นารีฝ่าความมืดพาตัวเองมาถึงโต๊ะด้วยความตื่นตระหนกที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว จากที่ไม่ชอบสถานที่แบบนี้อยู่แล้วกลับทำให้เธอรู้สึกติดลบไปเลยทันที การกระทำที่เธอถูกล่วงล้ำเมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกกลัวแต่ก็ทำให้รู้สึกแปลกๆในเวลาเดียวกัน
“ทำไมทำหน้าแบนนั้นน่ารี แล้วปากไปโดนอะไรมาถึงบวมเจ่อมีเลือดซึมซิบแบบนั้น” ซาร่าที่รู้สึกผิดที่เอ่ยดุนารีก่อนหน้านั้น เธอจึงเดินมาหาเพื่อนรักเพื่ออยากจะขอโทษ แต่ก็ได้เห็นท่าทางตื่นกลัวของเพื่อนสาวและปากที่บวมผิดปกติ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงปนสงสัย
“มะ…ไม่มีอะไร นารีแค่เผลอกัดปากตัวเองตัวตอนอยู่ในห้องน้ำ” เธอพูดโกหกแบบคำโตพลางคว้าแก้วข้างๆ มาดื่มอย่างไม่ทันสังเกต เพื่อกลบเกลื่อนไม่อยากให้เพื่อซักไซ้
แค๊ก~แค๊ก
น้ำที่อยู่ในแก้วที่นารียกดื่มเมื่อครู่มันคือเหล้าเพียวๆ ที่มีรสชาตินุ่มคอสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับเด็กสาวแรกรุ่นมันกลับขมฝืดขึ้นคอขึ้นจมูกจนเธอแทบอ้วก ทำให้เผลอไอออกมาอย่างดังด้วยกลิ่นที่ฉุนและความขมของมัน
“เป็นไงบ้างนารี”
“งื้อ นารีขมคอไปหมดเลย” สาวน้อยตอบอย่างหน้าเบ้เพราะความขมพลางยกน้ำเปล่ามาดื่มล้างปากอีกครั้ง ซาร่าแกะลูกอมสีแดงกลิ่นสตรอเบอร์รี่ส่งเข้าปากให้เพื่อนด้วยความสงสาร เพราะนารีไม่เคยดื่มเหล้าเลยจริงๆ เธอเป็นเด็กน่ารักอ่อนหวาน ที่ใครๆ อยู่ใกล้ก็หลงรักทั้งนั้น
“พรุ่งนี้ใช่ไหมที่นารีต้องไปบ้านอยู่บ้านคุณหญิงรัศมี” นารีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงพยักหน้ารับอย่างเป็นคำตอบให้กับลูกกวาด พลางเอียงศีรษะซบที่ไหล่แคบของซาร่าอย่างปวดหัว
“เด็กน้อยเอ้ย! แค่นี้ก็ปวดหัวสะละ” ซาร่าที่รักและเอ็นดูนารีเหมือนน้องสาว จะคอยดุคอยเตือนคอยสอนทุกเรื่องให้กับนารีตั้งแต่รู้จักกันมา นารีเองก็จะมีงอแงบ้างน้อยใจบ้างแต่สุดท้ายก็รักและดีกันเหมือนเดิม
เวลา 01:30
สามสาวเดินออกมาจากไนท์คลับ โดยมีหนุ่มๆทั้งมาจีบมาขอเบอร์โทรแต่ไม่มีใครได้ไปสักคนแห้วทุกราย เพราะการ์ดที่ท่านสมภพพ่อของลูกกวาดส่งให้มาคอยดูแลทั้งสามสาว คอยกันท่าอยู่ตลอดเวลา
“นารีให้ลูกกวาดกับซาร่าไปช่วยเก็บของไหม”
“ไม่เป็นไรนารีเก็บหมดแล้ว มีแค่หนังสือกับเสื้อผ้านิดหน่อยเอง” เธอตอบกลับอย่างเกรงใจ ไม่อยากรบกวนเพื่อนๆ ถึงทั้งสองจะเต็มใจช่วยเธอก็ตาม ก็เธอนะทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ที่จะได้ไปอยู่กับคุณหญิงรัศมีเพราะท่านอบอุ่นและใจดีกับเธอมากๆ เธอจึงเก็บเสื้อผ้าไว้ตั้งหลายวันก่อนหน้านี้แล้ว ที่สำคัญจะได้เจอพยัคฆ์นั้นยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
เมื่อหลายปีก่อนพยัคฆ์ไปที่บ้านเด็กกำพร้ากับคุณหญิงรัศมีผู้เป็นแม่ ตอนนั้นนารีอยู่มัธยมต้น เธอวิ่งด้วยความเร็วแบบไม่ดูทาง ตามองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียวเพื่อที่จะมาหาคุณหญิงรัศมี จนเท้าเล็กๆไปสะดุดเข้ากับก้อนขนาดใหญ่ ทำให้นารีล้มหน้าคะมำแถมหัวเข้ายังแตกมีเลือดซึมซิบออกมาทั้งสองข้าง แต่ก็มีพยัคฆ์ที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี เค้าช่วยอุ้มเธอแล้วพาไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตัวเตี้ย เปิดฝาขวดน้ำสะอาดที่ถือติดมือมาด้วย ล้างแผลให้นารี แถมยังควักผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดมาซับเลือดให้อย่างอ่อนโยน จนนารีหลงรักในความอบอุ่นหลงรักในความใจดีจนหมดหัวใจ ทุกวันนี้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็ยังอยู่ นารีเก็บไว้เป็นอย่างดี เวลาที่เธอท้อแท้หรือเหนื่อยใจ เธอมักจะหยิบมันขึ้นมาหอมมาจูบอย่างเป็นการเติมพลังให้กับตัวเอง