ตอนที่ 6 ผู้รอดชีวิตกับการเตรียมพร้อม

2326 คำ
มีนาเดินเก็บของตามร้านค้าได้อีก 4-5 ร้าน ก็ออกจากโซนนี้เพราะเริ่มมีฝูงซอมบี้เดินวนเวียนมากขึ้นแล้ว เมื่อดูนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสองแล้ว ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มเหมือนเมื่อตอนเช้า และเท่าที่เธอจำได้มันก็จะมืดครึ้มอย่างนี้ไปอีกเป็นอาทิตย์ มีนาทำการเปลี่ยนนาฬิกาเป็นแบบมีเข็มทิศ หาที่ปลอดภัยหลบแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ตอนนี้สัญญาณโทรศัพท์ยังคงใช้งานได้ เธอไม่ได้คิดจะโทรหาใคร และเธอได้ส่งข้อความบอกเฟิงมี่ไปแล้วว่าอย่าโทรหาเธอเพราะมันอันตราย มีอะไรให้ส่งข้อความมาแทนถ้าเมื่อไหร่เธออยู่ในที่ปลอดภัยจะตอบกลับไป และเพื่อนเธอก็ส่งข้อความมาเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เธอก็ตอบกลับไปว่าสบายดีแล้วพิมพ์บอกขั้นตอนการปฏิบัติตัวคร่าวๆ ให้อีกฝ่ายรับรู้ แล้วจึงหยิบแผนที่ขึ้นมาดู ตามแผนที่วางเอาไว้ตอนนี้เธอได้รถยนต์ นาฬิกา ยา เสื้อผ้า และอาวุธที่ทำจากเหล็กมาอีกนิดหน่อย ต่อไปก็เหลือพวกของใช้ อาหารแห้ง น้ำดื่ม แผงไฟโซล่าเซลล์ น้ำมันรถ ของพวกนี้เธอไม่อยากเสี่ยงหาตามร้านค้าในเมือง แต่เธอวางแผนว่าจะไปเอาพวกมันที่นอกเมืองแทน แต่วันนี้คงยังไม่สะดวกที่จะออกไป เพราะผู้คนคงยังอพยพกันอยู่ เธอจะหาที่หลบอยู่ในเมืองอีกสักวันสองวันค่อยออกไป ดูเวลาตอนนี้บ่ายสองโมงแล้วสถานที่ที่เธอเข้ามาหลบดูเหมือนจะเป็นร้านขายอุปกรณ์เดินป่า ดูท่าครั้งนี้นอกจากมิติเก็บของแล้ว เธอคงได้ความโชคดีติดตัวมาด้วยเป็นแน่ เดินสำรวจรอบๆ อีกครั้งไม่เจอคนหรือซอมบี้ เธอก็เก็บกวาดข้าวของทุกอย่างในร้านนี้เก็บเข้ามิติทันที ไม่ลืมที่จะทำการล็อกประตูและหาผ้ามาขึงปิดช่องประตูและหน้าต่างให้เรียบร้อย แล้วจึงนั่งพักเอาอาหารออกมากินแล้วเอาที่นอนสนามออกมาปูเพื่อนอนพักผ่อนก่อนที่ฟ้าจะมืด ซอมบี้พวกมันในตอนกลางวันไม่น่ากลัวเท่ากับพวกมันในตอนกลางคืนหรอก เพราะฉะนั้นเธอขอนอนเก็บแรงเอาไว้ก่อนดีกว่า มีนานอนหลับไปจนฟ้าใกล้มืดก็รู้สึกตัวตื่น ดูเหมือนสัญชาตญาณเมื่อครั้งก่อนของเธอจะเริ่มกลับมาแล้ว ในช่วงที่เดินทางแรกๆ หลังจากที่ได้รับรู้ความสามารถของพวกซอมบี้แล้ว เธอจะนอนตอนฟ้าสว่างพอเที่ยงก็ออกเดินทางพอใกล้ค่ำก็จะหาที่หลบซอมบี้ นี่คือสาเหตุที่ทำไมเธอถึงใช้เวลากว่าห้าปีจากเมือง B ที่เธออยู่ไปยังค่ายทหารที่เมือง S (เอส) เพราะเธอมีเวลาเดินทางน้อยไหนจะต้องหาอาหารประทังชีวิต ไหนจะต้องคอยหลบพวกฝูงซอมบี้ หรือบางครั้งก็เจอความยุ่งยากจากพวกมนุษย์ด้วยกัน แต่เธอก็ไปถึงที่นั่นได้สำเร็จถึงแม้จะค่อนข้างสะบักสะบอมไปสักหน่อยก็ตาม เธอเอาอาหารออกมากิน เมื่อมีโอกาสที่กินได้จงกินอย่าคาดหวังรอคอยโอกาสหน้า เพราะมันอาจจะไม่ได้มีมาอีกก็ได้ นี่คือสิ่งที่เธอรับรู้มาจากครั้งก่อนอีกเช่นกัน เมื่อจัดการกินอาหารอิ่มหนำดีแล้ว ตอนนี่ฟ้ายังไม่มืดสนิท เธอลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและทำธุระให้เรียบร้อย ถ้าอยากผ่านคืนนี้ไปอย่างเรียบร้อยควรอยู่ให้เงียบที่สุด และไม่นานฟ้าก็มืดลง คืนแรกกับการต้องเผชิญกับฝูงซอมบี้อีกครั้ง จะบอกว่าเธอไม่กลัวก็พูดได้ไม่เต็มปากต่อให้เธอต้องเจอหรือต่อสู้กับพวกมันมาแล้วถึงสิบปี แต่ก็ไม่เคยรู้สึกชินชาหรือไม่รู้สึกที่จะไม่หวาดกลัวพวกมันเลยสักคืน มีนานั่งอยู่เงียบๆ ในร้านค้าแห่งนี้ มันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไร เป็นเพียงห้องแถวหนึ่งห้องเท่านั้น และมันก็ไม่ได้แข็งแรงมั่นคงมากนักจึงทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากอยู่เหมือนกัน นั่งรอจนถึงเที่ยงคืนก็ได้ยินเสียงคนตะโกน เสียงคนกรีดร้อง เสียงยิงปืน เสียงคนจำนวนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าร้านไป แล้วตามด้วยเสียงของฝูงซอมบี้จำนวนไม่น้อยที่วิ่งตามคนกลุ่มนั้นไป มีนาได้ยินเช่นนี้จึงยิ่งเก็บตัวให้เงียบแล้วซุกตนเองเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะคิดเงินของร้าน ทำตัวเองให้ไร้ตัวตนที่สุด ใจก็นึกถึงคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าเป็นใคร ทำไมถึงออกมาในเวลากลางคืนเช่นนี้ คนพวกนั้นไม่เคยดูหนังซอมบี้หรืออย่างไรว่ากลางคืนมันอันตรายมากมายขนาดไหน ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะหนีรอดไปได้แล้วกัน มีนานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเริ่มเห็นแสงสว่างรอดผ่านผ้าที่ขึงปิดไว้เข้ามา จึงค่อยๆ ลุกขึ้นไปแง้มดูด้านนอก เห็นพวกซอมบี้บางตัวก็เดินอย่างเชื่องช้า บางตัวก็ยืนนิ่งไปแล้ว และแต่ละตัวสภาพแทบดูไม่ได้ ทั้งเลือด ทั้งแผล บางตัวอวัยวะขาดหายไปก็มี มีนายังไม่รีบร้อนออกไป เธอเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองอย่างเบาเสียงที่สุดและเอาอาหารออกมากิน เมื่อดูว่าถึงเวลา 7 โมงเช้าแล้วก็เตรียมตัวออกไป แต่ยังไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่าเพื่อนของเธอส่งข้อความอะไรมาหรือไม่ แล้วก็มีจริงๆ อีกฝ่ายส่งมาบอกว่าได้ทำตามที่เธอบอกเอาไว้ทุกอย่าง และที่นั่นทุกอย่างยังควบคุมได้ บอกให้เธอระมัดระวังตัวเองให้ดี เมื่ออ่านจบเธอก็ส่งข้อความตอบกลับไป เมื่อเรียบร้อยดีแล้วก็เก็บผ้าที่ขึงปิดประตูหน้าต่างออก แล้วก็เดินออกไปสำรวจร้านค้าในละแวกนี้ ก็ได้ข้าวของติดมือกลับมาอีกไม่น้อย แถวนี้เป็นร้านค้าที่คนมาเช่าเปิดไม่ใช่ร้านค้าที่ให้คนอาศัยอยู่ เมื่อวานตอนที่ซอมบี้บุกจึงไม่มีคนอยู่แถวนี้มากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนที่มาเตรียมเปิดร้าน ส่วนพวกซอมบี้ก็มีกระจายตัวกันอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่ากับเมื่อวาน คงเพราะกลุ่มคนเมื่อคืนที่พาพวกมันออกไปจากแถวนี้จนเกือบหมด แต่ที่น่าแปลกก็คือไม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่แถวนี้เลย อย่างน้อยคืนก่อนที่จะมีพวกซอมบี้พวกหมาแมวจรจัดยังพอมีให้เธอเห็นอยู่บ้าง แต่นี่ไม่เห็นเลยซึ่งก็นับว่าดีเพราะเธอคงอดสงสารพวกมันไม่ได้แน่ๆ เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าออกไปทางนอกเมือง ต้องคอยหลบทั้งซอมบี้ ทั้งคนมาตลอดทาง เธอไม่อยากได้เพื่อนร่วมทางในตอนนี้เพราะมันจะทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้อย่างคล่องตัว จึงได้เอาท่าทางอันเย็นชาอย่างในครั้งก่อนมาใช้ และก็ได้ผลคนที่เจอเธอแม้อยากจะเข้ามาทักหรือขอความช่วยเหลือ แต่เห็นสายตาและท่าทางที่ไม่คิดสนใจใครของเธอก็ไม่กล้าเข้ามา ส่วนพวกนักเลงหรืออันธพาลในตอนนี้ยังไม่มีให้เห็น ซึ่งก็นับว่าดีเธอไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะสามารถสู้คนพวกนั้นได้เหมือนกับครั้งก่อน ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะได้ปืนติดตัวสักกระบอกเหลือเกิน เดินต่อไปอีกชั่วโมงก็เหมือนดวงโชคดีของเธอจะทำงานอีกครั้ง เพราะเธอเจอเข้ากับโรงรับจำนำ ซึ่งโรงรับจำนำพวกนี้รับจำนำทุกอย่างนอกจากพวกของมีค่าแล้วบางครั้งก็มีปืนด้วย เธอรู้เรื่องพวกนี้จากการออกไปหาเสบียงเมื่อชาติที่แล้ว เพื่อนร่วมกลุ่มของเธอคนหนึ่งที่เคยทำงานในโรงรับจำนำเป็นคนบอกมา หน้าทางเข้ามีซอมบี้อยู่ 4-5 ตัว และในละแวกนี้ก็มีพวกมันอยู่อีกหลายตัว เธอไม่อยากเสี่ยงลงมือแล้วเกิดเสียงดังเรียกพวกมันมา จึงมองสำรวจไปรอบๆ แล้วก็เห็นว่าตรงด้านข้างร้านรับจำนำแห่งนี้มีบันไดพาดเอาไว้ และตรงที่บันไดพาดก็เป็นหน้าต่างชั้นสองที่เปิดเอาไว้อยู่ มีนาลังเลอยู่เล็กน้อยถ้าคนด้านในต้องหนีออกมาด้วยการปีนออกจากชั้นสอง แสดงว่าด้านในอาจจะมีซอมบี้อยู่หลายตัว แต่ตอนนี้เธออยากได้ปืนสักกระบอกจริงๆ และเธอก็คิดไม่ออกว่าจะไปหามันได้จากที่ไหนอีกนอกจากสถานีตำรวจ ซึ่งไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ มีนาจึงตัดสินใจวิ่งไปหลบอยู่ด้านข้างบันไดนั้นอย่างรวดเร็วและเงียบที่สุด และหยุดรอฟังเสียงการเคลื่อนไหวทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม จึงค่อยๆ ปีนบันไดขึ้นไป โดยไม่ลืมมองดูว่ามีซอมบี้เข้ามาในระยะหรือไม่ พอมาถึงหน้าต่างบานที่ถูกเปิดเอาไว้ มองสำรวจเข้าไปก็เจอประตูที่เปิดเอาไว้และน่าจะเป็นห้องเก็บตู้เซฟของร้าน มีนาฟังเสียงภายในร้านก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติ จึงปีนเข้าไปด้วยความระมัดระวังและเงียบที่สุด เมื่อเข้ามาอยู่ภายในร้านแล้วก็เรียกไม้เบสบอลมาถือเตรียมไว้ เมื่อทุกอย่างพร้อมเธอก็ค่อยๆ เดินไปยังประตูห้องที่เปิดอยู่ เรียกไฟฉายมาส่องเข้าไปด้านใน ไม่พบซอมบี้และคนอยู่ด้านในจึงเดินเข้าไป ประตูตู้เซฟเกือบทั้งหมดถูกเปิดเอาไว้ มีของมีค่าหล่นกระจายอยู่ตามพื้นและก็มีที่เหลืออยู่ในตู้อีกมาก แสดงว่าคนที่เปิดคงรีบร้อนเอาแต่ของมีราคาและสำคัญไป ถึงแม้ของพวกนี้จะเป็นของมีค่ามีราคาแต่ต่อไปพวกมันอาจจะมีค่าสู้บะหมี่สำเร็จรูปสักถ้วยก็ไม่ได้ แต่เธอก็เก็บพวกมันเข้ามิติไปด้วย เผื่อว่าครั้งนี้เธอสามารถรอดจากวันสิ้นโลกไปได้ พวกมันอาจจะพอมีประโยชน์ก็ได้ เดินเก็บไปเรื่อยๆ จนมาถึงด้านในสุดเป็นตู้กระจกใบใหญ่ เธอก็ต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจปืนสารพัดแบบนับสิบกระบอกถูกวางเรียงเอาไว้อย่างสวยงามอยู่ในตู้ใบนี้ มีนาแทบไม่ต้องคิดอะไรให้มากเธอเก็บตู้นี้เข้ามิติไปทันที แล้วยังเปิดสำรวจกล่องไม้ข้างๆ เห็นลูกปืนถูกวางเรียงอัดไว้จนเต็มก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นอีก ไม่เสียทีที่เธอตัดสินใจเสี่ยงปีนเข้ามา เมื่อเก็บทุกอย่างในห้องนี้จนหมดเรียบร้อย มีนาก็ไม่คิดไปสำรวจส่วนไหนอีก รีบออกจากห้องนี้แล้วปีนกลับออกไปทันที พอลงมาถึงพื้นเธอเห็นทางที่ตั้งใจจะไปมีซอมบี้ขวางเอาไว้อยู่ 2-3 ตัวจึงตัดสินใจวิ่งหลบไปอีกทางแทน เธอคิดว่าจะหลบอยู่ในเมืองนี้อีกหนึ่งวัน เลยคิดจะหาที่หลบพักก่อนจะค่ำ ก็ไปเจอเข้ากับห้างสรรพสินค้าขนาดกลางที่เน้นขายเฉพาะพวกอาหารเข้า ด้านหน้ามีฝูงซอมบี้กระจายกันอยู่นับสิบตัว แต่เธอคิดว่าที่นี่น่าจะมีอะไรให้เก็บกลับไปได้ จึงตัดสินใจจะลองเสี่ยงเข้าไปดู มีนาเดินไปจนใกล้กับประตูทางเข้ามากที่สุด ตรงนี้มีซอมบี้อยู่ 3 ตัว และมันก็อยู่ใกล้กับประตูมากเธอไม่คิดว่าจะหลบพวกมันไปได้โดยที่ไม่ต้องปะทะกัน และการสู้แบบเผชิญหน้า 1 ต่อ 3 ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะเสียงต่อสู้จะเรียกซอมบี้ตัวอื่นให้เข้ามา มีนาเรียกที่เจาะน้ำแข็งและถุงพลาสติกขึ้นมาอีกครั้ง เธอย่องไปยืนหลบข้างตึกใกล้กับประตูทางเข้า และใช้ที่เจาะน้ำแข็งเคาะกับกำแพงให้มีเสียงดังเล็กน้อยเพื่อเรียกให้ซอมบี้ตัวที่ใกล้ที่สุดออกมา และมันก็ได้ผลเจ้าซอมบี้ที่น่าจะเป็นผู้ชายเอียงหัวซ้ายทีขวาที ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าที่หายไปส่วนหนึ่งกับเนื้อตัวที่ดูเขียวช้ำและเลือดเกรอะกรังก็อาจจะพอน่าดูอยู่บ้าง มันเดินตรงมาทางเธออย่างหิวกระหาย ซอมบี้เวลาที่พวกมันพุ่งเข้าหาเหยื่อจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นถึงแม้จะเป็นตอนกลางวันแต่ก็ยังไม่รวดเร็วเท่ากับในเวลากลางคืน และในเวลากลางวันปกติพวกมันจะเชื่องช้าหรือบางครั้งก็หยุดนิ่งไปเลย แต่ในกลางคืนพวกมันจะเดินวนเวียนอยู่ตลอดเวลา เมื่อซอมบี้ตัวแรกมาถึงในระยะที่จัดการได้ มีนาเอาถุงพลาสติกคลุมหน้าแล้วแทงตรงบริเวณดวงตาทะลุไปจนถึงด้านหลัง ร่างที่ดิ้นรนอยู่ในตอนแรกก็ค่อยๆ แน่นิ่งไป ถ้าเป็นพละกำลังของคนปกติไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างเธอหรือไม่ แต่ร่างกายของเธอได้รับการวิวัฒนาการถึงขั้น 3 แล้วย่อมสามารถทำได้ แต่ก็ต้องใช้แรงมากอยู่เหมือนกัน ได้แต่หวังว่าเธอจะสามารถพัฒนาไปถึงขั้น 5 ได้เร็วๆ เพราะถ้าให้เธอต้องจัดการซอมบี้ด้วยวิธีนี้ไม่เกิน 5-6 ตัวเธอคงหมดแรงลงเสียก่อน เมื่อจัดการซอมบี้ตัวแรกเสร็จ เธอก็จัดการตัวที่สอง และสามต่อทันที ตอนนี้เกือบสี่โมงเย็นแล้วเธออยากเตรียมหาที่พักสำหรับคืนนี้เต็มที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม