บทที่ 3 ความก่อนหน้า

1319 คำ
บทที่ 3 ความก่อนหน้า ตกค่ำมู่หรงซานก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจ้องมองไปรอบๆ ยามนี้ภายในเรือนจุดเทียนเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นเพื่อให้ความสว่าง เขารู้สึกปวดระบมไปทั้งตัว ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ หลี่จื่อเวยนางทุบตีเขาอย่างหนักในช่วงสองสามวันมานี้ แม้เขาจะเสเพลเพียงใด แต่ก็ไม่เคยทุบตีภรรยา อีกทั้งนางก็ยังเป็นภรรยาสุดที่รักของเขา ใจของเขาย่อมรักใคร่ในตัวนางไม่น้อย แต่ทว่าตั้งแต่ที่นางฟื้นขึ้นมาจากความตายก็คล้ายมีบางอย่างแปลกไป นางมีนิสัยที่ดุดันขึ้น เขาเพียงอ้าปากจะพูดนางก็ตบตีเขาเสียแล้ว หลายวันมานี้เขาไม่ได้ไปพบกับสหายรักที่โรงพนันและโรงสุราเลย หิวสุราจัง!!! มู่หรงซานเอ่ยพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนคราหนึ่ง ก่อนจะจ้องมองไปที่หลี่จื่อเวย ซึ่งยามนี้คล้ายว่านางกำลังวุ่นวายอยู่กับกองตำราบางอย่างตรงหน้า เขาเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลมู่หรง มีญาติผู้น้องนามว่ามู่หรงเฉินเพียงคนเดียว บ้านรองเองก็ค่อนข้างดีกับเขาไม่น้อย แม้ท่านอารองจะเป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยารอง แต่กลับรักใคร่และปรองดองกับท่านพ่อของเขาเป็นอย่างดี เขาจำได้ว่าเมื่อสองปีก่อน เขาไปดื่มสุราจนเมา ก่อนจะพบกับหลี่จื่อเวยที่กำลังนำผ้าเช็ดหน้ามาขาย เขาตกหลุมรักนางในทันที จึงเข้าไปเกี้ยวพานางอย่างไร้ยางอาย ก่อนจะเร่งกลับจวนไปบังคับท่านพ่อท่านแม่ให้ไปสู่ขอนางเข้าจวนมาทันที สวรรค์ก็ช่างเป็นใจยิ่งนัก บิดาของเขารู้จักกับบิดาของหลี่จื่อเวยเข้าพอดี เมื่อเป็นเช่นนั้นทั้งสองตระกูลจึงตกลงหมั้นหมายและจัดพิธีแต่งงานอย่างรวดเร็ว คืนวันแต่งงานนางร้องไห้อย่างน่าสงสาร นางเอาแต่ร้องไห้จนไม่ยอมเข้าหอกับเขา เขาต้องพยายามหลอกล่อนางทุกทาง จนกระทั่งได้หลับนอนเป็นสามีภรรยากับนางหลังจากแต่งงานกันมาได้สามเดือน เขาเป็นบุตรชายที่ท่านพ่อและท่านแม่รักมากที่สุด สิ่งใดที่ว่าดีท่านพ่อท่านแม่ก็หามาให้เขาทุกอย่าง ให้มากเสียจนบางครั้งท่านอารองยังต้องเอ่ยปราม แต่เขากลับไม่เข้าใจคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ชอบบ่นเขา สั่งให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ บางคราก็บอกว่าหากเขาทำตัวไม่ดี สวนผักสวนผลไม้ที่มี รวมถึงร้านรวงสมบัติก็จะไม่ให้เขาเด็ดขาด สู้เอาไปบริจาคให้คนยากไร้ยังดีเสียกว่า มู่หรงซานถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะดึงตนเองออกมาจากความคิดเหล่านั้น แล้วจ้องมองไปที่หลี่จื่อเวยซึ่งยามนี้กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมองสมุดบัญชีตรงหน้า ก่อนจะทิ้งกายลงนอนเช่นเดิม ด้านหลี่จื่อเวยนั้นรู้สึกโมโหไม่น้อย นางหันไปมองมู่หรงซานที่กำลังนอนหลับอยู่ ในใจนึกอยากจะเดินเข้าไปทุบตีเขาอีกสักยก วันนี้นางลองสอบถามเรื่องเก่าๆ จากเถาเถา เกี่ยวกับบ้านพ่อแม่สามีและตัวของมู่หรงซาน เถาเถาบอกว่าก่อนมู่หรงซานจะแต่งงานกับนาง บิดามารดาจ้างอาจารย์ที่มีความรู้มาสอนเขาที่จวน อีกทั้งยังคิดจะส่งเขาเข้าเรียนที่สำนักศึกษา แต่ทว่าเขากลับไม่เอาไหน เอาแต่เที่ยวเล่น สิ้นเปลืองเงินทองในจวนเป็นอย่างมาก หนักสุดคือไม่กลับจวนใช้ชีวิตอยู่ในโรงพนันเหมือนบ้านหลังที่สอง ลำบากบิดามารดาร้อนใจส่งคนไปลากตัวเขากลับมา หลี่จื่อเวยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิด อาจเป็นเพราะมู่หรงซานถูกเลี้ยงดูมาแบบผิดๆ พ่อแม่ตามใจจนเสียคน เขาคิดว่าเขามีเงินจะใช้ชีวิตเช่นไรก็ได้ อีกทั้งยังคบหาสหายที่มีนิสัยเหมือนกัน ทำให้เขามีนิสัยย่ำแย่เช่นนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเงินทองมันก็มีวันหมดไป อีกทั้งตระกูลมู่หรงก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดี่จะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ถึงขนาดนั้น หากจะดัดนิสัยมู่หรงซานในยามนี้ย่อมเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่นับว่าไร้หนทางเสียทีเดียว บางคราหากตบตีเขาบ่อยๆ อาจจะดีขึ้นก็ได้ รุ่งเช้าวันต่อมา หลี่จื่อเวยเพิ่งรู้จากเถาเถาว่าวันนี้คือวันที่นางและมู่หรงซานจะต้องไปกินอาหารที่เรือนใหญ่ร่วมกับพ่อแม่สามีและบ้านรอง ในทุกๆ วันที่สิบห้าของทุกเดือน ลูกชายและลูกสะใภ้มักจะต้องไปกินอาหารหนึ่งมื้อร่วมกับบิดามารดาของสามี ส่วนวันอื่นๆ ก็กินอยู่ที่เรือนของตนเองไม่ต้องมากพิธีอะไร หลี่จื่อเวยจ้องมองเสื้อผ้าของตนที่ยามนี้แลดูเก่ามากแล้ว ด้วยความรู้สึกที่อเนจอนาถใจไม่น้อย นางเลือกชุดสีเขียวอ่อนที่ดูกลางเก่ากลางใหม่ขึ้นมาสวม ก่อนจะหันไปมองมู่หรงซานที่ยามนี้ก็แต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน เพราะระยะนี้ถูกภรรยายอดรักบังคับให้อยู่แต่ในจวน ทำให้มู่หรงซานที่ไม่ได้ดื่มสุราหลายวันหน้าตาดูผ่องใสขึ้นไม่น้อย หลี่จื่อเวยลอบซู้ดปากคราหนึ่งในความหล่อเหลาของมู่หรงซาน นางเล่นซีรีส์เจอพระเอกหล่อๆ มาหลายเรื่องยังไม่มีใครหล่อเท่ามู่หรงซานเลย มู่หรงซานที่เห็นว่าภรรยาตนจ้องมองด้วยความชื่นชมก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะเอียงคอมองนาง "มองสามีเช่นนี้ สามีเขินอายยิ่งนัก มิสู้เรามาทำกิจกรรมของสามีภรรยาสักรอบ โอ๊ย!!! เขวี้ยงถ้วยชาใส่ข้าทำไม!!!" "มันใช่เวลามาหื่นหรือ นี่มู่หรงซาน วันนี้ตอนที่ไปกินอาหารที่เรือนใหญ่ ท่านจะต้องพูดจากับท่านพ่อท่านแม่ให้ดีๆ ยามนี้เรือนของเราไม่มีเงินทองแล้ว ข้าอยากจะได้เงินสักก้อนมาต่อยอดเพิ่ม เผื่อว่าท่านพ่อท่านแม่จะช่วยพวกเราได้" มู่หรงซานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาทันที “จือจือ เจ้ารอข้าสักสองวัน ข้าจะเข้าโรงพนันหาเงินมาให้เจ้าเอง เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากพึ่งพาพ่อแม่ พวกเขาเอาแต่บังคับข้าให้ทำนั่นทำนี่น่าเบื่อจะตาย” “มู่หรงซาน ท่านอยากสลบอีกรอบหรือ?” “ไม่อยากเลยจ้ะ” เขายิ้มตาหยี ก่อนจะเดินเข้ามารวบเอวบางของหลี่จื่อเวยไปกอดเอาไว้ หลี่จื่อเวยขืนกายเอาไว้ พยายามข่มใจไม่ให้ทุบตีมู่หรงซานอีกรอบ อย่างไรเสียนี่ก็คือสามีของนาง สามีที่นางไม่อยากจะยอมรับ แต่ถ้าหากนางปฏิเสธเขาอย่างตรงไปตรงมา เกรงว่าเขาจะสงสัยในตัวของนางเอาได้ แต่คนโง่เช่นมู่หรงซานคงไม่น่าสงสัยสิ่งใดกระมัง "จือจือ หากพี่ซานทำสำเร็จ แล้วหาเงินจากโรงพนันมาให้เจ้าได้ เจ้าจะต้องมีรางวัลนะ" "รางวัลอันใด" "เราไม่ได้...กันมาสักพักแล้ว" หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย "เป็นผู้เป็นคนให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดกับข้า เร็วเข้า!! เลยเวลาแล้ว" "โธ่ จือจือ" "มู่หรงซาน หากท่านยังชักช้า ข้าจะหาไม้มาทุบขาท่านจนหักเลยคอยดู" "ไปแล้วๆ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม