“ขอบคุณค่ะหญิง แค่ที่ให้เราสองแม่ลูกก็มากพอแล้วล่ะค่ะ เราไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้วค่ะ จริงมั้ยลูก”
สายชลพูดพลางหันไปหาลูก ด้วยอาการของคนที่เจียมตัว ถึงแม้เธอกับรสรินทร์จะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนก็ตาม แต่เมื่อสามีเธอเสียไป ธุรกิจทุกอย่างก็หายไปพร้อมกับสามี ก็เหมือนมาตั้งต้นใหม่กับรสรินทร์ที่นี่ เธอก็หวังจะให้ลูกชายคนเดียวเป็นผู้สืบทอดจากพ่อต่อไป
“คุณน้าพูดอะไรอย่างนั้นครับ ทั้งกรณ์กับคุณน้าก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญเปรียบเหมือนคนในครอบครัวของเราครับ วันหนึ่งข้างหน้าผมอยากให้เจ้ากรณ์ได้มีอะไรเป็นของตัวเอง ให้เขาได้ทำอย่างที่เขาอยากจะทำบ้าง จริงมั้ยกรณ์” ธรรทรกล่าวพร้อมตบไหล่เพื่อนรู้ใจ
“ก็แล้วแต่คุณธรรครับ ผมยินดีช่วยทุกเรื่องครับ”
อลงกรณ์บอกด้วยท่าทางเจียมตัว เพราะต่อหน้าคุณหญิงแล้ว เขาคิดเสมอว่าเธอจะไม่ชอบให้ใครมาตีเสมอเธอและลูกชายเด็ดขาด เพราะเธอเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่มีใครเอาอยู่นอกจากแม่ของเขา แต่ก็ไม่ใช่คุณหญิงจะแย่ไปทุกเรื่อง อย่างน้อยเธอก็ดูแลเขากับแม่มานับสิบๆ ปี ซึ่งข้อนี้เขาระลึกเสมอมา
“น้าว่าไปทานข้าวกันเถอะนะสำรับตั้งแล้วค่ะ” สายชลตัดบท
“ก็ดีเหมือนกันฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วล่ะ” คุณหญิงลงความเห็นพร้อมลุกเดินนำหน้ากลุ่ม พร้อมทั้งสองหนุ่มเดินตามไปด้วยดี
“ก๊อกๆ วันนี้ผมขอฝากเจ้ากรณ์ให้นั่งทำงานที่นี่สัก สองชั่วโมงนะครับ คุณขิมพอดีจะคุยกับลูกค้าที่ร้านอาหารข้างล่างครับ เจ้ากรณ์มันไม่อยากจะคุยมันบอกว่ามีงานค้าง ก็เลยแบกคอมฯ มาทำที่นี่ เสร็จแล้วก็จะเลยไปทำธุระที่บริษัทลูกค้าที่ใกล้ๆ โรงแรมคุณขิมครับ”
อลงกรณ์อธิบายยืดยาวขณะที่ทั้งสองเดินตามเลขาเทียมหทัยเข้ามาในห้องทำงานของเธอ เขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะท่องเหตุผลร้อยแปดที่จะต้องให้เจ้านายเข้ามานั่งทำงานในนี้ได้ หลังจากที่ถูกธรรทรสั่งให้พูดมาตอนที่อยู่ในรถ
“เชิญตามสบายค่ะ แต่ความจริงโรงแรมเรามีห้องสำหรับให้ลูกค้านั่งทำงานชั่วคราวไว้นะคะ มีอุปกรณ์ครบค่ะ”
เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องขอให้มาทำในห้องของเธอ เพราะเธอรู้สึกอึดอัดบ้าง เพราะตั้งแต่ที่กลับจากกาญจนบุรีคราวที่แล้ว รู้สึกว่าธรรทรจะเอาผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาอาศัยห้องทำงานของเธอค่อนข้างบ่อย
แต่เขาก็ไม่ได้รบกวนอะไรเธอมากมาย เพราะอลงกรณ์นั้นสุภาพและรู้มารยาทในการมาอาศัยห้องคนอื่นทำงาน เขาก็จะทำงานไปโดยไม่ได้พูดกับเธอมากถ้าไม่จำเป็น
“ไม่ดีกว่าครับ เผื่อเขามีอะไรจะได้ปรึกษาคุณขิมได้ คงไม่รบกวนคุณขิมนะครับ” อลงกรณ์บอกแทนเจ้านาย
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีค่ะ แต่ขิมแค่เกรงว่าคุณกรณ์จะไม่ค่อยสะดวกเท่านั้นเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมชอบทำที่นี่เพราะเงียบดี”
ธรรทรบอก เพราะทุกครั้งที่เขาขอมานั่งทำงานที่นี่ เขาก็ทำงานของเขาจริงๆ ไม่ได้เสียงานแม้แต่น้อย เพราะงานที่ให้อลงกรณ์ไปทำแทนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นงานที่เขาจัดการไว้เกือบทั้งหมดแล้ว
และอีกอย่างหนึ่งการได้มานั่งทำที่นี่ทำให้เขาได้เห็นพฤติกรรมของหญิงสาวที่เขานับวันก็จะรับเข้าไปอยู่ในห้องหัวใจทุกๆ ห้องของเขาแล้ว ผิดแต่เขายังไม่แน่ใจในความรู้สึกของเธอเท่านั้นเอง
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ทำตัวดีๆ นะกรณ์เดี๋ยวคุณขิมไม่ให้อยู่ด้วยนะ” เขาบอกพลางฉายแววตามีความหมาย
“เชิญค่ะ” มือบางผายเชื้อเชิญ
“คุณจะรับอะไรมั้ยคะจะได้ให้คุณกานดาจัดมาให้ค่ะ” เธอถามตามมารยาท
“ไม่เป็นไรครับผมเรียบร้อยมาแล้ว เชิญคุณขิมทำงานตามสบายครับ ต้องขอโทษครับที่รบกวนอีกแล้ว” เขาพูดแบบสุภาพ เพราะไม่อยากจะออกอาการให้เธอรู้ว่าที่เขาทำนี้ทั้งหมดคือต้องการจะจีบเธอเท่านั้น
“งั้นก็เชิญคุณกรณ์ตามสบายค่ะ”
เธอตอบแบบเสียไม่ได้ เพราะไม่ค่อยแน่ใจในจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้มาเยือน หรือว่าเขาอยากจะมาสืบหาความลับอะไรจากเธอ คิดได้แค่นั้นเธอก็ต้องหยุดความคิดเอาไว้ และก็จะต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมเธอบอกตัวเอง
“คุณกรณ์หิวหรือยังคะ นี่ก็จะบ่ายแล้วนะ คุณธรรติดต่อเข้ามาหรือยังคะ” เธอถามเพราะตั้งแต่เจ้านายของเขาเอามาฝากไว้ ก็ไม่เห็นติดต่อเข้ามาเลย เห็นแต่เขานั่งทำงานโดยไม่ได้พูดจาอะไรกันเลยสักคำ ซึ่งเธอเองไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
และที่สำคัญเมื่อมีเขามานั่งร่วมห้องทำงานด้วยมันทำให้เธอไม่มีสมาธิในการทำงานเอาเสียเลย เพราะเพื่อนร่วมห้องของเธอมีหน้าตาที่หล่อเหลา จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมสันและงามได้รูปของเขา ผิวพรรณของเขาก็บ่งบอกว่าอยู่ในที่ๆ มีอากาศดีๆ มานับแรมปี
ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงในการทำงานของเขา และการทำงานบนคอมพิวเตอร์แบบพกพาของเขานั้น มันช่างเป็นท่วงท่าที่ทำลายสมาธิของเธอตลอดเวลาเลยทีเดียว เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่า นี่เขามาขอใช้ห้องทำงานของเธอเพราะต้องรอเจ้านาย
หรืออยากจะมาอยู่ใกล้ๆ เธอ หรือว่าเขาอยากจะมาขโมยความลับอะไรในห้องของเธอกันแน่ และเพราะเหตุผลหลังนี่เองที่มันทำให้เธอไม่อยากจะทิ้งเขาไว้ในห้องคนเดียว
นี่ดูสิจนบ่ายคล้อยแล้วเจ้านายยังไม่มารับเขากลับเลย และเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหิวอะไรเอาซะเลย ผิดกับเธอ เพราะทุกๆ เช้าจะรับกาแฟแก้ว กับขนมปังชิ้น ก่อนออกบ้านแค่นั้นเอง
“ยังเลยครับ ไม่เห็นโทรมาหาผมเลย นี่ผมก็โทรหาแล้วนะครับ แต่ไม่รับสายผมเลย สงสัยยังไม่เสร็จธุระครับ ว่าแต่คุณขิมหิวหรือยังครับ ผมก็เริ่มหิวบ้างแล้ว ให้ผมเลี้ยงข้าวเที่ยงเป็นการตอบแทนที่ให้ใช้ห้องนะครับ”