Midnight Talk
ผมใช้เวลาทั้งวันไปกับการเก็บภาพรอบๆเมืองโดยมีซายะเดินตามเงียบๆ ทั้งๆที่ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนแต่เธอก็ยังยอมเดินตากแดด ไม่มีบ่น ไม่มีแสดงท่าทางว่ารำคาญ ผมลอบมองเธอเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า น่าแปลกตรงที่เธอไม่ดูเหน็ดเหนื่อยอะไรแม้บางครั้งจะแอบเห็นเธอนิ่วหน้าและแตะสะโพกตัวเองอยู่บ่อยๆ
ผมยอมรับว่าที่ให้เธอออกมาด้วยก็เพราะอยากแกล้งให้เธอเดินจนปวดขากันไปข้างเพื่อแก้เผ็ดที่เธอชอบปั่นประสาทผม แต่ใครจะไปคิดว่าเอาเข้าจริงผมกลับไม่ได้รู้สึกสะใจอะไรเลยสักนิดเดียว กลับกันยังรู้สึกชื่นชมในความอดทนของเธอด้วยซ้ำ
"นั่งตรงนี้ก่อน"
ผมชวนซายะนั่งลงบนม้านั่งภายในสวนสาธารณะ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาซับเหงื่อกาอนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
"เอามั๊ย?"
ผมรับบุหรี่ราคาแพงที่ถูกจุดไว้แล้วมาจากมือเธอก่อนจะคาบไว้ที่ปาก ไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นผู้หญิงสูบบุหรี่แล้วยังดูดีได้ขนาดนี้ เพราะที่เคยเห็นผ่านตามาแต่ละคนสภาพดูไม่ได้กันทั้งนั้น
ซายะพ่นควันก่อนจะเอนหลังพิงพนักและหลับตาลง เธอดูเหมือนคนอดหลับอดนอนจนผมสงสัยว่าเมื่อคืนเธอไปทำอะไรมากันแน่ แต่ผมคงไม่ถามออกไปเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ
"นายเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?"
เธอเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
"ประมาณสิบเจ็ด"
"เพื่อนชวนหรืออยากลองเอง?"
เธอเอ่ยถามต่อ
"เพื่อนชวนให้ลอง แล้วเธอล่ะ?"
"เห็นกล่องสวยเลยซื้อ ลองเองเพื่อนไม่ได้ชวน"
ดูจากลักษณะท่าทางเธอดูเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าได้กล้าเสียและตรงไปตรงมา ถึงจะดูกร้านโลกไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าผู้ชายมากกว่า50%ต้องหลงเสน่ห์เธอแน่
...แต่ขอยกเว้นผมไว้คนนึง
ความจริงผมชอบผู้หญิงหัวอ่อนและดูเรียบร้อย แต่ดันได้คบกับเมล่อนที่มีบุคลิคและนิสัยตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองชอบ พอนานวันเข้าผมก็เริ่มเบื่อที่ไม่สามารถควบคุมเธอได้ บวกกับตอนนั้นมีผู้หญิงคนนึงโผล่เข้ามาในชีวิตที่สำคัญคือเธอตรงสเปคทุกอย่าง ตอนนั้นผมจึงตัดสินใจเลิกกับเม แต่แทนที่ความรักครั้งใหม่จะไปรอดกลับพังไม่เป็นท่าเมื่อผู้หญิงที่ผมคิดว่าตัวเองชอบ กลับไม่สามารถทำให้ผมมีความสุขได้ เธองี่เง่าเอาแต่ใจ ตามหึงหวงผมไปทุกที่จนน่ารำคาญ จนผมอดที่จะเปรียบเทียบเธอกับเมล่อนไม่ได้ และนั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมรู้ใจตัวเองขึ้นมา
...ถึงจะสายเกินไปแล้วก็ตาม
ส่วนซายะ การที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทำให้ผมรู้ว่าความจริงเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ใกล้แล้วสบายใจพอสมควร ไม่งี่เง่า ไม่เหวี่ยงไม่วีน สภาพอารมณ์เธอคงที่ปกติส่วนพฤติกรรมออกจะหลุดจากกรอบไปหน่อย
...แต่สำหรับผมเธอก็ยังดูแปลกกว่าคนอื่นอยู่ดี
"นายมองฉันอยู่นะ"
ผมสะดุ้งก่อนจะหลบสายตาคมเฉี่ยวที่มองมา ซายะหัวเราะเบาๆก่อนลุกขึ้นปัดกระโปรงเล็กน้อยและเดินห่างออกไปจนผมต้องรีบลุกตามเพราะกลัวว่าตัวเองจะหลงหาทางกลับไม่เจอ
"จะไปไหน?"
"นายเห็นนั่นมั๊ย?"
ผมมองตามสายตาเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอัดควันบุหรี่เข้าปอดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รูปร่างผอมบางสูงโปร่ง บนผิวเต็มไปด้วยรอยสักทั้งแขนและต้นคอ
"แฟนเก่าฉัน"
สายตาที่เธอมองไม่ได้ดูมีเยื่อใยอะไรแต่มันเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก รู้แต่ว่าเธอไม่ได้ยินดีที่ได้พบหน้าเขา
"ยังไม่ตายอีกเหรอ?"
คำแรกที่เธอทักทายผู้ชายตรงหน้าทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะสะกิดแขนเธอเพื่อปรามไม่ให้มีเรื่อง ถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็พอจับใจความได้บ้าง ดูจากสายตาแข็งกร้าวที่ช้อนมองเหมือนจะพุ่งเข้ามาบีบคอเธอให้ได้แสดงว่าเธอคงพูดอะไรสักอย่างที่ไม่เข้าหูคนตรงหน้า
...ปากดีกับทุกคนจริงๆ
"ฉันไม่ตายง่ายๆหรอกที่รัก"
"สภาพนายตอนนี้ดูไม่ได้เลยนะ แบบนี้อากิระของฉันก็มีสิทธิ์เลื่อนขึ้นมาเป็นทายาทอันดับหนึ่งมากกว่าน่ะสิ"
เธอเอ่ยเยาะเย้ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นก่อนจะตวัดสายตามองผมและทิ้งบุหรี่ลงพื้นก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล
"เธอกับเขาคงจบไม่สวย"
"คงงั้นล่ะมั้ง"
ทุกคนต่างก็เคยผ่านความเจ็บปวดด้านความรักมาทั้งนั้นไม่ใช่เเต่ผมคนเดียวบนโลกใบนี้ แต่ทุกคนก็มีวิธีเยียวยาตัวเองต่างกัน เหมือนที่ผมพยายามอยู่ห่างเมล่อนมากที่สุด เพื่อจะลืมเธอได้สักวันนึง
"เธอคงเกลียดเขามาก"
"ถ้ายังรักก็บ้าแล้ว"
บุหรี่อีกมวนถูกหยิบขึ้นมาจุดสูบ ผมมองริมฝีปากแดงที่พ่นควันสีขาวออกมา ซายะเอนตัวพิงม้านั่นก่อนจะหลับตาลง
"คนทุกคนก็มีปัญหาชีวิตกันทั้งนั้น ต่อให้เกิดมาสวยรวยพร้อมแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องเจอกับความเจ็บปวดอยู่ดี"
ผมพยักหน้าเห็นด้วย หน้าตาหรือฐานะไม่ได้มีผลต่อความรักเพราะเรื่องของความรู้สึกมันอยู่ที่ใจ เหมือนกับที่เมล่อนเป็นคนสวยแต่ตอนนั้นผมกลับไม่เลือกเธอ หรือซายะที่ทั้งสวยทั้งรวยเกิดมาในตระกูลใหญ่แต่ความสัมพันธ์ก็ไปไม่รอด
"ฉันต้องไปทำงานแล้ว นายอยากเที่ยวต่อก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไร"
ผมกรอกตาไปมาอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้น
"จะเป็นไรมั๊ย ถ้าฉันขอไปโรงพยาบาลด้วย"
ผมเบื่อที่ต้องอยู่แต่ในห้องเดินไปเดินมา นั่งๆนอนๆไม่มีอะไรให้ทำนอกจากดูหนัง ฟังเพลง เล่นคอมไปวันๆ ถึงซายะจะอนุญาตให้เที่ยวต่อแต่ผมยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นมากเท่าไหร่เลยอยากกลับไปหาข้อมูลก่อนดีกว่าเดินไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมายปลายทาง