาม”
“ตามทำไมอะ”
“พ่อให้มาตาม กลับไปทานข้าวเย็นที่บ้าน” อาทิตย์ที่แล้วมิวนิคไม่กลับบ้าน วันนี้พ่อเลยโทรบอกเขาให้มาตามมิวนิคกลับบ้าน เพื่อคุยเริ่องสำคัญ
เรื่องสำคัญที่ว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องแต่งงาน ไม่แปลกที่มิวนิคพยายามบ่ายเบี่ยงไม่กลับบ้าน เข้าใจน้องสาวว่าไม่พร้อมแต่งงาน แต่ทุกอย่างเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นมิวนิคไม่มีทางปฏิเสธได้
มีใครกล้าขัดคุณพ่อบ้าง…
“ถึงขั้นให้พี่ภาคินมาตามเลยเหรอเนี่ย”
“ดีแล้วที่ไม่เป็นพี่คิระ”
อย่าให้มาเลยคนนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าพี่ภาคินอีกหลายเท่า รู้ว่าไม่ยอมกลับบ้านโดนบ่นจนหูชาแน่
“กลับก็ได้” สุดท้ายแล้วเธอก็ยอมกลับบ้านกับพี่ชายแต่โดยดี ถ้าวันนี้ยังไม่กลับอีก มีลางสังหรณ์ว่าจะโดนตามถึงที่เลยละ
ตระกูลไกรวณิชคุณ
พอรู้ว่าลูกสาวคนสวยอย่างเธอกลับบ้านแน่ๆ คุณแม่ก็เข้าครัวทำของโปรดให้ด้วยตัวเองมาไว้ให้หลายอย่าง ถูกใจเธอเลยทีนี้
มิวนิคนั่งกินข้าวจนแก้มตุ่ยโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทั้งพ่อ แม่ และพี่ชายต่างนั่งมองลูกสาวคนเล็กด้วยความเอ็นดู
ในสายตาคนอื่นมิวนิคเป็นแบบไหนไม่รู้ แต่ในสายตาของครอบครัว มิวนิคคือเด็กน้อยคนหนึ่ง
ปกติวันนี้ต้องมีคิระด้วย แต่รายนั้นพาครอบครัวไปพักผ่อนที่วิลล่าส่วนตัวอยู่ทะเล
“ค่อยๆ กินก็ได้ลูก”
“ก็มันอร่อยนิคะ ของโปรดมิวทั้งนั้นเลย” พูดไปทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก
เขมิกาหันไปยิ้มกับสามีและลูกชาย
“กว่าจะกลับบ้านได้นะ ถ้าไม่ให้เจ้าภาคินไปตาม คงไม่กลับใช่ไหมวันนี้”
“ช่วงนี้ที่สตูดิโอยุ่งๆ ค่ะ เตรียมงานแฟชั่นโชว์สำหรับคอลเลกชั่นใหม่ในปลายปี” อ้างไปงั้นแหละ เหตุผลจริงๆ ไม่อยากกลับ กลัวคนเป็นพ่อชวนคุยเรื่องแต่งงาน
“พรุ่งนี้ลูกว่างใช่ไหม” ปวริศถามลูกสาว
“ค่ะ แต่…”
“พ่อจองร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ห้องส่วนตัวเอาไว้ พรุ่งนี้มิวไปดินเนอร์กับเขาสิ”
“คะ?”
“จะได้ทำความรู้จักกันสักที”
คุณพ่อไม่เว้นจังหวะให้เธอได้พูดอะไร ชิงพูดทุกอย่างจนจบประโยค ‘เขา’ ที่คุณพ่อหมายถึงเมื่อครู่ เป็นใครไม่ได้นอกจากคู่หมั้นของเธอที่ต้องแต่งงานด้วย
“คนนี้ถูกใจมิวแน่นอน”
“คุณพ่อมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“หล่อ สูง ทำงานเก่ง อบอุ่น ดูแลดี เชื่อว่าคู่หมั้นคนนี้ถูกใจลูกสาวพ่อแน่นอน” ปวริศพูดด้วยรอยยิ้ม
“ต้องดีอยู่แล้ว เพราะคุณพ่อเป็นคนหาให้” เธอพูดประชดคุณพ่อ
“เอาหน่ามิวนิค คนนี้โอเคกว่าผู้ชายที่ลูกเคยควงๆ เล่นอีกนะ” เขมิกาเสริม
“ยี่สิบสามแล้ว เดี๋ยวหาผัวยาก ยิ่งเป็นคนแบบนี้อยู่ด้วย”
“พี่ภาคิน” เธอเรียกชื่อพี่ชายเสียงเข้ม น่าจับสาคูตรงหน้ายัดปากจริงๆ ในความหมายของพี่ชายคงประมาณว่า ผู้หญิงไม่ยอมคนและเอาแต่ใจแบบเธอ ผู้ชายคนไหนจะอยากได้ไปเป็นแม่ของลูกสินะ ก็จริงของพี่ภาคิน ผู้ชายดีๆ ที่ไหนอยากคว้าผู้หญิงแบบเธอไปเป็นแม่ของลูก
เธอควงผู้ชายไม่เคยซ้ำหน้า แต่ผู้ชายคนเดียวที่ยอมมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย คือ วาคีล
และเธอทิ้งเขาไปแบบไม่มีเยื่อไย เจอกันอีกทีก็ถูกเขาเกลียดเข้าไส้เสียแล้ว
“ว่าแต่มิว ดูตัวเองบ้าง คงไม่ต่างกันหรอก” ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะมาเอาผู้ชายแบบพี่ชายของเธอ นิสัยไม่ต่างกัน แต่พี่ชายเธอน่าจะหนักกว่า
เพลย์บอยตัวพ่อ กินเรียบทุกวงการ…
ภาคินกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับส่งเสียงเบาๆ ในลำคอ โดยไม่พูดอะไรต่อ เพราะสิ่งที่น้องสาวพูดคือเรื่องจริง
“ไว้ว่างๆ มิวไปเยี่ยมกิจการ แต่ขอเข้าฟรีและเหล้าฟรี”
“เปลืองไม่ต้องมา”
“ไปเหมือนเดิมอิอิ” เธอพูดด้วยท่าทางทะเล้นกับพี่ภาคิน
มุมน่ารักแบบนี้ของมิวนิค มีให้เห็นแค่กับคนที่บ้านและคนรอบข้างที่สนิทเท่านั้น คนทั่วไปจะมองมิวนิคเป็นอีกแบบ
“พรุ่งนี้อย่าลืมนัดนะมิวนิค” ปวริศย้ำกับลูกสาวอีกครั้ง
“ค่าา ไม่ลืม”
“ห้ามเท”
คุณพ่อรู้ทันเธอ ไม่แปลกใจ เพราะเธอลูกคุณพ่อนี่น่า
“ค่าา มิวไม่เทหรอก” โดนดักขนาดนี้ ใครจะกล้าเทนัดดินเนอร์ อีกอย่างไม่อยากทำให้คุณพ่อโกรธ โกรธมานี่ตัวใครตัวมันเลยนะ
เธอไม่เทนัดหรอก ถึงลึกๆ อยากเทก็ตาม