รถยนต์คันหรูของจักราเทพขับมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังโตโดยที่มีแม่บ้านออกมายืนต้อนรับ เขาก้าวเข้าไปด้านในคฤหาสน์พร้อมกับความสงสัย เนื่องด้วยปกติแม่ของเขาจะเป็นคนออกมารับด้วยตัวเองไม่ใช่แม่บ้านแบบนี้ แม่บ้านทัดทายว่า
“คุณจัมพ์มาแล้ว”
และแม้ว่าในใจของจักราเทพจะนึกแปลกใจทว่าสองเท้ายังคงก้าวเข้าไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงห้องที่ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันดังเล็ดลอดออกมา เสียงนั้นมันไม่ได้มีเพียงเสียงของพ่อและแม่เขาเท่านั้น แต่ยังมีเสียงของคนอื่นอยู่ด้วย
“จัมพ์มาแล้วเหรอลูก มาทานข้าวก่อนสิ” หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นเดินเข้ามาจูงมือลูกชายไปยังเก้าอี้ พร้อมกดบ่าลงให้นั่ง
จักราเทพทำได้เพียงแค่มองมารดาที่ดูจะมีความสุขโดยที่เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อีกทั้งคนที่ร่วมโต๊ะในอาหารมื้อค่ำวันนี้นั้นยงเป็นครอบครัวของหญิงสาวคนนั้นด้วย
หญิงสาวที่ชื่อลัลลนา…
“หนูเลิฟ นี่พี่จัมพ์ลูกชายแม่เอง” นาทฤดีแนะนำอย่างเป็นกันเอง ขณะที่เจ้าของใบหน้าสวยหวานยกยิ้มจนข้างแก้มขึ้นรอยบุ๋ม ก่อนจะพนมมือไหว้คนโตกว่าอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะ”
“อืม” จักราเทพครางรับในลำคอเพียงเล็กน้อย จากนั้นแม่ของเขาจึงได้แนะนำแขกตรงหน้า
“ตาจัมพ์ นี่น้องเลิฟนะ ลูกคุณเดชกับคุณหญิงนวลปราง”
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะเริ่มตักกับข้าวใส่จานด้วยความหิวท่ามกลางสายตาของบรรดาผู้ใหญ่และลัลลนา
“ลูกชายคุณฤดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ทั้งยังเรียนจบจากนอกอีกด้วย ผมเองก็ยินดีนะครับถ้าจะให้ทั้งสองหมั้นหมายกัน” เดชพูดขึ้นอย่างชื่นชมหน้าตาที่คล้ายคลึงกันไม่มีผิดเพี้ยนระหว่างจักราเทพกับศิรักษ์ผู้เป็นพ่อ ทว่าคำพูดของเขาทำเอาจักราเทพสำลักข้าวทันที
“แค่ก ๆ !”
“จัมพ์เป็นอะไรลูก” นาทฤดีถาม พลางลูบหลังลูกชายที่ไอสำลักจนหน้าดำหน้าแดง
“คงตกใจน่ะสิคุณหญิง” ศิรักษ์พูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับแม่” จักราเทพพูด พลางยกมือปรามคนเป็นแม่ที่กำลังลูบหลังปลอบ
“ดีขึ้นแล้วนะตาจัมพ์” นาทฤดีถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ จักราเทพจึงพยักหน้าแล้วเสตามองลัลลนาที่นั่งทำสีหน้าเป็นห่วงเขาจนนึกไม่ชอบใจ เขาสงสัยว่าเธอต้องการเงินของเขาหรือเปล่าถึงได้ยอมรับเรื่องการคลุมถุงชนแบบนี้ได้ อีกอย่างพ่อแม่ของเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีก ไม่มีติดขัดอะไรเลยจนเขารู้สึกไม่พอใจ ไม่รู้ว่าเธอทำของใส่พ่อกับแม่ของเขาหรือเปล่าถึงได้เอ็นดูกันขนาดนั้น
“ดีใจจังเลยค่ะที่ตระกูลเครือจินดาจะได้เกี่ยวดองกับตระกูลภิมุขภักดีกุล ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ” แม่ของลัลลนาพูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจอย่างชัดเจน ส่วนนาทฤดีนั้นนั่งยิ้มไม่หุบกับข่าวดีนี้
“น้องปรางก็พูดเกินไป พี่ก็ดีใจเช่นกันที่จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน หนูเลิฟกิริยามารยาทเรียบร้อยแถมยังทำงานเก่งอีก พี่ชอบมาก”
“ว่าแต่พิธีหมั้นจะจัดวันไหนดีครับคุณฤดี” เดชถามขึ้นมา นาทฤดีจึงตอบว่า
“พรุ่งนี้ฉันว่าจะพาน้องปรางไปหาพระทำบุญสักหน่อยแล้วค่อยถามฤกษ์จากหลวงตาเลยทีเดียวค่ะ” จากนั้นเธอก็หันมาถามลัลลนา หญิงสาวที่เธอนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย “แล้วหนูเลิฟจะไปกับแม่เขาด้วยไหมล่ะลูก”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเลิฟติดงานค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าวันไหนว่างก็โทรมาบอกแม่นะ” นาทฤดีกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ใหญ่ใจดี ขณะที่บุตรชายของเธอนั้นเอาแต่นั่งรับประทานอาหารอยู่เงียบ ๆ ไม่ปริปากสนทนาใด ๆ กับใครทั้งสิ้น ทำเอาผู้เป็นพ่ออดถามไม่ได้
“จัมพ์ ใจคอจะไม่คุยกับน้องหน่อยเหรอ”
และเมื่อศิรักษ์โยนคำถามมา จักราเทพก็ไม่รอช้ารีบเข้าประเด็นทันที
“ทำไมผมต้องหมั้นกับเลิฟครับ”
“เพื่อธุรกิจของพวกเรายังไงล่ะ ถ้าเราสองครอบครัวได้ดองกันก็มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครสามารถโค่นล้มเราได้” ศิรักษ์พูดขึ้น อีกอย่างครอบครัวเครือจินดาก็ไม่ใช่เล่น ๆ เรียกได้ว่ามีอำนาจไม่แพ้ตระกูลเขาเลย
จักราเทพได้ฟังก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะยกมือไหว้ทุกคน จากนั้นก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปทันที นาทฤดีเห็นสายตาของลัลลนาที่มองลูกชายเธอชนิดไม่วางตาแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้น
“เลิฟไม่ตามพี่เขาไปหน่อยเหรอลูก”
“ค่ะ” ได้ยินดังนั้นลัลลนาจึงลุกขึ้นเดินตามร่างสูงไปก่อนจะเห็นแผ่นหลังกว้างที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน เธอร้องเรียก “คุณจัมพ์คะ”
จักราเทพพลันหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเรียกจากด้านหลัง จากนั้นลัลลนาก็มายืนอยู่ต่อหน้าเขา
“คือ…”
“ไสหัวไปซะ !” ชายหนุ่มตะคอกไล่หญิงสาวอย่างไม่สนใจ ทำเอาเธอสะดุ้งตัวโยนด้วยความผวา
“เอ่อ…” ใบหน้าสวยหวานนิ่งค้างอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบ ตอนนี้จักราเทพดูไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านไปว่า
“ถ้าคิดจะใช้พ่อแม่เพื่อมาจับฉันให้แต่งงานกับเธอก็ฝันไปเหอะ”
ลัลลนามองตามหลังอีกฝ่ายไปด้วยความเศร้า เธอไม่คิดว่าเขาจะเกลียดเธอมากขนาดนี้ เขาแทบจะไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ เธอถอนหายใจออกมาเพราะรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ใช่ว่าเธอเห็นด้วยกับผู้ใหญ่หรอกนะ แต่เธอขัดไม่ได้ต่างหาก เธอได้แต่หวังว่าจะมีทางออกที่ดีสำหรับทุกคนในเรื่องนี้ และถึงแม้เธอจะแอบชอบจักราเทพแต่นั่นก็ไม่ได้ความว่าเธออยากแต่งงานกับเขา เพราะเธอรู้ดีว่าการแต่งงานที่ปราศจากความรักนั้น อย่างไรเสียก็คงไม่มีความสุขอย่างแน่นอน