ตอนที่ 4 ผู้รอดชีวิตกับการวางแผน

2293 คำ
เมื่อเพื่อนรักเดินเข้าห้องไปเก็บข้าวของแล้ว เธอเองก็ควรเก็บข้าวของของตนเองเช่นกัน การเก็บของของเธอก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะเธอกวาดทุกอย่างที่อยู่ในคอนโดเข้ามิติเก็บของไปทั้งหมด จนเพื่อนสนิทของเธอออกมาเห็นก็ถึงกับตกใจ "ระหว่างที่ฉันเข้าไปเก็บของ ห้องของเราโดนขโมยมายกเค้ารึ" เฟิงมี่เห็นสิ่งของหายไปต่อหน้าตนเองก็ให้รู้สึกตกใจแต่พอเห็นว่าเป็นฝีมือของเพื่อนสนิทก็ทำใจให้สงบลง แล้วเอ่ยให้เพื่อนรับรู้ว่าเธอเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายทำแล้ว "และมันยังจะไปยกเค้าห้องของแกด้วย ว่าแต่เก็บของสำคัญกับที่จำเป็นมาครบหมดแล้วใช่ไหม" มีนาเองก็ไม่ได้ตกใจที่เพื่อนมาเห็น เพราะเธอก็ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้รู้เอาไว้อยู่แล้ว และเธอก็ไม่กลัวว่าความลับนี้จะหลุดออกจากปากเพื่อนสนิทแม้แต่น้อย เพราะถ้ามีใครที่เธอจะสามารถเชื่อใจและไว้ใจได้เท่ากับตนเองก็คือเพื่อนสนิทคนนี้ของเธอนี่เอง "อ่ะ อืม เสื้อผ้าแบบทะมัดทะแมง ของใช้ส่วนตัว สมุดบัญชีของมีค่าทุกอย่างเก็บครบหมดแล้ว ว่าแต่ฉันต้องไปถอนเงินสดมาติดตัวไว้หรือเปล่า" เฟิงมี่ที่คิดว่าเพื่อนจะตกใจที่เธอมาเห็นเรื่องนี้เข้ากลับต้องเป็นฝ่ายตกใจเสียเองเพราะอีกฝ่ายไม่ได้คิดที่จะปิดบังเรื่องนี้กับตนเองแม้แต่น้อย แถมยังเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอแล้วจัดการเก็บทุกอย่างไปจนหมดแม้แต่ผ้าม่านอีกฝ่ายก็ยังเก็บไปด้วย "จริงด้วย แกไม่ต้องถอนเงินสดออกมาหรอก เพราะถึงตอนที่พวกซอมบี้บุกเงินสดหนึ่งพันเหรียญยังมีค่าไม่เท่ากับบะหมี่สำเร็จรูปถ้วยละยี่สิบเหรียญเลย แล้วฉันเองก็อยู่ไม่ถึงเลยไม่รู้ว่าหลังจากผ่านวันสิ้นโลกไปแล้วเงินทองยังจะมีค่าอยู่อีกหรือเปล่า" มีนาพูดให้เพื่อนฟังแบบติดตลก แต่ดูจากสีหน้าคนฟังคงไม่ตลกด้วยสักเท่าไหร่ "หรือว่าฉันควรไปซื้อพวกเสบียงอาหารมาตุนเอาไว้ดี" เฟิงมี่ได้ฟังที่เพื่อนพูดเหมือนจะให้ตลกแต่เธอกลับตลกไม่ออก เลยถามถึงเรื่องเสบียงที่น่าจะเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่แกจะเก็บของเอาไว้ที่ไหนล่ะ พวกเราต้องเดินทางไกลอาจจะไม่สะดวกหรือเปล่า มันอันตรายอยู่นะ ถ้าเกิดมีใครรู้ว่าพวกเรามีเสบียงมากมายอยู่กับตัวน่ะ" มีนาเองก็คิดถึงเรื่องที่อยากให้เพื่อนเก็บตุนเสบียงอยู่เหมือนกัน แต่อีกฝ่ายจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนได้ถึงจะปลอดภัยและอีกฝ่ายก็คงจะเก็บได้ไม่มากนี่แหละคือปัญหา "ก็ฝากเอาไว้ที่แกไง" เฟิงมี่ตอบเพื่อนสนิทพร้อมกับมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาประมาณว่าแกถามอะไรของแก "ฝากเอาไว้ที่ฉัน?" มีนามองหน้าของเพื่อนและย้อนคำพูดของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย "ใช่ แกลืมไปแล้วหรือไงว่าแกเพิ่งจะไปยกเค้าห้องนอนของฉันมาเมื่อกี้นี้" เฟิงมี่ถอนหายใจใส่เพื่อนของตน อีกฝ่ายเพิ่งจะกวาดของในคอนโดหายวับไปกับตาให้เธอเห็นแต่มาตอนนี้กลับลืมไปเสียแล้ว "เอ่อ ฉันก็ลืมไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า" มีนาพอนึกขึ้นได้ว่าตนเองทำอะไรได้ก็ถึงกับปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดัง "ฉันมีเงินสดอยู่ประมาณหนึ่งแสนกว่าเหรียญ เดี๋ยวฉันจะโอนให้แกไปหาซื้อเสบียงมาเก็บเอาไว้ ไม่รู้ว่ามันจะใช้ซื้อเสบียงได้มากน้อยแค่ไหน" เฟิงมี่เอ่ยบอกเพื่อนถึงเงินของเธอถึงจะมีไม่มากแต่มันก็คงพอจะใช้ซื้อหาเสบียงและของจำเป็นมาเก็บเอาไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย "อืม ฉันว่าแกโอนมาแค่ห้าหมื่นเหรียญก็พอ ความจริงฉันจะหาซื้อแค่พวกอาหารปรุงสุกหรืออาหารพร้อมกินมาเก็บเอาไว้ ส่วนพวกข้าวของอื่นๆ ฉันมีแผนการเอาไว้แล้ว" มีนาเอ่ยบอกเพื่อน ของที่หายากที่สุดหลังจากที่ซอมบี้บุกก็คืออาหารปรุงสุกเพราะถ้าหาของสดไม่ได้ก็ไม่สามารถปรุงอาหารได้ และบางครั้งก็อันตรายเกินไป เพราะซอมบี้ที่อยู่ในระยะอาจจะได้กลิ่นในระหว่างการปรุงอาหารก็ได้ แทนที่จะได้กินอาหารปรุงสุกอาจจะโดนซอมบี้บุกโจมตีเข้าเสียก่อน "ได้ถ้าอย่างนั้น ฉันจะโอนให้แกหนึ่งแสนเหรียญให้แกหาอาหารมาเก็บเอาไว้เท่าที่เงินจะพอจ่าย ว่าแต่มันจะสามารถเก็บเอาไว้กินได้นานใช่ไหม" เฟิงมี่เองเมื่อเพื่อนบอกอย่างไรเธอก็ไม่เอามาคิดมากอีก เพื่อนเคยผ่านเหตุการณ์พวกนี้มาแล้วย่อมรู้ว่าอะไรที่จำเป็น "จากที่ฉันรับรู้คิดว่าน่าจะเก็บของได้อีกเยอะเลยล่ะ และอาหารหรือของที่เก็บเข้าไปก็จะมีสภาพคงเดิมอีกด้วย" มีนาถึงแม้ยังไม่ได้ลองใช้ในเรื่องของพวกอาหารและของสดแต่ความสามารถของมิติเก็บของนี้เธอก็รับรู้ได้ว่ามันทำสิ่งใดได้บ้าง "ดีมาก คราวนี้ฉันจะเกาะติดแกไปตลอดเลยล่ะ" เฟิงมี่เองก็มั่นใจในเพื่อนคนนี้มากจนบางครั้งอาจจะมากกว่าที่มั่นใจในตนเองเสียอีก "เอาล่ะ ตอนนี้บ่ายมากแล้วกว่าแกจะขับรถไปถึงค่ายทหารของเมือง D (ดี) มันอาจจะดึกได้นะ" มีนามองนาฬิกาเห็นว่าถ้าเพื่อนออกเดินทางช้ากว่านี้อาจจะมืดค่ำก่อนจะถึงจุดหมายก็ได้ จึงเอ่ยเตือนอีกฝ่ายถึงแม้ตอนนี้ซอมบี้ยังไม่บุกแต่ผู้หญิงขับรถทางไกลคนเดียวก็ยังอันตรายมากอยู่ดี "อ่อ ฉันลืมบอกแกไปว่าต้าหวงเดินทางมาทำธุระที่เมือง A (เอ) ข้างๆ เมือง B (บี) ของเรานี่เอง ฉันจะแวะไปหาเขาที่นั่นแล้วขับรถกลับไปที่ค่ายทหารพร้อมกันนะ" เฟิงมี่ลืมบอกเพื่อนสนิทว่าตนเองได้พูดคุยและนัดหมายกับคนรักไว้เรียบร้อยแล้ว "ดีจริง ถ้าแกเจอต้าหวงแล้วโทรมาบอกฉันด้วยนะ" มีนาพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องขับรถทางไกลคนเดียวก็ให้คลายความเป็นห่วงลง และถ้าเพื่อนของเธอได้เจอคนรักเร็วขึ้นการผิดใจกันอย่างในครั้งก่อนระหว่างเธอและต้าหวงก็คงจะไม่เกิดขึ้น เพื่อนของเธอจะมีคนดูแลและอย่างน้อยเธออาจจะพอพึ่งพาคนรักของเพื่อนให้ช่วยพาไปยังค่ายแห่งสุดท้ายนั่นได้เร็วขึ้นก็ได้ "ได้ ถ้าอย่างงั้นฉันไปก่อนนะ อีกสิบวันเจอกันแล้วอย่าประมาท แกยังมีฉันรอให้เป็นภาระอยู่อีกคนนะ" เฟิงมี่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยดีแล้วและก็ใกล้ได้เวลาที่นัดหมายกับคนรักเอาไว้ก็เตรียมตัวออกเดินทาง "ได้ อีกสิบวันเจอกัน แกเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ" มีนาเอ่ยลาเพื่อน ด้วยความรู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยในครั้งนี้เพื่อนเธอคงไม่ต้องมีจุดจบเช่นเดิมอีก "อืม เจอกัน" เฟิงมี่เดินมากอดเพื่อนสนิทพร้อมกับพยายามข่มกลั้นน้ำตาของตนเอาไว้ เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องมากังวลกับตนจึงสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป เมื่อเพื่อนสนิทออกไปจากห้องไปแล้ว มีนาก็มองเวลาตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว ก็นึกถึงตลาดเย็นที่อยู่ใกล้คอนโด ที่นั่นมีอาหารปรุงสุกวางขายค่อนข้างหลากหลาย ยังมีผลไม้และต้นไม้ขายอีกด้วย ตอนที่เธอไปอยู่ค่ายผู้รอดชีวิตในตอนแรกๆ เธอไม่ค่อยมีข้าวของอะไรติดตัวจึงได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องออกไปหาอาหารที่ด้านนอกค่ายพัก แต่ถ้าใครมีสิ่งของแลกเปลี่ยนที่ทางค่ายพักสนใจก็จะสามารถขอเลือกกลุ่มทำงานอยู่ในค่ายได้ ซึ่งเธอคิดว่าจะหาพวกเมล็ดผักและต้นผลไม้เอาไปใช้แลกเปลี่ยนให้เพื่อนสนิทของเธอ ส่วนตัวเธอจะอาสาออกไปหาอาหารเอง เธอยังจำได้ว่าที่ไหนมีอาหารและข้าวของให้เก็บกลับมาบ้าง และมิติเก็บของที่เธอมีก็น่าจะมีประโยชน์มากทีเดียวในครั้งนี้ เธอรู้สึกว่าครั้งก่อนต้องพยายามเอาตัวรอดด้วยความกดดันและความหวาดกลัว แต่ครั้งนี้ถึงแม้เธอจะยังหวาดกลัวอยู่เช่นเดิม แต่เพราะเธอมีมิติเก็บของเพิ่มขึ้นมาจึงไม่รู้สึกกดดันอีก ขอเพียงแค่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม เธอเชื่อว่าจะสามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน ในเมื่อทบทวนแผนการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็ออกจากคอนโดกดเงินสดออกมา 10,000 เหรียญ แล้วไปยังตลาดตอนเย็นเพื่อหาอาหารมาเก็บตุนเอาไว้ เธอเลือกซื้ออาหารเกือบทุกอย่างเป็นจำนวนสำหรับคน 10 คน พอซื้อของมาเยอะจนถือไม่ไหวเธอก็จะทำทีเป็นเดินเข้าไปในลานจอดรถ พอพ้นจากสายตาคนและกล้องวงจรปิดเธอก็เก็บของเหล่านั้นเข้ามิติไป แล้วก็เดินออกไปหาซื้อของต่อ ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนหมดเงินที่นี่ไปถึง 5,000 เหรียญ จึงเปลี่ยนไปยังร้านสะดวกซื้อทั้งหลายแทน ในร้านสะดวกซื้อเธอเลือกพวกข้าวปั้น ขนมปัง นมสดและอาหารแช่แข็ง โดยให้พนักงานทำการอุ่นร้อนให้ด้วย แล้วพอทุกอย่างเรียบร้อยก็ชำระเงินและหาที่เก็บของพวกนี้เข้าไปในมิติ แล้วเธอก็ทำแบบนี้กับร้านสะดวกซื้อที่มีและเธอก็หมดเงินไปกับร้านสะดวกซื้อพวกนี้อีก 10,000 เหรียญ ซึ่งพอเธอสำรวจดูแล้วอาหารที่เธอเตรียมมาคงให้คนไม่เกิน 4-5 คนกินอย่างประหยัดได้แค่ 6 เดือน แต่มันยังไม่พอและนี่ยังเป็นเพียงแผนการที่เธอใช้คั่นเวลาเพียงเท่านั้น เพราะแผนการกอบโกยของเธอจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อมีซอมบี้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง ก็นึกถึงของจำเป็นได้อีกอย่างก็คือแผนที่ของประเทศ C และนาฬิกาที่มีเข็มทิศในตัวโดยไม่ต้องใช้ถ่านซึ่งครั้งก่อนในตอนเข้าปีที่ 6 เธอได้มันมาด้วยความบังเอิญ และเธอก็จดจำยี่ห้อของมันได้เป็นอย่างดี และแน่นอนราคาของมันย่อมไม่ใช่ถูกๆ สิ่งนี้จึงถูกจดลงสมุดบันทึกที่ต้องหามาใช้ให้ได้ เพราะมันมีประโยชน์มากในเวลาออกไปหาอาหารที่ด้านนอกค่าย ทั้งใช้ดูเวลาในการนัดพบกันและใช้ดูทิศทางในการเดินทางอีกด้วย ระหว่างที่เธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ต้องเตรียมโทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้น มีนาหยิบขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นเฟิงมี่ที่โทรเข้ามา แต่พอมองดูเวลานี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้วอีกฝ่ายเพิ่งจะเจอคนรักหรือยังไง จึงรีบรับสายทันที "มีนาฉันขอโทษ ฉันลืมโทรบอกแก ฉันเจอต้าหวงตั้งแต่ตอนสี่โมงเย็นแล้ว แต่ฉันมัวแต่เล่าเรื่องให้ต้าหวงฟังแล้วก็เผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาอีกทีตอนนี้พวกฉันก็มาถึงบ้านพักในค่ายทหารเรียบร้อยแล้ว" เฟิงมี่ที่พอได้ยินเสียงเพื่อนสนิทรับสายก็รีบบอกให้ฟังก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยต่อว่าอะไรตนกลับมา เพราะตนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้คนรักฟังและฟังที่คนรักเอ่ยวางแผนถึงเรื่องที่จะทำ พอรู้สึกสบายใจจึงเผลอหลับไป จนคนรักมาปลุกตนเองขึ้นเมื่อถึงบ้านพักแล้วจึงรีบโทรบอกเพื่อนสนิททันที "ถ้าแกถึงที่นั่นอย่างปลอดภัยแล้วก็ช่างมันเถอะ เอ่อ...ถ้าแกบอกกับต้าหวงไปแล้วก็บอกเขาด้วยว่าช่วงก่อนที่ฉันจะไปถึงอย่าเพิ่งให้เขาลงมือทำอะไร ให้อยู่รอเจอฉันก่อนแล้วเราค่อยคิดวางแผนกันอีกที บอกเขาว่าอยู่ที่นั่นจะปลอดภัยกว่าเข้าใจไหม" มีนาเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยก็ให้โล่งใจ และเธอก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอย่างไรเพื่อนของเธอก็ต้องเล่าเรื่องนี้ให้คนรักฟัง และเธอก็เชื่อว่าอีกฝ่ายต้องเข้าใจแน่นอน แล้วไม่ลืมกำชับให้เพื่อนบอกให้อีกฝ่ายรอพูดคุยกับเธอก่อนอย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไร และเธอไม่ลืมบอกให้ทั้งสองสบายใจว่าค่ายนั้นจะยังปลอดภัยจนกว่าเธอจะไปถึงอย่างแน่นอน "ได้ ฉันจะบอกต้าหวงให้รอแกเองไม่ต้องห่วง" เฟิงมี่รับคำเพื่อน เธอคุยกับคนรักแล้วอีกฝ่ายก็เห็นด้วยที่จะรอพูดคุยปรึกษากับเพื่อนของเธอก่อนค่อยคิดวางแผนกันต่อไป หรือก็เพื่อยืนยันว่ามันจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ ************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม