"อื้อ" เสียงดังจากการที่มีบางคนทำอะไรในห้องตอนเช้า มันรบกวนคนที่ยังฝันดีอยู่ในห้วงนินทราแบบซินเนีย เธอพยายามจะฝืนให้ตัวเองได้นอนฝันต่อ แต่เพราะครินต์ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจ เขาเลยทำมันเหมือนอยู่คนเดียว
"ไปทำงานแล้วเหรอ?" เธอยันตัวเองให้ลุกขึ้นพิงเตียงและไล่สายตามองคนที่สวมเพียงกางเกงสีดำขายาว ด้านบนยังคงโชว์อกแกร่งให้มาอวดสายตา
"อืม นอนต่อเถอะถ้าไม่มีอะไรทำ"
"..."
"เก็บน้ำลายของเธอด้วย อีกชั่วโมงฉันมีประชุม เวลาไม่พอสนองให้" คำพูดร้าย ๆ ของเขา เธออยากรู้จริง ๆ ว่าครินต์เคยใช้มันกับคนอื่นมั้ย
โชคดีหน่อยที่ชายหนุ่มไม่ใช่คนหยาบคาย ไม่งั้นซินเนียคงต้องเซกู้ดบายจากเขาตั้งแต่สามวันแรกอย่างแน่นอน ถามว่าเธอรู้มั้ยว่าครินต์เป็นใคร เปลี่ยนเป็นถามว่าใครไม่รู้จะดีกว่า
"ประชุมเสร็จแล้วเข้าไปให้ได้สนองได้รึเปล่า?" ชายหนุ่มตวัดสายตากลับมาหาคนถามนิ่ง ๆ
"อยากให้ลูกน้องฉันไม่กล้ามองหน้าเธออีกรอบหรือไง?" เรื่องราวประวัติศาสตร์ของคาสิโน คือครินต์กับซินเนียทำเรื่องอย่างว่าในตอนที่เขาอยู่เคลียร์งาน โชคร้ายของลูกน้องคือประตูนั้นปิดไม่สนิท ตอนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องตอนแรก การ์ดได้แต่พากันก้มหน้า
ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงเมื่อเซ็กวันนั้นจบลง ทั้งคู่พากันเดินออกมาไม่มีใครกล้ามองหน้าซินเนียสักคน เอาแต่หลบสายตาและทำตัวลุกลนจนครินต์ที่สังเกตเห็นเอ่ยถาม
"เป็นอะไรของพวกมึง?"
"...." ไม่มีใครกล้าตอบ
"ปากมันพูดไม่ได้ใช่มั้ย หรือถ้าไม่อยากตอบกูจะได้สงเคราะห์ให้พูดไม่ได้จริง ๆ!"
"เอ่อ.. พวกมันแค่กลัวนายกับคุณซินไม่มีเสียงครับ”
"ทำไมต้องไม่มีเสียง?" ซินเนียเป็นคนที่เอ่ยถามขึ้นบ้างและจ้องตาคนที่เป็นผู้กล้าออกมาตอบแทนคนอื่น
"ก็นายกับคุณซิน เอ่อ..อะ..อันนั้นกันสะ..สาม"
"ออ ที่เอากับครินต์สามชั่วโมงน่ะเหรอ?"
"...."
"เสียงไม่หายหรอกแค่นี้เอง ทั้งคืนฉันก็ผ่านมาแล้ว" ไอคำพูดที่พูดอย่างน่าตาเฉยนั่นแหละทำเอาการ์ดอาย เป็นชายใจยังไม่สู้เท่าเธอ มีเพียงก็แต่ครินต์ที่ไม่แสดงอาการอะไรออกมาและเดินออกจากตรงนั้นคนแรก
กลับมาที่ปัจจุบัน
"มันผ่านไปเป็นปีแล้ว อีกอย่างพวกนั้นชินแล้วมั้ง"
"แล้วแต่เธอ ถ้ามันเหงาก็เข้าไปรอที่นั่น เอาชุดที่ถอดง่ายหน่อย ฉันเวลารีบไม่เคยถอดดี ๆ เรื่องนี้เธอน่าจะรู้ดี" ครินต์พูดพลางสวมเสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวไปด้วย
"ฉีกเมื่อไหร่ นายก็แค่จ่ายยากตรงไหน"
"ยากตรงที่เธอให้ฉันจ่ายคูณร้อยของราคา ทั้งที่ฉันเป็นคนซื้อมัน" ซินเนียยกยิ้มร้าย ช่วยไม่ได้ เธอไม่ใช่คนโง่ทำไมต้องยอมเสียเปรียบ ถอดดี ๆ ก็จบ
"เคยคิดจะใส่เสื้อสีอื่นมั้ยนอกจากสีดำ สีขาวก็ยังดี"
"สีไหนก็เหมือนกัน มีเยอะเลือกเยอะ มีสีเดียวไม่ต้องเลือก หัดใช้ชีวิตให้มันง่ายบ้าง" อือถามสั้นตอบยาวตลอด เขามันคนแก่ดี ๆ นี่แหละ บ่นได้บ่นเอา
"ค่ะพ่อ"
"ฉันไปทำงานก่อน" ครินต์เดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อ เขานิ่งเหมือนหุ่นยนต์ ใช้ชีวิตเหมือนเข็มนาฬิกาที่เดินวนรอบวงเดิม ๆ
"วันนี้มีใครเข้ามาบ้าง?" ครินต์ถามในระหว่างที่เขาดูเอกสารวาระการประชุม
"ผู้ถือหุ้นทุกฝ่ายและเครือข่ายของทุกประเทศครับ"
"ป๊ากูล่ะ?" ครินต์เอ่ยถามถึงคนที่อยู่ระดับสูงสุดขององค์กรนี้ วันนี้ไม่ได้ประชุมเกี่ยวกับคาสิโน แต่เป็นการประชุมของบริษัทที่พ่อของเขาเป็นรายใหญ่ที่สุด สถานที่ศูนย์กลางที่ใช้ประชุมเลยตกเป็นหน้าที่ของที่นี่
"คุณครามรออยู่ที่ห้องทำงานนายแล้วครับ" ครินต์พยักหน้าและเดินลงจากรถที่นั่งมา วันนี้เขาไม่ได้ขับมาเองเพราะรู้ดีว่าตัวเองจะเหนื่อยจากการประชุมแค่ไหน แต่กลับไม่เอ่ยห้ามซินเนียที่จะเข้ามาให้เขาสนองสิ่งที่เธออยาก
ไม่รู้สิ เหมือนเธอคือข้อยกเว้นทุกอย่างของเขา ไม่มีเวลาหรือเหนื่อยขนาดไหนเขาก็จะหาเวลาหาแรงของตัวเองมาทำในสิ่งที่เธอต้องการ แต่กลับพูดกับตัวเองเสมอว่ามันไม่ใช่ความรัก เขาแค่เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วก็เท่านั้น
การประชุมที่หนักหน่วงกินเวลาชีวิตของครินต์ไปกว่า 4 ชั่วโมงเพียงเพราะมีคนไม่เห็นด้วยที่ครามพ่อของชายหนุ่มกำลังจะแต่งตั้งลูกชายเพียงคนเดียวอย่างเขาขึ้นมารับช่วงต่อธุรกิจแทน
"เครียดรึเปล่า?"
"ไม่ครับ" ร่างแกร่งตอบกลับพ่อของตนด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง สายตาของเขาเอาแต่คอยจ้องมองที่นาฬิกาซ้ำ ๆ
"นัดใครไว้?"
"ทั่ว ๆ ไปครับ"
"แต่ป๊าเห็นมีอยู่คนเดียวหนิ" ครามเปิดประเด็นเพราะอยากให้ครินต์ได้รับรู้ ไม่ว่าเขาทำอะไรอยู่ก็ตาม มันปิดครอบครัวของเขาไม่พ้นเพียงแค่ไม่มีใครเข้ามายุ่งก็เท่านั้น
"ตกลงกันไว้แค่ตรงนั้นครับ"
"แล้วไม่คิดจะสร้างครอบครัวหรือไง ถ้าเขาโดนใจจนอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ มั่นใจว่าดีจริง ป๊าไม่ได้ติดอะไรนะ" มันไม่ใช่การกดดันครินต์รู้ดี เพียงแค่ป๊าของเขาพูดด้วยความหวังดี
"ผมยังไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นครับ อีกอย่างผมไม่ได้รักเธอ"
"แน่เหรอ?"
"ครับ"
หลังจากคุยกันได้อีกสักพัก ทั้งสองก็แยกย้าย ป๊าของชายหนุ่มออกจากคาสิโนเพื่อตรงกลับบ้าน ส่วนครินต์เดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองและมองไปรอบ ๆ
"การ์ด!"
"ครับนาย" การ์ดวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยเรียก ก่อนจะรีบก้มหัวเมื่อเจ้านายหนุ่มมีแววตาที่ดุดัน
"ซินเนียเข้ามารึเปล่า?"
"เข้ามาครับ แต่เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่ ฝากบอกนายว่าเพื่อนนัดทานข้าวพอดีครับ" ชายหนุ่มพยักหน้าตอบเพียงเท่านั้นและเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม เหมือนทุกวันที่เขาทำมัน
ความคิดเมื่อวานที่เขากำลังคิดตอนที่ครามเขามาคุย ร่างแกร่งก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิม เพียงแค่ไม่มีใครรู้ว่ามันคือเรื่องอะไรเท่านั้นเอง แต่แล้วเรื่องนั้นมันก็ถูกขั้นเมื่อย้อนนึกถึงจุดเริ่มต้นของเขาและเธอ
ซินเนียเป็นลูกสาวไฮโซชื่อดังคนหนึงในวงการมายาที่ชอบใส่หน้ากากเข้าหากัน งานเลี้ยงของหนึ่งในเพื่อนครินต์ที่ถูกจัดขึ้นในคลับหรูเป็นสถานที่แรกที่เขาและเธอได้พบกัน
ยิ่งไปกว่าการอยู่ที่เดียวกันในคืนเดียวกัน คือแฟนเพื่อนของร่างบางเป็นคนรักของเจ้าของงานที่ถูกจัด นั่นหมายถึงเพื่อนของครินต์ด้วยเช่นกัน โต๊ะเดียวกัน สายตาที่ใช้มองเป็นสายตาเดียวกัน มันจึงยาวไปจบที่เตียง
เธอตอบสนองรสเซ็กในแบบที่ครินต์ชอบได้อย่างดีแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้ ครินต์ก็ทำให้เธอพอใจในเรื่องนี้ในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้เช่นเดียวกัน จากที่ควรจะแยกย้าย มันจึงกลายมาเป็นมาข้อตกลงในเช้าวันถัดมา
"ฉันชอบเซ็กของเธอ ถ้าเธอพอใจฉันอยากดีลไว้ระยะยาว"
"แล้วฉันจะได้อะไรถ้าตกลง" ซินเนียเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามถึงผลประโยชน์ที่เธอจะได้รับ
"เธอจะไม่ต้องไปหาความสุขจากไหนอีก มันจะปลอดภัยต่อตัวเธอและฉัน อะไรที่อยากได้เพิ่มก็แค่บอกมา" ท่าทางที่นิ่งแบบนั้นยิ่งดึงดูดคนอย่างซินเนีย
"มันจะปลอดภัยแน่เหรอ ในเมื่อนายก็ยังเอากับใครต่อใคร?"
"ฉันจะหยุดแล้วทำมันแค่กับเธอ เธอเองก็ต้องทำแบบนั้น ถ้าจะตกลงก็มั่นใจก่อนว่าตัวเองจะทำได้ เพราะฉันถ้าพูดหรือเอ่ยอะไรไปแล้ว ฉันทำได้อย่างแน่นอน" เขาติดกระดุมเสื้อของตัวเองจนครบจึงเงยหน้ามองคู่สนทนาที่นั่งทำท่าคิดอะไรอยู่
"ฉันให้เวลาเธอถึง 6 โมงเย็นของวันนี้ ถ้าตกลงก็ไปหาฉันที่นี่ แต่ถ้าไม่มาฉันจะถือว่าเธอปฏิเสธ" ครินต์วางนามบัตรไว้และเดินจากไป ซินเนียมีคำตอบในใจอยู่แล้ว เพียงแค่เธออยากดึงเกมเท่านั้น และเมื่อหยิบนามบัตรขึ้นมา มุมปากบางยกยิ้มร้ายในทันที
"เลื่องลือแบบที่คนอื่นเขาว่ากันมั้ยนะ"
5 โมงเย็น
ครินต์เคาะโต๊ะทำงานด้วยความประหม่า เหลืออีกเพียงแค่ชั่วโมงเดียวแล้วเขายังไม่เห็นเงาของคนที่ตัวเองหลับนอนด้วยเมื่อคืน ความมั่นใจที่เคยมีก่อนหน้าว่าเธอต้องตกลงแน่ ๆ เริ่มหดหายไป
17.59 น. ครินต์เตรียมหยิบกุญแจรถเพื่อจะกลับบ้าน เพราะเหลือแค่ 1 นาที นั่งรอทำไมให้เสียเวลามากกว่านี้ทั้งที่งานเคลียร์เสร็จตั้งแต่บ่ายสอง
แกร๊ก! และไม่ทันจะถึงประตู ก็มีคนที่เปิดเข้ามาก่อน เธอคนที่เขานั่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อโดยไม่รู้ว่าทำไมและเพราะอะไร อาจจะเป็นที่ไม่มีใครสนองเขาได้ดีแบบเธอมาก่อน จึงคิดเสียดายถ้าหลุดมือไป
"ทันอยู่หนิ?" ซินเนียยกข้อมือมาดูนาฬิกาและไหวไหล่สบาย ๆ เหมือนไม่เดือดร้อนอะไรมากมาย
"มาทำไมป่านนี้?"
"ก็บอกเองว่าถึง 6 โมง ฉันก็ไม่ได้มาเกิน นายจะว่าฉันไม่ได้เด็ดขาด"
"อืม ไหนคำตอบ?"
"แค่มาก็ตอบได้แล้วหนิ ไม่เห็นต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย" การกระทำของเธอมันย้อนแย้งตรงที่คำตอบมันสั้นกว่าประโยคที่เธอพ้นออกมาเสียอีก
"อืม บนรถจากคาสิโนจนถึงคอนโดฉัน ช่วยทำให้ประทับใจแบบที่ปากดีด้วย"
"!!"